ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง นิยาย บท 423

ผู้คนโดยรอบทั้งหมดต่างมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ มีเพียงแค่คนที่เกี่ยวข้องหรือก็คือยู่ยี่เท่านั้นที่มีสีหน้าซีดจาง ควรจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนใจสิ่งรอบข้าง

เธอยังมีเอกสารที่จำเป็นต้องจัดการ ตอนที่กำลังเตรียมถ่ายเอกสารนั้น ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นขึ้น เธอก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ออกมา คนที่โทรมานั้นคือฉันทัช

เธอเดินไปถึงห้องชงชาแล้วรับโทรศัพท์ ฮันทัชกรอกเสียงทุ้มต่ำของเขาผ่านคลื่นสายแม่เหล็กไฟฟ้าเข้ามา “ถึงบริษัทหรือยังครับ? ทานข้าวเช้าแล้วหรือยัง?”

เธอตอบเขาไปทีละคำถาม แล้วถามเขากลับว่า “ ธุระด่วนจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยังคะ?”

นอกจากเรื่องนี้แล้ว เสียงในลำคอของเขานั้นยังดูแหบแห้งอยู่บ้าง และเสียงที่ออกมานั้นก็ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้นอน “ขอโทษด้วยนะครับ เมื่อวานรีบออกมาเกินไป ก็เลยไม่ทันได้โทรศัพท์หาคุณ หลังจากจัดการอะไรเสร็จก็ดึกแล้ว ไม่อยากจะปลุกคุณอีก ร่างกายของคุณพ่อจู่ๆ ก็มีปัญหา ตอนนี้ผมเลวอยู่ที่ฮ่องกง เพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน เหนื่อยมากเลย แต่ว่าผมอยากได้ยินเสียงคุณมากๆ…..”

ยู่ยี่ถามถึงสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง เขาบอกว่า คุณพ่อตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู อาการค่อนข้างหนัก

ได้ยินเช่นนี้ เธอก็เอ่ยคำพูดให้เขาคลายกังวล ซึ่งทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลง ตราบเท่าที่ไม่มีข่าวร้าย ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่สุด

เขาระเบิดเสียงหัวเราะทุ้มต่ำออกมา ตอบกลับเบาๆ ยู่ยี่ฟังเสียงหัวเราะที่กลับมาผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยเบาๆนั้นก็รู้สึกวางใจขึ้น

ในเวลานี้นั้น เสียงผู้หญิงอันไพเราะและนุ่มนวลอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นผสานมากับเสียงหัวเราะของเขา ร้องเรียกว่าฉันทัช มานี่เร็วเข้า

ยู่ยี่ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็มีเสียงผู้หญิงอีกคนหนึ่งดังเข้ามา ฟังดูนุ่มนวลอ่อนโยน และค่อนข้างคล้ายกับเสียงเมื่อสักครู่นั้น ฉันทัช ฉันโทรหาคุณพ่อให้เธอแล้วนะ ให้เขารีบมา ใกล้เข้าห้องผ่าตัดแล้ว

ยู่ยี่สติกลับมาอีกครั้ง สถานการณ์ฝั่งนั้นฟังดูเร่งด่วน เธอจึงคิดจะวางสายโทรศัพท์ แต่เขาก็ทิ้งคำพูดเอาไว้หนึ่งคำด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ คุณน้าผมเอง

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงวางสายโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรู้ว่าเสียงสุดท้ายของเขานั้น คือกำลังอธิบายให้เธอฟัง

เขามีน้าสองคนงั้นเหรอ?

ตอนเที่ยง ขณะที่เธอกำลังทานอาหารกลางวันอยู่ที่ร้านอาหาร หัสดินก็เดินเข้ามา ตรงเข้ามานั่งตรงข้ามที่นั่งเธอ แล้วมองดูกล่องข้าวของเธอ เป็นมะเขือม่วงผัดกับถั่วฝักยาวและมันฝรั่งเส้น

“อาหารร้านอาหารของพวกคุณไม่มังสวิรัติไปหน่อยเหรอ? เป็นสารอาหารขยะโดยสิ้นเชิง” หัสดินเอนตัวไปกับพนักเก้าอี้ พลางเลิกคิ้ว

ยู่ยี่มองเขา “คุณยังมีแก่ใจสนเรื่องนี้ด้วยเหรอ?”

หัสดินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย สีหน้าแสดงออกถึงความสับสน ไม่เข้าใจว่าประโยคนี้ของเธอต้องการจะสื่อความหมายว่าอะไร

ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สถานการณ์เรื่องนั้นอย่างชัดเจน ยู่ยี่ขอยืมหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งกับเพื่อนร่วมงานที่ผ่านไปมา หลังจากนั้นก็กางออกตรงหน้าหัสดิน

ดวงตาดอกท้อยาวเรียวของเขาค่อยๆ หรี่ลง เขาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา กวาดสายตามองผ่านๆ จากบนลงล่าง จากนั้นก็วางไว้ที่เดิม “มันไม่เกี่ยวกับผม”

“ยังไงเสียเธอก็เป็นผู้หญิงที่เคยแต่งงานกับคุณ และก็พูดได้ว่าที่วันนี้เธอตกมาอยู่ในจุดนี้ ก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของคุณมากที่สุด” ยู่ยี่กล่าว

คำพูดนี้ไม่ได้กำลังช่วยเรนนี่แต่อย่างใด เพียงแค่ใช้เรื่องนี้ในการแดกดันถากถางหัสดินก็เท่านั้น

สำหรับเรนนี่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อตอนนี้ ยู่ยี่ไม่เข้าไปซ้ำเติมก็นับว่าเป็นความเมตตาต่อเธอแล้ว จะให้พูดดีกับเธอด้วยเหรอ ขอโทษนะ แต่ไม่!

“ผมก็คิดว่า คุณจะดีใจกับคำตอบของผมเสียอีก เพราะว่าผมขีดเส้นแบ่งระหว่างผมกับเธอเรียบร้อยแล้ว”

หัสดินเอ่ยปาก พร้อมหันหน้ามา มือใหญ่เพิ่งแตะข้อมือยู่ยี่ เธอก็หลบมือออกอย่างรวดเร็ว

“คุณขีดเส้นแบ่งระหว่างคุณกับเธอ ทำไมฉันจะต้องดีใจ? ฟังความหมายที่แท้จริงของคำพูดนี้แล้วก็ดูเหมือนว่าฉันจะทนดูคนอื่นไม่ได้เป็นปกติ” ยู่ยี่กล่าวเบาๆ “ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้หมกมุ่นในเรื่องนี้ และก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ด้วย เวลาพักกลางวันหมดแล้ว ฉันควรไปเข้างานได้แล้ว เพียงแต่ว่า คุณแน่ใจนะว่าไม่ต้องไปดูนีนี่ของคุณ?”

ทันใดนั้น สีหน้าของหัสดินก็ดูไม่ได้ขึ้นมา ขมวดคิ้วแน่น “ผมบอกไปแล้วว่า ผมกับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ตอนนี้กำลังตามจีบคุณใหม่อีกครั้ง!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นกับหู ยู่ยี่ก็อยากหัวเราะซะเดี๋ยวนี้ เธอไม่สนใจอีกต่อไป แล้วลุกขึ้นยืน หัสดินขวางทางข้างหน้าเธอไว้ “ไอ้ฉันทัชล่ะ?”

“ฉันรู้จักแต่แฟนของฉัน ส่วนไอ้ฉันทัชที่คุณพูดนั้น ฉันไม่รู้จัก” ยู่ยี่เมินคำพูดเขาที่ไม่น่าฟังเอาเสียเลย

แต่ว่า สีหน้าหัสดินกลับดำคล้ำลง ไฟในใจเขาโหมกระหน่ำยิ่งขึ้นไม่มีอะไรเทียบได้ สี่งที่เขาไม่อยากได้ยินและไม่อยากเห็นมากที่สุดก็คือ เธอที่ใช้น้ำเสียงนี้ไปปกป้องผู้ชายคนอื่น!

เมื่อเขาเตรียมจะไปชวางข้างหน้าเธอไว้ โทรศัพท์ก็กลับดังขึ้นมาตอนนี้ เขามองหมายเลขคนโทรมา ก็หยุดเท้าไว้ แล้วรับโทรศัพท์

ยู่ยี่สบโอกาสเบี่ยงผ่านข้างตัวเขาไปอย่างรวดเร็ว สาวเท้ารีบออกมา แล้วไปที่ทำงาน

เมื่อกลับมาถึงที่ทำงาน หน้าจอโทรศัพท์ก็ปรากฏข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน ซึ่งเป็นข้อความที่ฉันทัชส่งมา

เขาบอกว่า คุณพ่อพ้นขีดอันตรายแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะยังอยู่ในอาการโคม่า แต่ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาจะอยู่ที่ฮ่องกงต่อสัก 3 วันหรือ 4 วัน ให้เธอใส่ใจดูแลบาดแผลที่ข้อมือและรอบคอ หากต้องยกของที่ค่อนข้างหนักก็ให้โก๋เป็นคนยก ถ้าหากอยู่ที่บ้าน จำเป็นต้องยกของหนักก็ให้อาคิระเป็นคนยก……

เขาพูดอะไรแบบนั้นเป็นครั้งแรก และส่งข้อความมาบอกตั้งหลายตัวอักษร ซึ่งเพิ่มจำนวนจากจำนวนอักษรของข้อความทั้งหมดที่ส่งก่อนหน้านี้ ยู่ยี่หัวเราะเบาๆ ตอบกลับข้อความเขา ให้เขาดูแลร่างกายดีๆ ดื่มน้ำให้มาก คอของเขาไม่ค่อยดีนัก เธอคิดต่อเล็กน้อย ก่อนจะเติมหน้ายิ้มไว้ข้างหลังข้อความ

เธอนั้นสามารถใช้โก๋ได้ แต่สำหรับอาคิระนั้น ให้เธอคิดยังไม่อยากจะคิดเลย

หัสดินไม่กลับมาแล้ว ยู่ยี่รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย และสามารถมุ่งมั่นตั้งใจทำงานได้

อีกด้านหนึ่ง

เรนนี่ไปที่บริษัท แต่กลับถูกไล่ออกแล้ว เหตุผลหลักคือเธอนำผลกระทบที่ไม่ดีมาสู่องค์กรมากเกินไป คนทั่วทั้งบริษัทต่างคุยกันแต่เรื่องของเธอ ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง