ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 415

"ถ้าหากท่านไม่ให้ข้าตรวจดูตอนนี้ วันหลังก็อย่าแตะต้องข้า ถ้าท่านแตะต้องข้าจะกรีดร้องอย่างไร้มารยาท"

เฉินซ่าเหลือบมองนางแวบหนึ่ง มีความรู้สึกอยากจะเถียงขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เมื่อครู่เขารู้สึกว่านางน่ารักมากได้อย่างไร ทั้งๆที่ทำให้รู้สึกแค้นใจจนต้องขบฟัน

อะไรคือแตะต้องนางแล้วจะกรีดร้องอย่างไร้มารยาท นางเป็นสนมของเขา แม้เขาจะแตะต้องนางก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม จนถึงตอนนี้เขายังไม่กลืนกินนางก็นับว่าเมตตากับนางมากแล้ว

เห็นว่าสายตาที่แดงก่ำของเขายังสามารถก่อเกิดความกลัดกลุ้มขึ้นมาได้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล

กำลังจะถามอย่างละเอียด หลินเสิ้งเวยที่อยู่ทางด้านนั้นก็ครางออกมาเสียงหนึ่ง

สำหรับ หลินเสิ้งเวยที่ยอมสละชีวิตเพื่อช่วยนางเอาไว้ โหลชีรับรู้ด้วยความซึ้งใจ แม้ว่านางจะไม่ใช่คนดีขนาดนั้น แต่ก็จดจำทุกความดีของทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม

"ท่านรอสักครู่ ข้าจะไปดูว่าบาดแผลของหลินเสิ้งเวยเป็นอย่างไรบ้าง"

เห็นนางเดินไปทางหลินเสิ้งเวย นั่งลงข้างกายของเขาสำรวจที่หน้าอกของเขา สายตาของเฉินซ่ามีไอสังหารวาบผ่าน แต่ว่าก็อดกลั้นเอาไว้ทันที หมุนตัวเดินไปอีกฟาก

ไม่มอง เขาไม่มองพวกเขาก็น่าจะอดทนได้บ้าง ถ้าหากฆ่าสองคนนี้ต่อหน้านาง สาวน้อยคนนี้คงต้องทะเลาะกับเขาแน่

แต่ว่าในกระแสเลือดมีไอสังหารปั่นป่วน มีแรงกระตุ้นให้ปะทุ และโห่ร้องอยู่ พอหยุดลงไม่ฆ่าคน เขาก็ต้องใช้พลังทั้งหมดในการควบคุมแรงกระตุ้นเช่นนี้

"หลินเสิ้งเวย เจ้าฟื้นแล้ว"หลินเสิ้งเวยลืมตาขึ้นก็มองเห็นโหลชี หัวใจตื่นเต้นจะดีดตัวลุกขึ้นทันที "พระสนม"แต่ว่าหน้าอกได้ส่งกระแสความเจ็บปวดอย่างมหาศาลทำให้เขาต้องล้มลงไปอีกครั้ง โหลชียื่นมือไปประคองเขาเอาไว้ทันที ดูแล้วเหมือนหลินเสิ้งเวยกำลังซบอยู่ที่ไหล่ของนาง

แม้เฉินซ่าจะไม่อยากมอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกวาดตามองแวบหนึ่ง และเห็นเข้ากับฉากนี้พอดี ทันใดนั้นก็เกิดโทสะพุ่งขึ้นมาทันที ตะคอกเสียงดังว่า "เจ้ารีบคลายมือเลยนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะสับเขาให้เละ"

เสียงตะคอกอย่างดุดันนี้ราวกับเสียงฟ้าผ่า ทำเอาทั้งสามคนตกใจจนสะดุ้งโหยง ทหารที่ชื่อหวูเสี้ยวหยู่ขวัญอ่อนที่สุด ถึงกับตกใจจนนั่งแหมะลงไปกับพื้น

โหลชีวางหลินเสิ้งเวยลงทันที ตบที่หน้าอกเบาๆ กลอกตามองเขาอย่างไม่พอใจ "ท่านจะทำให้ตกใจตายหรืออย่างไร"

ยังกล้าต่อปากต่อคำอีก

เฉินซ่าหรี่ตาลง โหลชีเห็นท่าไม่ดี รีบคลำเอายาขวดหนึ่งออกมาทันที โยนให้กับหวูเสี้ยวหยู่ "ป้อนให้เขากินหนึ่งเม็ดทุกหนึ่งชั่วยาม"

จากนั้นก็วิ่งไปทางเฉินซ่า

เฉินซ่าจะถอยหลังไปอีกครั้ง โหลชีรีบพูดขึ้นว่า"ขืนท่านยังถอยอีก ข้าจะไปกอด หลินเสิ้งเวย"

"เจ้ากล้าหรือ"

"ท่านก็ดูแล้วกันว่ากล้าหรือไม่"โหลชีเลิกคิ้ว

มองดูท่าทีท้าทายของนางเช่นนี้ เฉินซ่าได้แต่แค้นใจเงียบๆ กัดฟันกรอด ม้วนมือหนึ่งทีก็คว้าตัวนางเข้ามาในอ้อมอก ก้มหน้าลงไปกัดริมฝีปากที่แดงราวกับกลีบดอกไม้ของนางทันที การกัดของเขาครั้งนี้ใช้แรงอยู่บ้าง ทิ้งรอยฟันเป็นแถวไว้บนริมฝีปากของนาง เกือบจะกัดจนเลือดซิบแล้ว

"อื้อ...เจ็บ "โหลชีทนไม่ไหวจนต้องยื่นมือไปทุบที่หน้าอกของเขา แต่กลับถูกเขาใช้มือข้างเดียวรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ โหลชีสามารถรับรู้ได้ว่าพลังของเฉินซ่าในตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน เมื่อก่อนตอนที่เขาต้องการจะควบคุมนางล้วนใช้วิธีที่แยบยล พยายามไม่ทำให้นางเจ็บ แต่ว่าตอนนี้เขากลับใช้กำลังที่ดุดัน ข้อมือขาวเนียนของนางถูกเขากุมเอาไว้จนเกิดเป็นรอยแดงขึ้นมา และเมื่อครู่เขาก็กัดจนริมฝีปากของนางรู้สึกเจ็บ คาดไม่ถึงว่ายังอยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้ เพราะว่านางได้ยินเสียงหายใจอันหนักหน่วงของเขา ลมหายใจที่ร้อนระอุเป่ารดอยู่บนใบหน้านาง ทำให้นางเข้าใจถึงความทรมานของเขาในตอนนี้

โหลชีผ่อนน้ำเสียงให้อ่อนลงทันที พูดเบาๆว่า "ให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่ ท่านควรจะเชื่อข้า ไม่แน่ว่าข้าอาจจะแก้ไขได้ "

เฉินซ่าค่อยๆใช้ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นมองนางนิ่งๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกอิงเห็นดวงตาของเขาต่างก็รู้สึกตกใจกันหมด แต่นางกลับนิ่งมาก นางแตกต่างตลอดมา เขาจะไม่เชื่อได้อย่างไร

เมื่อครู่เขาหลบเลี่ยงนาง เพราะว่าเขามีความรู้สึกกลัว เกรงว่านางจะพูดออกมาจากปากของนางเองว่าอาการเช่นนี้ไม่สามารถรักษาได้ เขาจะต้องมีดวงตาที่แดงก่ำเช่นนี้ตลอดไป อย่างนี้ถือว่าเป็นปีศาจหรือไม่ อีกอย่างเขายังถูกไอพิฆาตของดาบแทรกซึมอีกด้วย แม้ว่าตอนนี้ดาบจะถูกเก็บเข้าฝักแล้ว แรงกระตุ้นจากไอสังหารอย่างกระหายเลือดสายนั้นยังคง พลุกพล่านอยู่ ทำให้เขาอยากจะฆ่าคนมาก ฆ่า

ฆ่าคนเขาไม่รังเกียจ อย่างไรเสียเขาก็ข้ามผ่านแดนศพทะเลเลือดตลอดมา ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดอะไรก็ไม่แยแส แต่ถ้าหากนางรู้สึกรังเกียจต่อท่าทีของเขาในตอนนี้ เขาคงจะไม่มีทางอดทนได้แน่

เขาคลายมือออก โหลชีรีบจับชีพจรของเขาทันที จากนั้น นางก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกตะลึง "ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น"

นางมองไม่เห็นปัญหาอะไรจากชีพจรของเขาเลย ตอนนี้เขาสุขภาพดีมาก ดีทุกอย่าง พลังภายในเต็มเปี่ยมแน่นหนา สุขภาพดีมาก พิษกู่ต่างก็อยู่อย่างสงบไม่ออกมาสร้างความทรมานใดๆ

"พิษกู่เคยออกฤทธิ์ กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ จากนั้นก็เป็นเช่นนี้"ขั้นตอนที่ซับซ้อน ถูกเฉินซ่าพูดจบด้วยสองประโยคสั้นๆง่ายๆได้ใจความ "ไอพิฆาตของอาบเล่มนั้นเกิดมีพลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ข้า...ถูกควบคุมไว้บางส่วน"

ดีที่โหลชีนั้นเป็นคนฉลาดมาก จากการบอกเล่าง่ายๆของเขาเพียงสองสามประโยคก็สามารถคาดเดาได้บ้างแล้วว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะว่าจางมิ่งเคยบอกว่าเขาได้นำยอดฝีมือมาด้วยห้าสิบคน กลิ่นคาวเลือดบนตัวของเฉินซ่าในตอนนี้ ต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้ได้ผ่านการฆ่าล้างผลาญมาแล้ว

นางดูออกว่า สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องควบคุมแรงกระตุ้นที่อยากจะฆ่าคนจากดาบเล่มนั้น

"ข้ามีวิธี "โหลชีใช้ความคิด สีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก เพราะว่านางคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ยังต้องใช้ของสิ่งนั้นกับเฉินซ่าอีก แต่ว่าตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้

หญ้าปีศาจ

เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่ตำหนักจิ่วเซียวได้รับผงที่ถูกบดมาจากหญ้าปีศาจกำหนึ่งตอนนี้เหลืออยู่ไม่มากแล้ว นางเอาขวดยาเปล่าออกมาขวดหนึ่ง เทหญ้าปีศาจลงไป แล้วก็เพิ่มยาเม็ดที่ตัวเองได้ผสมขึ้นมาก่อนหน้านี้ ผสมจนเข้ากันแล้ว จุดไฟ แล้วเอาขวดยานั้นไปวางไปบนไฟเพื่ออบสักครู่

ไม่ช้าก็กลิ่นที่ค่อนข้างเหม็นคาวโชยออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ