ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 417

"นี่มัน...ไม่ใช่โดนของ นี่คือบุคลิกที่แตกแยก"

โหลชีพูดกับเฉินซ่า "ช่วยเฉิงสิบพาพวกเขาเข้ามา อีกบุคลิกหนึ่งของหยุนเฟิงดูท่าไม่ค่อยดี"

นางได้เห็นคนเช่นนี้ในยุคปัจจุบันคนหนึ่ง บุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สองบุคลิกเป็นปรากฏการณ์ทางจิตเวชแบบหนึ่ง จะพูดว่าเป็นความผิดปกติทางจิตก็ได้ แต่นั่นเป็นเพียงคำอธิบายทางการแพทย์

ที่เธอเคยพบคนแบบนั้นมาก่อน ทั้งสองบุคลิกอิสระออกจากกันโดยสิ้นเชิง เป็นสองบุคลิกสุดขั้วที่แตกต่างกัน และทั้งคู่ต่างไม่รู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน อีกทั้งทั้งสองบุคลิกยังมีบัตรประชาชนสองใบ ซื้อบ้านสองหลัง และมีชีวิตที่ต่างกันทั้งสองชีวิต คนหนึ่งแต่งงานกับภรรยาที่อ่อนโยน เขายังเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย สามีภรรยาก็รักกันดี แต่เมื่ออีกบุคลิกหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะกลับบ้านอีกหลังหนึ่ง บุคลิกนี้เขาเป็นคนเสเพลที่เคล้าสุรานารี ไม่เพียงแต่ทำร้ายหัวใจหญิงสาวมากมาย ยังทำเรื่องเลวร้ายอีกด้วย

จนมีอยู่วันหนึ่ง คนเสเพลไปฆ่าคน ตำรวจตรวจสอบเป็นเวลานานในที่สุดก็ตรวจสอบไปถึงทางอาจารย์มหาวิทยาลัย ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ภรรยาที่อ่อนโยนของเขาเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อว่าสามีของนางจะมีผู้หญิงมากมายอยู่ข้างนอก และยังเสพยา ตอนนี้ก็ฆ่าคน ต่างจากสามีของนางที่ทั้งรอบรู้ สุภาพ อ่อนโยน และซื่อสัตย์ ราวกับเป็นคนละคน

ภรรยาแทบจะเป็นบ้าเมื่อรู้ว่าเขามีสองบุคลิก

โหลชีรู้จักคนคนนั้น และรู้เรื่องนี้ เป็นเพราะนางบังเอิญได้รับภารกิจที่จะต้องตามหาคลิปเสียงที่เมื่อก่อนชายคนนั้นแอบบันทึกไว้ นางไปหาที่บ้านของเขา หาอย่างไรก็หาไม่เจอ ต่อมานางแอบตามเขามาตลอด จึงพบว่าเขามีบ้านอีกหลังหนึ่ง และไปหาเจอที่บ้านหลังนั้น

ไม่นานนักเขาก็มีเรื่อง

ตอนนี้นางขอให้เฉินซ่าพาหลินเสิ้งเวยเข้ามา ห่างจากหยุนเฟิงไปนิดหน่อย ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเมื่อเขาตื่นมาจะเป็นบุคลิกไหน และมีนิสัยอย่างไร แต่ดุจากท่าทางที่เปลี่ยนทางอารมณ์ในตอนนี้ นางก็รู้สึกว่าอีกบุคลิกหนึ่งก็คงไม่ดีมากนัก

เมื่อเฉินซ่าจับเขา ดูดหลินเสิ้งเวยมากลางอากาศ เฉิงสิบก็พาหวูเสี้ยวหยู่ไปอยุ่ข้างๆพวกเขา

"เจ้าอย่าคิดจะออกมา..."

เสียงของหยุนเฟิงสั่นเทาและเกือบจะแตกสลาย

"ฮ่าฮ่า ช่วงนี้เจ้าออกมานานพอแล้ว ถึงเวลาที่ข้าต้องออกไปผ่อนคลายแล้ว"

"ฝันไปเถิด ก่อนหน้านี้เจ้าออกมาครั้งหนึ่งก็ทำความผิดครั้งใหญ่..."

โหลชีและคนอื่นๆ มองหน้ากัน ความรู้สึกนี้แปลกมาก เหมือนดูการแสดงคนเดียว แต่รังสีอาฆาตของเฉินซ่าปล่อยออกมาโดยไม่มีการยับยั้ง "ก่อนหน้านี้เขาก็มาแทรก..."

เขาอยากฆ่าหยุนเฟิง จับตัวเขาไปอุกอาจ คนที่เคยเห็นสภาพที่ไม่มีกำลังต้านทานของเขาไปแล้ว เขาจะยั้งมือไม่ฆ่าได้หรือ?

โหลชีถอนหายใจ พี่ชาย ไว้หน้าหน่อยสิ อย่าเอาแต่เดี๋ยวก็ว่าจะฆ่าเขาได้ไหม? มากน้อยนางก็ยังติดค้างน้ำใจหยุนเฟิงเลยนะ แถมนางก็อยากรู้นิดหนึ่งด้วย บุคลิกที่สองของหยุนเฟิงจะเป็นใคร

อาจเป็นเพราะเสียงของผลนี้จึงทำให้เกิดอานุภาพประสาทหลอน ดังนั้นบุคลิกทั้งสองของหยุนเฟิงจึงถูกบังคับให้ออกมา

ในขณะนั้นเอง เฉิงสิบก็พ่นลมหายใจออกมา สายตาของเขาเริ่มสับสน โหลชีเพียงแค่มองผ่านไป แต่ก็เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางรีบจี้จุดของเขาก่อน

ทางนั้น หยุนเฟิงสงบลงแล้ว เขาก้มศีรษะแล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองไปยังโหลชี

"ไม่พบกันนานเลยนะคุณชายเจ็ด"

เรียกนางว่าคุณชายเจ็ด...

เมื่อโหลชีได้ยิน นางก็เลิกคิ้วทันที "นายน้อยจ้าว?"

นายน้อยจ้าวที่สวมหน้ากากของโรงพรรณยา ณ เมืองลั่วหยาง จ้าวหยุน

มิน่าเขาถึงต้องสวมหน้ากาก มิน่าในตอนนั้นนางถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเขานิดหน่อย มิน่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงไม่ดูเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับตัวเองเลย ที่แท้ เขากับหยุนเฟิงเป็นคนคนเดียวกัน อีกอย่าง บุคลิกทั้งสองของหยุนเฟิงยังรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน

แต่ว่าหยุนเฟิงถูกกดเอาไว้ และจ้าวหยุนก็ปรากฏตัวขึ้น ในชั่วขณะหนึ่งนางก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้าย

"คุณชายเจ็ดสามารถเรียกข้าว่าจ้าวหยุนได้โดยตรงก็ได้" จ้าวหยุนยกมุมปาก แล้วมองไปที่เฉินซ่าอีกครั้งโดยไม่มีความจริงใจมากนัก "ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้จ้าวหยุนล่วงเกินไปมาก หวังว่าฝ่าบาทจะมีพระกรุณา ประทานอภัยให้จ้าวหยุนสักหนนะพ่ะย่ะค่ะ"

โหลชีถอนหายใจ จ้าวหยุนสามารถยืดหยุ่นได้ดีกว่าหยุนเฟิงอยู่มาก

นางกำลังจะพูด จู่ๆจ้าวหยุนก็ตะโกนออกมา "เฮ้อ แย่แล้ว! คุณชายเจ็ดก็เป็นคนที่เข้าใจเรื่องยา ทำลายสิ่งของให้เสียหายตามอำเภอใจได้อย่างไร! ผลมุกแก้ว ผลมุกแก้วนะ! "

ขณะที่เขาพูด เขาก็ไม่สนใจพวกเขา เขาพุ่งไปด้านหน้า เขายื่นมือออกไปฉุดเสื้อตัวนอก แล้วไถลออกไปทันที พื้นรองเท้าลื่นไถลข้ามน้ำแข็ง ถือเสื้อผ้าไปเก็บผลไม้เหล่านั้น

แต่เมื่อโหลชีเห็น เดิมทีต้นไม้นั้นสี่ต้นที่กิ่งก้านก็เติบโตอย่างหนาแน่น ผลไม้จำนวนมากที่น่าตกใจเหล่านั้นก็ได้ร่วงหล่นเกือบหมดในช่วงเวลาสั้นๆ มีเพียงไม่กี่ลูกเท่านั้นที่แขวนอยู่บนกิ่ง

ที่แปลกไปกว่านั้นคือตอนนี้ผลไม้ที่ตกลงมาในทะเลสาบนั้นมองไม่เห็นเลย!

หรือว่าผลไม้พวกนี้ละลายได้?

เฉินซ่าถามเสียงขรึม "เป็นของดี?"

"คงจะใช่มั้ง..." ที่จริงโหลชีก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของจ้าวหยุน นางก็พูดทันที "ใช่!"

เฉินซ่าเชอะเสียงหนึ่งแล้วพูดว่า"ของดีจะให้ไอ้หน้าขาวนั่นได้อย่างไร"ว่าแล้วเขาก็พุ่งออกไปทั้งตัว เห็นเจ้าหยุดรับผลไม้อยู่ข้างล่างต้นไม่ได้ กำลังจะกระโดดไปเก็บสองสามลูกนั้นที่เหลืออยู่บนต้นไม้ เขายกเท้าหนึ่ง แตะพื้นเสียงหนึ่งแล้วถีบถูกท้องของเจ้าหยุน พริบตาก็ถีบเขากระเด็นออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ