ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 413

จางมิ่งใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นกวาดมองไปทาง หลินเสิ้งเวยกับหวูเสี้ยวหยู่ที่อยู่ด้านหลังนางทันที โหลชีกลับยักคิ้วให้กับเขาอย่างไม่ยอมถอยเลยสักนิด

"ถ้าหากท่านยังจะฆ่าหนึ่งในพวกเขาอีก เชื่อหรือไม่ว่าแม้ข้าจะสู้ท่านไม่ได้ก็สามารถแทงให้ร่างของท่านพรุนเป็นรูได้"

จางมิ่งลังเล ในใจโกรธจนแทบกระอักเลือดจริงๆ "ฮึ ไม่จำเป็นต้องให้ข้าลงมือเอง ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวพวกเขาก็เหยียบไปบนก้อนหินที่มั่นคงเข้า "

เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป ในใจของเขาก็ขัดแย้งขึ้นมา ที่นี่มีเพียงก้อนหินที่ลอยเคว้งอยู่ให้พอวางเท้าเพื่อยืมแรงได้เท่านั้น ถ้าหากเหยียบโดนก้อนหินที่ดิ่งลงไป เช่นนั้นก็น่ากลัวจริงๆ

แต่ด้วยวรยุทธของเขา ก็ไม่น่าจะฝ่าไปไม่ได้

เขาไม่มองพวกโหลชีอีก และไม่กล้าว่อกแว่ก เคลื่อนไหวช้าลงอย่างระมัดระวัง

"พวกเจ้าระวังตัวกันด้วย ตามหลังข้ามา"

โหลชีหันไปพูดกับพวกเขาสองคน นางจะเป็นคนทดสอบอยู่ข้างหน้า อย่างน้อยก็รับประกันความปลอดภัยของพวกเขาสองคนได้

ในขณะที่พวกโหลชีกำลังเดินทางข้ามความว่างเปล่าผืนนี้ เฉินซ่าได้จัดการกับชายคิ้วขาวและอีกยี่สิบกว่าคนแล้ว แทบไม่ต้องตามหาเลย ก็มาถึงขอบเหวแห่งนี้แล้ว

เมื่อเห็นเขา กลุ่มคนที่นั่งพักอยู่กับพื้นต่างก็ดีดตัวลุกขึ้นทันที ทุกคนต่างก็หัวใจเต้นแรง สีหน้ามีแววซับซ้อนอยู่บ้าง

นี่คือฝ่าบาทของพวกเขา เป็นเจ้านายของพวกเขา แต่ใต้เท้าองครักษ์อิงได้เคยพูดไว้ว่า ถ้าหากพบฝ่าบาท พวกเขาต่างก็ต้องระวังตัวให้ดี ถ้าหากสถานการณ์ไม่ดี ให้หนีทันที......

"นายท่าน"

พอพวกเขาเห็นสภาพของเฉินซ่าแล้ว ต่างก็ต้องนิ่งอึ้ง

ชุดสีดำเหลือบแดงมีเลือดซึมไปทั่ว ดวงตาที่เดิมทีเป็นสีดำขลับดุจท้องฟ้ายามค่ำคืนบัดนี้ได้กลายเป็นสีเลือด รอบกายล้อมรอบไปด้วยกลิ่นอายแห่งความพิฆาต เหมือนเพิ่งจะเดินออกมาจากสงครามอสุรา

สมาชิกทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อิงกับโหลวซิ่นกลับเข้าใจในทันที

ตอนนี้เอง เทียนอิ่งก็ตามมาอย่างรวดเร็ว เห็นเฉินซ่าแล้วกลับรู้สึกโล่งใจ

ขอเพียงตอนนี้ฝ่าบาทไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เขาเชื่อว่าพระสนมต้องมีวิธีแน่

"ไสหัวไปให้หมด ไป"

เฉินซ่าพูดด้วยเสียงเย็นชาสุขุม อิงกับโหลวซิ่นตะคอกใส่สมาชิกทุกคนว่า "รีบไป"

พวกเขาดูออกว่า ฝ่าบาทยังสามารถควบคุมตัวเองได้

สมาชิกทุกคนต่างก็จากไป แต่พวกเขากลับตามอยู่หลังเขา "นายท่าน พระสนมลงไปในเหวนั่นแล้ว"

อิงเพิ่งจะพูดจบ เฉินซ่าก็กางแขนทั้งสองข้างออก ราวกับแมลงวันตัวหนึ่ง พุ่งลงไปทันที

พวกเขาจะตามลงไปด้วย อิ้นเหยาเฟิงกลับขวางเอาไว้ทันที"พระสนมเคยบอกไว้ คนที่ได้รับบาดเจ็บห้ามลงไป......"

"ถอยไป"อิงโมโห

มีอย่างที่ไหนที่เจ้านายทั้งสองต่างก็ลงไปแล้ว พวกเขาที่เป็นลูกน้องยังแอบอู้พักผ่อนหย่อนใจอยู่ที่นี่ ถ้าข้างล่างมีอันตรายเล่า

อิ้นเหยาเฟิงกลับดื้อรั้นอย่างผิดปกติ กัดริมฝีปากไม่ยอมถอยไปแม้แต่ก้าวเดียว "ใต้เท้าองครักษ์อิง ถ้าหากพวกท่านจะไปก็ให้เหยียบข้ามตัวข้าไปเถอะ เหยาเฟิงให้สัญญากับพระสนมไว้แล้ว ขึ้นมาแล้วต้องดูแลทุกคนให้ดี ใครมีบาดแผลไม่ให้ลงไปอย่างเด็ดขาด เหยาเฟิงจะไม่ขัดคำสั่งพระสนมเด็ดขาด "

เทียนอิ่งยกมือขึ้น โหลวซิ่นขวางเขาเอาไว้

"นางพูดถูก แม่นางของพวกเราสั่งไว้ ต้องปฏิบัติตาม"

บริเวณขอบแห่งความว่างเปล่า หยุนเฟิงหันกลับไปมองเฉิงสิบ"แม่นางของพวกเจ้าน่าจะข้ามไปจากตรงนี้แล้ว "

เฉิงสิบยังไม่รู้เรื่องของคนชุดขาวที่สวมหน้ากาก แต่จากการพูดคุยของพวกองครักษ์อิงก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขาระวังหยุนเฟิงขึ้นมา แม้ว่าเขาจะดูจริงใจไร้พิษสง เมื่อก่อนยังเคยช่วยเหลือแม่นางของพวกเขาเอาไว้ด้วย

"คุณชายหยุนอยากข้ามไปหรือ"

"เห็นแสงสว่างจากทางด้านนั้น ข้าน้อยก็เป็นแค่คนธรรมดา ไหนเลยจะอดทนต่อความเย้ายวนได้ องครักษ์เฉิน ไม่สู้ไปด้วยกันดีหรือไม่"

เฉิงสิบยังไม่ทันพูดอะไร เงาร่างสีดำสายหนึ่งได้ทะลุฝ่ากลางระหว่างพวกเขาสองคนออกไปราวกับลมพายุ ไม่แม้แต่จะหยุดชะงักเลยแต่น้อย แค่ชั่วครู่ก็กระโดดไปบนก้อนหินติดๆกันกว่าสิบก้อน แค่พริบตาก็กระโจนออกไปไกลแล้ว เหลือไว้เพียงเงาร่างเลือนรางให้พวกเขาได้เห็นเท่านั้น

ยังมีกลิ่นคาวเลือดที่อบอวลอยู่ในจมูกอย่างเข้มข้นนั้น

หยุนเฟิงกับเฉิงสิบต่างก็มองหน้ากัน เห็นความตกตะลึงจากสายตาของอีกฝ่าย นี่ นี่ๆๆ สถานที่ที่น่ากลัวเช่นนี้ กลับข้ามไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

เป็นใครกัน "เหมือนจะเป็น ...ฝ่าบาทของพวกเรา"เฉิงสิบพูดจบ ก็เลิกสนใจหยุนเฟิงทันที พุ่งตัวตามลงไปทันที ปลายเท้าแตะเบาๆ ไล่ตามคนคนนั้นไป

ดวงตาของหยุนเฟิงมีแววขุ่นมัววาบผ่าน ทันใดนั้นก็พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า "ข้าเคยพูดแล้วว่าจะไม่ลงมือกับโหลชีอย่างเด็ดขาด ทางที่ดีเจ้าควรจะสำรวมไว้บ้าง แต่เจ้ากล้าทำเรื่องที่ทำร้ายโหลชี อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน"

นอกจากความว่างเปล่าแล้ว ข้างกายเขาไม่มีอะไรเลย ราวกับว่ากำลังคุยกับอากาศ ย่อมไม่มีใครตอบเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ