มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2675

หลิวซิวรู้ดีว่า สิ่งที่ลวี่โหลวพูดออกมานั้น ไม่ได้คิดจะหยั่งเชิงเขาแต่อย่างใด เขาเข้าใจความคิดของลวี่โหลวอย่างถ่องแท้ แต่ตราเขามังกรฉิวจะอยู่ในมือเขาหรือไม่นั้น สำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยสักนิด

“ตราเขามังกรฉิวเก็บเอาไว้ที่เจ้าจะดีกว่า ในอนาคตภูเขาว่านเริ่นยังต้องพึ่งพาให้เจ้าเป็นผู้นำอีก” หลัวซิวพูดขึ้นเบา ๆ

ได้ยินเช่นนี้ ร่างกายของลวี่โหลวก็สั่นเทาเล็กน้อย นางย่อมเข้าใจความหมายแฝงของท่านนายเป็นอย่างดี ท่านนายพูดเช่นนี้ หมายความว่าท่านนายไม่อาจอยู่ที่ภูเขาว่านเริ่นได้ตลอดไป

อันที่จริงแล้ว ลวี่โหลวก็คาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง หลัวซิวไม่มีทางอยู่ที่ภูเขาว่านเริ่นได้ตลอดไป เขายังมีเรื่องอีกหลายอย่างที่ต้องทำ เพียงแต่ผลการฝึกตนของเขาในตอนนี้ยังต่ำไปเล็กน้อยเท่านั้น จึงยังไม่เพียงพอไปทำเรื่องเหล่านั้นเท่านั้นเอง

ทันทีที่เขาตระเตรียมความสามารถจนพร้อม เขาจะต้องจากภูเขาว่านเริ่นไปอย่างแน่นอน และไปทำในสิ่งที่ตนเองสมควรจะทำ

“ท่านนาย ควรตัดการกับสำนักมังกรฟ้าอย่างไรดี ?” ลวี่โหลวถาม

“เดิมทีธาตุดารานี้เป็นของภูเขาว่านเริ่นอยู่แล้ว ในเมื่อเจ้าสำนักมังกรฟ้าถูกสังหารแล้ว การยึดครองธาตุดารานี้กลับมา เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าควรทำเช่นไร”

หลัวซิวพูดขึ้นเบา ๆ “ด้วยความสามารถของสำนักมังกรฟ้า ถึงแม้ภูเขาว่านเริ่นจะตกต่ำเพียงใด ก็คงไม่ถึงขนาดปล่อยให้คนหนุ่มสาวเหล่านี้มาโจมตีได้ เหตุการณ์เมื่อสามสิบล้านปีก่อน ยังมีเรื่องอื่นซ้อนเร้นอีกหรือไม่ ?”

“เบื้องหลังของสำนักมังกรฟ้า ยังมีสำนักเซียนต้าโหลวคอยสนับสนุนอยู่” น้ำเสียงของลวี่โหลวเคร่งเครียดขึ้นทันที

สำนักเซียนต้าโหลวในตอนนี้ สำหรับภูเขาว่านเริ่นแล้ว นับเป็นศัตรูที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน ถึงแม้มีสมบัติของพระราชวังกูเฟิงเอาไว้ในครอบครองแล้วก็ตาม แต่ภูเขาว่านเริ่นก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสำนักเซียนต้าโหลวอยู่ดี

เมื่อได้ยินลวี่โหลวพูดถึงเรื่องของสำนักเซียนต้าโหลว หลัวซิวจึงเพิ่งเข้าใจเรื่องเมื่อหลายสิบล้านปีก่อน สำนักเซียนต้าโหลวเป็นศัตรูตัวฉกาจของภูเขาว่านเริ่นมาตลอด

ในยุคนั้น ภูเขาว่านเริ่นครอบครองธาตุดารานี้ ซึ่งอยู่ถัดจากธาตุดาราโหลว ทั้งสองฝ่ายมักเกิดการกระทบกระทั่งและต่อสู้กัน เพื่อแย่งชิงทรัพยากรและสมบัติอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อวันเวลาผลันเปลี่ยน ภูเขาว่านเริ่นก็ตกต่ำลง ส่วนสำนักเซียนต้าโหลวกลับยังคงรุ่งเรืองอยู่ดังเดิม

“พวกเราทำลายสำนักมังกรฟ้าแล้ว สำนักเซียนต้าโหลวไม่มีทางนั่งดูอยู่เฉย ๆ อย่างแน่นอน” ลวี่โหลวพูดขึ้นด้วยความกังวลเล็กน้อย ที่นางพูดเช่นนี้ออกมา เพราะหวังว่าท่านนายผู้มีที่มาที่ไปลึกลับผู้นี้ จะคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาได้

หลัวซิวไม่เคยรู้ถึงการมีอยู่ของสำนักเซียนต้าโหลวมาก่อน เพราะในยุคที่ไท่ซ่างฉิงล่มสลาย ยังไม่มีสำนักเซียนต้าโหลว

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลวี่โหลวบรรยายออกมา เขาก็เข้าใจได้ว่า อาจารย์ปู่ของสำนักเซียนต้าโหลวเอง ก็เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับราชาเทพระดับเก้าเช่นเดียวกัน ตอนที่เขาบุกเบิกสำนักเซียนต้าโหลว ราชาเทพว่านเริ่นก็แก่ชรามากแล้ว อายุขัยอันยาวนานก็กำลังจะดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

ภายหลัง ราชาเทพวัยหนุ่มสำนักเซียนต้าโหลวมาท้าดวลกับราชาเทพว่านเริ่น ถึงแม้อาจารย์ปู่ราชาเทพของสำนักเซียนต้าโหลวจะพ่ายแพ้ไปในที่สุด แต่ราชาเทพว่านเริ่นที่เดิมทีเหลืออายุขัยอยู่เพียงไม่มาก ก็ได้รับผลเสียไม่น้อยจากการต่อส้ครั้งนี้ มิเช่นนั้นก็คงมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายล้านปี

ดังนั้น ระหว่างภูเขาว่านเริ่นกับสำนักเซียนต้าโหลว เรียกได้ว่าเป็นทั้งศัตรูตัวฉกาจ และศัตรูคู่แค้น

หลายปีมานี้ สำนักเซียนต้าโหลวคอยสนับสนุนให้สำนักมังกรฟ้ารุ่งเรืองขึ้น ก็เพื่อเป็นการหยั่งเชิงภูเขาว่านเริ่นทีละก้าว ๆ ทันทีที่มั่นใจว่าภูเขาว่านเริ่นไม่มีมรดกหลงเหลืออยู่สักเท่าไรแล้ว สำนักเซียนต้าโหลวก็จะต้องชิงลงมืออย่างแน่นอน

“เพราะอดีตอันยาวนาน มีข่าวลือไปทั่วหล้าว่า อาจารย์ปู่ว่านเริ่นของเรา มีทหารจักรวรรดิเลิศล้ำที่ทรงพลานุภาพอย่างยิ่งอยู่ในมือหนึ่งชิ้น หลายปีมานี้ สำนักเซียนต้าโหลวจึงไม่เคยกล้าแตะต้องพวกเรา อาจเป็นเพราะกลัวทหารจักรวรรดิเลิศล้ำที่อาจอยู่ที่นี่”

เรื่องเกี่ยวกับทหารจักรวรรดิเลิศล้ำ ในประวัติศาสตร์ของภูเขาว่านเริ่นเองมีการบอกเล่ากันปากต่อปาก แต่กลับไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน

ในตอนนั้นที่หลัวซิวให้ราชาเทพว่านเริ่นสร้างที่นี่และทิ้งมรดกเอาไว้ ราชาเทพว่านเริ่นก็ไม่เคยนำตราเขามังกรฉิวออกมาใช้อีก ถึงแม้จะถูกอาจารย์ปู่ราชาเทพของสำนักเซียนต้าโหลวผู้นั้นท้าดวล เขาก็ไม่เคยใช้ทหารจักรวรรดิเลิศล้ำ เพราะเกรงว่าหากทหารจักรวรรดิเลิศล้ำปรากฏออกมา จะเป็นการนำภัยมาสู่ภูเขาว่านเริ่น

“ไม่ต้องเป็นกังวล ไม่ว่าจะมาไม้ไหนก็มีวิธีรับมือได้ทั้งนั้น ต่อให้สำนักเซียนต้าโหลวจะมีความสามารถที่แข็งแกร่ง แต่หากต้องการประมือกับภูเขาว่านเริ่นของเรา ก็จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเช่นกัน” หลัวซิวพูดขึ้นเบา ๆ

เมื่อเห็นเขาสงบนิ่งเช่นนี้ ลวี่โหลวเองก็รู้สึกวางใจ เพราะนางรู้ดีว่า ท่านนายผู้นี้ มีที่มาที่ไปที่ลึกลับเหลือประมาณ

ในเวลาเดียวกันนี้ ข่าวที่สำนักมังกรฟ้าถูกภูเขาว่านเริ่นกำจัดก็เกิดป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ และได้ยินไปถึงหูของกองกำลังต่าง ๆ

ธาตุดารามังกรฟ้าถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้ง ย้อนกลับไปเหมือนเมื่อสามสิบล้านปีก่อนที่ภูเขาว่านเริ่นเป็นผู้ถือครอง

ตอนที่ภูเขาว่านเริ่นประกาศเรื่องนี้ ได้เชิญสำนักต่าง ๆ ที่อยู่ภายในธาตุดารามาร่วมพิธี เพื่อเป็นการแสดงออกว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบล้านปี ที่ภูเขาว่านเริ่นจะกลับมาครอบครองธาตุดารานี้อีกครั้ง และเป็นเจ้าแห่งธาตุดารานี้อย่างสมบูรณ์

“ภูเขาว่านเริ่นกำลังจะรุ่งเรืองขึ้นอย่างฉับพลันอย่างนั้นหรือ ?”

กองกำลังต่าง ๆ ล้วนหันมองหน้ากัน เพราะหลายคนต่างก็รู้ดีว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังและเป็นที่พึ่งให้กับสำนักมังกรฟ้าก็คือสำนักเซียนต้าโหลว

ถึงแม้สำนักเซียนต้าโหลวจะไม่มีผู้แข็งแกร่งในระดับราชาเทพระดับเก้า ดำรงตำแหน่งผู้นำแล้ว แต่ก็เป็นรองแค่เพียงผู้สืบทอดอันแข็งแกร่งในระดับแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ภูเขาว่านเริ่นกวาดล้างสำนักมังกรฟ้า และต้องการครอบครองธาตุดาราใหม่อีกครั้ง แล้วสำนักเซียนต้าโหลวจะทนดูอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรได้อย่างไร ?

ภายในธาตุดารา กองกำลังต่าง ๆ ล้วนเกิดความปั่นป่วน ความสามารถของสำนักมังกรฟ้านั้น เทียบไม่ได้กับสำนักเซียนต้าโหลวเลยสักนิด ทุกคนต่างไม่เข้าใจเลยว่า ภูเขาว่านเริ่นไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าเป็นปรปักษ์กับสำนักเซียนต้าโหลวเช่นนี้

หลายปีมานี้ ภูเขาว่านเริ่นถูกกดขี่โดยสำนักมังกรฟ้าซึ่งมีสำนักเซียนต้าโหลวคอยหนุนหลังอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นประจักษ์ชัดแจ้ง และภูเขาว่านเริ่นเองก็มักจะยอมอ่อนข้อให้เสมอ แต่ทว่า จู่ ๆ กับกวาดล้างสำนักมังกรฟ้า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ดูเหมือนจะใหญ่เกินไปหรือไม่ ?

ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เรื่องเกี่ยวกับภูเขาว่านเริ่น ก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาของนักยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ในธาตุดาราว่านเริ่นและธาตุดาราต้าโหลว และมีการคาดเดาออกไปต่าง ๆ นานา

“ได้ยินว่าสำนักเซียนต้าโหลวเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว ภูเขาว่านเริ่นคิดที่จะครอบครองธาตุดาราหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นหรอก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ