พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 340

ตอนที่ 340 ชุดแต่งงานของเรา

คืนนี้หลีโม่รู้สึกกระสับกระส่าย พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงยังไงก็นอนไม่หลับ

ซือถูเย้นขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “เป็นอะไร? ใกล้เที่ยงคืนแล้วนะ ทำไมยังไม่หลับ?”

หลีโม่ลุกขึ้นมานั่ง หอบผ้าห่มไว้แล้วพูดอย่างเป็นกังวลว่า “ข้าไม่รู้ ในใจกระวนกระวาย”

“เพราะเรื่องซือถูจิ้งหรือ?” ซือถูเย้นก็ลุกขึ้นมานั่ง มองดูนาง

“ใช่ ข้ามีความรู้สึกว่า คืนนี้ตอนที่ซือถูจิ้งเอาเชือกเตาปามาคืน รู้สึกท่าทางเหมือนมีความหมดหวัง”

ซือถูเย้นสะดุ้ง “เจ้าหมายความว่าซือถูจิ้งอาจคิดฆ่าตัวตาย?”

“ข้าไม่รู้”

ซือถูเย้นส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ เรื่องก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว นางไม่มีทางคิดสั้นเพราะเรื่องนี้อีกแน่ ตอนนั้นนางนึกว่าเซียวเซียวทรยศนาง นางยังอดทนผ่านมาได้ ตอนนี้รู้ว่าเซียวเซียวไปได้ทรยศนาง และยังคงรักนางอยู่ จะคิดสั้นได้อย่างไร? เจ้าคิดมากไปแล้ว”

หลีโม่คิดว่าเขาพูดมีเหตุผล ตอนนั้นทรมานตั้งขนาดนั้นนางยังผ่านมาได้เลย ทำไมต้องรอถึงตอนนี้ค่อยมาคิดสั้น? ความอดทนของนางไม่น่าอ่อนแอขนาดนั้นมั้ง?

นางนอนลงไปใหม่ “หวังว่าข้าจะคิดมากไปจริงๆ”

ซือถูเย้นกอดนางไว้ “นอนเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”

หลีโม่หลับตา แต่ก็ยังไม่สามารถนอนหลับได้ ความง่วงนอนแม้แต่นิดก็ไม่มี

นางลองเปรียบตัวเองเป็นซือถูจิ้ง หากนางเป็นซือถูจิ้ง ถึงขนาดนี้แล้วนางจะทำยังไง?

แต่นางรู้สึกว่าความรู้สึกที่เปรียบเทียบนั้นรู้สึกได้น้อยมาก เพราะนางไม่ใช่ซือถูจิ้ง ไม่เคยผ่านประสบการณ์แสนเจ็บปวดจนถึงก้นเบื้องลึกของจิตใจแบบนั้น

ซือถูจิ้งกลับมาถึงตำหนักองค์หญิง เรียกฉินจือกับโฉงหวามา “พวกเจ้าติดตามข้ามาตั้งแต่เริ่มเข้าวังมา ถึงแม้สถานะของเราจะเป็นนายกับบ่าว แต่ก็สนิทผูกพันกันยิ่งกว่าพี่น้อง พวกเจ้าดีกับข้าแค่ไหน ข้ารู้ดีแก่ใจ ข้าคิดยังไงกับพวกเจ้า พวกเจ้าก็รู้ดีแก่ใจ”

ฉินจือรู้สึกว่านางมีอารมณ์ท่าทีผิดปกติ จึงถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “องค์หญิง ทำไมอยู่ดีๆถึงพูดพวกนี้? เมื่อกี้องค์หญิงไปไหนมา?”

“ข้าไปหาเซียวเซียว” ซือถูจิ้งไม่ได้ปิดบังอะไรทั้งสองคน

“องค์หญิงไปพบแม่ทัพใหญ่?” ฉินจือกับโฉงหวามองตากัน ต่างก็ตกใจ

ซือถูจิ้งหัวเราะ “ใช่ ข้าไปพบเขา และได้คุยกันถึงเรื่องในอดีต”

“งั้น.......” ฉินจือมองดูนาง “ได้คุยอะไรกันบ้าง?”

“ก็มีเพียงเรื่องในอดีต สิบเอ็ดปีแล้วที่ไม่ได้คุยกันในระยะใกล้ชิดแบบนี้ ทำให้ข้ารู้สึกว่าชีวิตคนเราไม่เที่ยง ดังนั้นคืนนี้ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามา จะพูดอะไรด้วยสักหน่อย ข้าไม่รู้ว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน แน่นอนข้าก็อยากมีชีวิตยืนยาวเป็นร้อยปี แต่ก็อย่างที่ข้าพูดไปเมื่อกี้ สรรพสิ่งในโลกล้วนเป็นสิ่งไม่เที่ยง อยู่หรือตายยิ่งพูดยาก หากฆ่าจากไปก่อนพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถเบิกเงินจากตำหนักไปก้อนหนึ่ง ข้าได้บอกผู้ดูแลบัญชีไว้แล้ว ไปแต่งงานก็ได้ ทำการค้าขายก็ได้ ขอเพียงเป็นสิ่งที่พวกเจ้าอยากทำ ก็จงไปทำ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย”

โฉงหวาได้ฟังคำพวกนี้ ขนลุกไปทั้งตัว ดวงตาแดง “เพ้ย พูดไปเรื่อย พูดไปเรื่อย อยู่ดีๆจะพูดเรื่องพวกนี้ทำไม? หากองค์หญิงเป็นอะไรไป ข้าโฉงหวาจะเป็นคนแรกที่ไปกับองค์หญิง”

ซือถูจิ้งน้ำตาเอ่อ “เจ้าสิพูดไปเรื่อย หากข้าตายไป พวกเจ้ายังต้องมีชีวิตเพื่อช่วยข้าฝังศพ”

“ห้ามพูดแบบนี้ พูดจนขนลุกหมดแล้ว แม่ทัพใหญ่พูดอะไรกับองค์หญิงใช่ไหม?” ฉินจือพูดขึ้นอย่างโมโห

“ไม่ใช่ อย่าโทษเขา เขาเป็นคนดีมาก ข้ากับเขามีบุญแต่ไร้วาสนา” ซือถูจิ้งยังคงยิ้มแย้มอย่างสงบ ปกปิดความปวดร้าวข้างในหัวใจ

“งั้นองค์หญิงไม่ต้องพูดละ รีบเข้านอนเถอะ ดีไหม? อย่าทำให้พวกเราตกใจ” ดวงตาฉินจือแดงก่ำ

ซือถูจิ้งกุมมือทั้งสองคนไว้ แล้วค่อยๆพูดว่า “ฟังข้านะ หากเกิดอะไรขึ้นกับข้าจริงๆ พวกเจ้าเป็นตัวแทนของข้าไปบอกเซียวเซียว ให้เขามีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข หาผู้หญิงดีๆสักคน แต่งงานมีลูก มีชีวิตเรียบง่ายดั่งที่เขาต้องการ”

โฉงหวาลุกขึ้น “องค์หญิงห้ามพูด ห้ามพูด บ่าวไม่ฟัง คำพูดพวกนี้อัปมงคล ไม่อยากได้ยิน”

ซือถูจิ้งยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเจ้าสิ ใจร้อน ข้าก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเอง”

“พูดไปเรื่อยเปื่อยก็ไม่ควรพูดแบบนี้ นี่ไม่เป็นการหลอกให้พวกเรากลัวหรือ?” ฉินจือพูดขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม