บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 31

บทที่ 31 ไม่เห็นเขาเข้าวัง

  หยู่เหวินเห้าจับตะเกียบขึ้นมากินอาหารที่เย็นชืด ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองนางแวบหนึ่ง “ถ้าอยากจะสู้ กินให้อิ่มมีแรงแล้วค่อยสู้”

หยวนชิงหลิงรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดไปแล้ว รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จากนั้นก็ปักปิ่นปักผมกลับไปแล้วก็นั่งลง

รู้สึกหิวจนท้องกิ่วจริงๆ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ นางก็หิวอยู่ตลอด

ในใจยังคงระแวดระวัง นางกินอย่างรวดเร็ว กินอย่างตะกละตะกลาม

แต่หยู่เหวินเห้ากลับกินอย่างเอื่อยเฉื่อย สีหน้าท่าทียังคงนิ่งขรึม แต่เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างจะสงบ เพียงแต่ความสงบเช่นนี้ ทำให้คนอื่นรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างซ่อนหยู่

หยวนชิงหลิงกินข้าวจนอิ่มด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเพราะคอยระวังภัย จากนั้นก็เดินไปด้านหลังฉากกั้นฉีดยาให้กับตนเอง และกินยา

ฉากกั้นที่ทอขึ้นโดยเส้นไหมนั้นโปร่งแสง ที่จริงหยู่เหวินเห้าสามารถมองเห็นได้ว่านางทำอะไรบ้างในนั้น

เขามองนิ่งๆ หลายวันมานี้ เรื่องราวได้ห่างไกลจากการควบคุมของเขาไปไกลแล้ว การเปลี่ยนแปลงของหยวนชิงหลิง ทำให้เรื่องราวทั้งหมดก็เปลี่ยนไปด้วย

เขาถูกดึงกลับเข้าไปในวังวนอีกครั้ง

นี่ไม่ใช่เรื่องดี แต่ว่า หากสามารถทำให้เสด็จปู่อาการดีขึ้นมาได้ เขาก็ไม่สนใจ

การเปลี่ยนแปลงของหยวนชิงหลิง สามารถค่อยๆตรวจสอบหลังจากกลับไปที่จวน นางหนีไม่พ้นหรอก

หลังจากที่หยวนชิงหลิงฉีดยาเสร็จแล้ว ก็เอายาเข้าปาก จากนั้นก็ดื่มน้ำที่เย็นแล้วกลืนยาเข้าไป

หยู่เหวินเห้าเงยหน้ามองไปที่นาง เอ่ยขึ้นเบาๆ “กลับไปรอที่ห้องนอนเถอะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ต้องสนใจไม่ต้องถาม และก็ไม่ต้องอธิบายให้มากความ ข้าจะออกจากวังแล้ว ”

ท่าทีที่ไม่มั่นใจและเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของหยวนชิงหลิงที่มีต่อเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้รู้สึกราวกับว่าเขามีความคิดร้ายๆซ่อนอยู่

“บาดแผลของท่าน ข้าช่วยท่านทำแผลก่อนดีกว่า”หยวนชิงหลิงเอ่ยขึ้นอย่างดึงดัน เมื่อคิดถึงความร้ายกาจของเขา คำพูดนี้ก็ใช่ว่าจะมาจากใจจริง

หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า ยืนขึ้นและหมุนตัวเดินจากไป

หยวนชิงหลิงมองเงาหลังของเขา รู้สึกประหลาดใจ ที่จริงเขาจะไปโดยที่ไม่กินข้าวมื้อนี้ก็ได้

แต่ว่า เมื่อสักครู่ที่นางทำกับฉู่หมิงชุ่ย ฉู่หมิงชุ่ยเป็นนางในดวงใจของเขา ทำไมเขาจึงได้ยอมรามือง่ายๆเช่นนี้

นึกถึงวินาทีที่เขาใช้มือกำหมัดขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งอันน่าตะลึง น่ากลัวมากด้วยซ้ำไป

เงาร่างของเขาถูกพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินดึงให้ยาวขึ้นและยาวขึ้น หลังจากออกจากซุ้มประตูไป เงาร่างก็หายวับไปทันตา ไม่เห็นร่องรอยเลยแม้แต่น้อย

ในใจของหยวนชิงหลิง ค่อยๆมีความรู้สึกประหลาดใจก่อตัวขึ้น

ความรู้สึกประมาณว่าเข้าใกล้แล้วจะมีแต่เรื่องไม่ดี

กลับไปที่พระตำหนักฉินคุน ไท่ซ่างหวงกับฝูเป่ายังคงนอนหลับอยู่ นางนั่งอยู่ข้างๆ ฉางกงกงยืนอยู่หน้าเตียงนอน ยืนก้มศีรษะลง แต่ก็ค่อยๆเหลือบมองนางเป็นครั้งคราว

วันที่สอง อาการของฝูเป่าดีขึ้นมาก ดูท่าทีแล้ว เจ้าเด็กคนนี้ได้พ้นเคราะห์แล้ว

ฝูเป่าดีขึ้น ไท่ซ่างหวงก็อารมณ์ดี อาการป่วยก็ดีขึ้นตาม

ผ่านยามเฉินไปแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนเข้ามาคำนับก่อน จากนั้นก็เป็นอ๋องชินลุ่ย ฮองเฮา ไทเฮา กุ้ยไท่เฟย จากนั้นก็เป็นเหล่าอ๋องทั้งหลาย พระตำหนักฉินคุนนี้ไม่ได้ว่างเว้นเลยตั้งแต่เช้า

แต่ว่า ไท่ซ่างหวงส่วนมากก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เหล่าอ๋องทั้งหลายเข้ามาคำนับแล้วก็ออกไป ฉู่หมิงชุ่ยกับอ๋องฉีก็มา ดวงตาของฉู่หมิงชุ่ยแดงเล็กน้อย แต่ว่าอ๋องฉีนั้นรักทะนุถนอมนางมาก ไม่ว่าจะเข้าออกก็ต้องจับมือนางเอาไว้

หลังจากที่ฉู่หมิงชุ่ยเข้ามาในตำหนัก มองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง สายตานั้น ซ่อนแววอยากรู้อยากเห็น

แต่ว่าตอนนี้หยวนชิงหลิงกำลังล้างแผลให้กับฝูเป่า พลางพูดกับฝูเป่าว่า

“ฝูเป่า ภายหน้าหากพบคนที่ทำร้ายเจ้า อย่าได้ปากแข็งเด็ดขาด”

อ๋องฉีถลึงตาให้กับหยวนชิงหลิง หญิงคนนี้ช่างน่าโมโหนัก พี่ห้าน่าจะสั่งสอนนางให้มากสักหน่อย

หลังที่สองสามีภรรยาอ๋องฉีจากไปแล้ว ไท่ซ่างหวงมองหยวนชิงหลิงและพูดว่า “เจ้าจะให้ปากตัวเองว่างหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร พูดมากไปทำไมกัน ”

หยวนชิงหลิงเช็ดมือ “เพคะ หม่อมฉันจะจำที่ไท่ซ่างหวงสั่งสอนไว้อย่างดี”

“ไม่พอใจหรือ เพราะหวังดีกับเจ้าหรอกนะ”ไท่ซ่างหวงฮึในลำคอ “ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะอะไรหรืออย่างไร ภัยนั้นมาจากปาก”

หยวนชิงหลิงนิ่งไปสักพัก พูดจากใจจริงว่า “เพคะ ข้ารู้แล้ว”

นางไร้ที่พึ่งพิง จริงที่สุด นางไม่ควรสร้างศัตรู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน