The king of War นิยาย บท 2100

ในขณะที่การโจมตีทั้งหมดของผู้แข็งแกร่งตระกูลบู๊โบราณตกลงไปที่หยางเฉิน หยางเฉินก็กระตุ้นสายเลือดคลั่งทันที และตำราเทพสงครามก็ถูกใช้อย่างดุเดือดเช่นกัน

กล่าวได้ว่าในเวลานี้เขาไม่ได้ยืมกำลังภายนอกใด ๆ แต่พวกนี้ล้วนเป็นกำลังของเขาเอง

ในขณะที่การโจมตีของผู้แข็งแกร่งทั้งหกกำลังจะโดนตัว หยางเฉินรู้สึกเพียงว่าพลังอันแข็งแกร่งทั้งหกสายได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาโดยตรง จากนั้นพลังที่แข็งแกร่งเหล่านี้ดูเหมือนจะทำให้อวัยวะภายในของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ

หยางเฉินส่งเสียงครวญครางอู้อี้ และมีเลือดไหลออกจากมุมปากของเขา

"อะไรกัร?"

เมื่อผู้แข็งแกร่งทั้งหกคนเห็นว่าหยางเฉินมีแค่เลือดไหลออกจากมุมปากของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาทั้งหมดก็เบิกตากว้างราวกับมองเห็นผี

ในสายตาของพวกเขา หยางเฉินก็เป็นเพียงผู้มีพรสวรรค์ด้านบูโดและสามารถมีพลังในการต่อสู้เกินกว่าแดนบู๊ของตัวเองได้ก็เท่านั้นเอง แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าแม้แต่พลังป้องกันของหยางเฉินก็จะทรงพลังถึงเพียงนี้

เดิมพวกเขาคิดว่า อาศัยการโจมตีพร้อมกันของพวกเขาทั้งหกคน ต่อให้ไม่สามารถฆ่าหยางเฉินได้ทันที แต่หยางเฉินก็จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่

อย่างไรก็ตาม หยางเฉินดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ยกเว้นเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของเขาเท่านั้น นั่นเพราะลมปราณบูโดบนตัวของเขาทรงพลังอย่างมาก

ผู้มีอำนาจตัดสินใจของตระกูลบู๊โบราณทั้งห้าคนล้วนมีสีหน้าเหลือเชื่อ

"นี่เป็นไปได้อย่างไร?"

“ไหนบอกว่า เขาเป็นแค่นักบูโดที่เพิ่งเข้าสู่แดนนภาไม่ใช่หรือ?”

“นักบูโดแดนนภาขั้นสองชั้นยอดสี่คน นักบูโดแดนนภาขั้นสองชั้นปลายสองคน พลังอันแข็งแกร่งทั้งหกโจมตีพร้อมกัน กลับยังไม่สามารถฆ่าเขาได้?”

หลายคนกำลังจะเป็นบ้า พวกเขารวบรวมผู้แข็งแกร่งจากห้าตระกูลบู๊โบราณมาเพื่อต่อสู้กับหยางเฉิน เดิมทีทีมที่ทรงพลังมากขนาดนี้ ควรถูกใช้เพื่อต่อสู้กับจิตวิญญาณเทพมารที่ซ่อนอยู่ในร่างของหยางเฉินต่างหาก

แต่ผลก็คือจิตวิญญาณเทพมารไม่ได้ปรากฏขึ้นสักนิด

อีกทั้งทีมที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่เพียงพอกับการรับมือกับหยางเฉินด้วย

"ฉันไม่เชื่อ!"

ใบหน้าของ สวีเจิ้นฮั๋วเต็มไปด้วยความดุร้ายเขาพูดพร้อมกับกัดฟัน "เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาก็เป็นแค่เพียงมดตุ่นในแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นคนหนึ่ง แล้วจะรับสามารถแบกรับการโจมตีของผู้แข็งแกร่งหกคนพร้อมกันได้อย่างไร?"

พวกนายคงประเมินศัตรูต่ำไป เลยไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ใช่ไหม?”

ผู้แข็งแกร่งทั้งหกคนแทบจะอยากร้องได้แล้ว พวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองของโลกบู๊โบราณล่าง ไหนเลยจะเคยเจอสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน?

การโจมตีเมื่อกี้นั้น พวกเขาไม่ได้ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย

มุมปากของ ฉีเฟิงกระตุกทันที ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่ ฉีเทียนเหอ พูดตอนจากไป ตอนนั้น ฉีเทียนเหอบอกว่าถ้าฉีเฟิงและคนอื่นๆ ตาย เขาจะมาเก็บศพ

“หรือว่า แดนบูโดของเขาจะยังไม่ได้ละทิ้งไป?”

จู่ๆ ความคิดดังกล่าวก็ปรากฏขึ้นในใจของฉีเฟิง

ก่อนที่ ฉีเทียนเหอ จะละทิ้งแดนบูโดในตอนนั้น ก็เป็นเพราะการรับรู้ที่แข็งแกร่งของเขาที่ทำให้เขาโดดเด่นกว่าคนในหมู่รุ่นเดียวกัน

หาก ฉีเทียนเหอ ไม่ฟื้นฟูบูโดของเขา การรับรู้ของเขาก็จะไม่ได้รับการฟื้นฟูเช่นกัน แต่ตอนนี้ ฉีเทียนเหอ อาจสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหยางเฉิน ดังนั้นเขาจึงเกลี้ยกล่อมให้ตระกูลฉีจากไป

ฉีเฟิงรู้สึกเสียใจขึ้นมาอยู่บ้าง ในใจเริ่มรู้สึกอยากถอยหนี

แต่ทุกอย่างสายไปแล้ว!

ในขณะนี้ หยางเฉินเช็ดเลือดออกจากปากของเขาทันที มุมปากของเขาผุดรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาและกล่าวว่า "ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นปลายของโลกบู๊โบราณล่าง ก็แค่เท่านี้เอง!"

หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี

เมื่อกี้นี้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีโอกาสที่จะหลบเลี่ยง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของหลายๆ คนได้ อย่างไรก็ตาม เขากลับเลือกที่จะรับการโจมตีของผู้แข็งแกร่งทั้งหกคน

เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อดูว่าตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งแค่ไหนที่ และสามารถต้านทานการโจมตีได้มากขนาดไหน

หลังจากที่สายเลือดคลั่งของเขาถูกปรับปรุงโดยสามสายเลือดเทพที่ยิ่งใหญ่ ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าเช่นกัน ในตอนนั้น จิตวิญญาณเทพมารเคยบอกว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพในปัจจุบันของเขาเทียบได้กับแดนนภาขั้นสาม

กล่าวคือ เป็นไปไม่ได้ที่นักบูโดต่ำกว่าแดนนภาขั้นสามจะทำลายร่างกายของเขาได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War