รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 130

เผชิญหน้ากับความชัดเจนและเยือกเย็นของมายมิ้นท์ เปปเปอร์ไม่กล้าที่จะสบตาอย่างอธิบายไม่ถูก

ราวกับกลัวว่าเธอจะมองอะไรออก เขาค่อยๆละสายตาออกไป“สีหน้าของเธอซีดเซียวขนาดนั้น ไม่เหมาะที่จะขี่ม้า!”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ ก็มองไปที่ใบหน้าของมายมิ้นท์

ลาเต้เป็นคนแรกที่พูดว่า “ใช่ที่รัก สีหน้าของเธอซีดเซียวจริงๆ เมารถยังไม่หายดีเหรอ?”

มายมิ้นท์จับหน้าของตัวเอง“ซีดเซียวมากจริงๆเหรอ?”

“มีบ้าง”ชาหวานตอบ

มายมิ้นท์ยิ้มเล็กน้อย“งั้นก็ไม่เป็นไร ฉันขี่ม้าได้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เปปเปอร์ก็ขมวดคิ้วจนกลายเป็นตัวอักษรฉวน(ฉวนในที่นี้แปลว่าแม่น้ำลักษณะตัวอักษรคล้ายกับการเครียดจนกลายรอยย่นที่อยู่ตรงระหว่างคิ้ว) และบนใบเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เธอไม่รู้จักข้อบกพร่องของตัวเองต่อเรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์แม้แต่น้อย

เด็กในท้องสำคัญ หรือว่าขี่ม้าสำคัญกว่ากันแน่?

ขณะที่เปปเปอร์อดไม่ได้ที่จะดื้อด้านห้ามไม่ให้มายมิ้นท์ขี่ม้า ลาเต้เอ่ยปากพูดว่า“ที่รัก ไม่งั้นเธอกลับไปพักผ่อนดีกว่า ครั้งหน้าค่อยขี่ม้า? ถ้าเกิดยังเวียนหัวก็จะเป็นปัญหา”

เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกว่าครั้งนี้ลาเต้ทำเรื่องที่คนควรทำสักที ไม่ได้เชื่อฟังมายมิ้นท์อย่างสุ่มสี่สุ่มห้าอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามมายมิ้นท์กลับดื้อมาก และพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“ไม่เป็นไร ฉันมาก็มาแล้ว กลับไปทำไม วางใจเถอะ ฉันขี่ม้าเดินช้า ไม่วิ่งก็พอแล้ว”

“งั้นก็ได้”ลาเต้รู้สึกว่าแบบนี้ก็ได้ ก็รับปาก ต่อจากนั้นก็ดึงมายมิ้นท์ไปเลือกม้าที่คอกม้าทางนั้น

เปปเปอร์มองไปที่ด้านหลังของทั้งสองคน สีหน้าไม่พอใจดูไม่ดี

เมื่อกี้นี้เขารู้สึกว่าลาเต้ทำเรื่องที่คนควรทำ ผลปรากฏว่าวินาทีต่อมาลาเต้ก็ไม่ใช่คนอีกแล้ว

ผู้ชายที่ใจไม่ยึดมั่นแบบนี้ เธอชอบที่ตรงไหนกันแน่?

“พี่ มาแข่งกันสิ!”ในสนามม้าที่อยู่ห่างไกล ปีโป้ทำท่าทางตะโกนด้วยมือทั้งสอง และตะโกนเรียกเปปเปอร์

เปปเปอร์มองดูน้องชายซื่อบื้อแวบหนึ่ง ไม่ได้สนใจ พลิกตัวขึ้นม้า และไปที่อีกด้านหนึ่งของสนามม้า

ในไม่ช้า มายมิ้นท์และลาเต้ก็เลือกม้าดีออกมา

เธอเลือกม้าตัวเมียสีขาวตัวหนึ่ง

ตัวเมียสวยมาก และยืนอยู่กับมายมิ้นท์ที่เปลี่ยนเสื้อเกราะขี่ม้าสีแดง ภาพงดงามเป็นอย่างมาก ทำให้คนอดไม่ได้อยากที่จะถ่ายรูปไว้

ทามทอยขี่ม้ามาถึง และผิวปากใส่มายมิ้นท์“ไม่เลวเลยดูไม่ออกเลยว่าคุณยังดูดีมีราศีมากนะ ”

“พี่มายมิ้นท์ พี่สวยจริงๆ”ปีโป้ปากหนัก ไม่สามารถกล่าวคำชมที่สวยงามอะไรได้ ทำได้เพียงใช้ภาษาที่ง่ายที่สุดเท่านั้น

ภาษาที่ง่ายที่สุดยังเป็นภาษาที่ตรงที่สุด ก็ง่ายมากที่จะทำให้คนพอใจมาก

ดังนั้นแม้ว่ามายมิ้นท์จะไม่อยากสนใจคนของตระกูลนวบดินทร์ คราวนี้ก็ยากมากที่จะให้สีหน้าที่ดีกับเขา“เด็กน้อย สายตาดีนะ”

ปีโป้มีความสุขขึ้นมาอย่างเห็นด้วยตาเปล่า

ในที่สุดพี่มายมิ้นท์ก็ยอมสนใจเขาแล้ว

ไม่ไกลนัก เปปเปอร์นั่งอยู่บนหลังม้า มองดูสามคนที่สนุกสนานกันอย่างเยือกเย็น ในใจก็ค่อนข้างไม่สบายใจ ถึงขนาดมีความใจร้อนอยากจะขับไล่ทามทอยและปีโป้ออกไปจากตรงหน้าของมายมิ้นท์

ในเวลานี้ ลาเต้ก็ขี่ม้าที่ตัวเองเลือกออกมา และไปแข่งขันกับทามทอยปีโป้และชาหวาน

มายมิ้นท์เพื่อไม่ขัดขวางการแข่งขันของพวกเขา จูงม้าไปที่อีกด้านหนึ่งของสนามม้า

เนื่องจากไม่ได้ขี่ม้ามาหลายปี ท่าทางของมายมิ้นท์ตอนที่ขี่ม้าขาดการฝึกฝน ครั้งแรกขี่ไม่ได้ เกือบจะทำให้ตัวเองล้ม

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว ขี่ม้าเข้าไป“ตอนที่ขาซ้ายเหยียบขึ้นไป คว้าอานม้าพร้อมๆกัน ขาขวาก็ต้องพลิกมาทันเวลา”

มายมิ้นท์หันกลับไปมองเขา“คุณกำลังสอนฉันเหรอ?”

เปปเปอร์ไม่ปริปากพูดว่าใช่หรือไม่ใช่“ลองทำตามที่ฉันบอก”

มายมิ้นท์เงียบไปไม่กี่วินาที ไม่ได้ปฏิเสธ

เนื่องจากว่า เดิมทีเธอก็มาขี่มา มีคนสอนก็ย่อมดีที่สุด

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำท่าทางอะไรที่เกินพอดี

มายมิ้นท์นึกถึงสิ่งที่เปปเปอร์เพิ่งพูด ต่อจากนั้นก็ทำตามหนึ่งรอบ

แต่ที่น่าเสียใจที่สุด เธอยังไม่สามารถขึ้นไปได้

ตอนที่ขาขวาพลิกขี่ม้าเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อย เส้นเอ็นไม่ยึด ขาขวาพลิกถึงครึ่งหนึ่งก็พลิกไม่ขึ้นไปแล้ว สิ่งที่กระอักกระอ่วนที่สุดคือ ยังเก็บกลับมาไม่ได้

จากนั้นร่างกายจะสูญเสียจุดศูนย์ถ่วง และล้มไปด้านหลัง

เมื่อเปปเปอร์เห็นแบบนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็ลงจากหลังม้าในทันที และยื่นมือไปรับแขนของเธอไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว