ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 424

ไม่ว่ายังไงนางก็ยังรู้สึกพิศวงมาก บางทีอาจมีอะไรบางอย่างคอยควบคุมทุกสิ่งอยู่อย่างลับๆ ฉะนั้นสิ่งของเหล่านี้สุดท้ายก็ตกอยู่ในมือของนาง

ถ้าจะบอกว่าท่านพ่อของนางเป็นคนมอบปิ่นระย้าหงส์เจ็ดสีให้กับท่านแม่ของนาง ตอนนี้มีประโยชน์เช่นนี้ นางก็คงไม่คิดจะส่งกลับไปแล้ว มากสุดแค่ส่งผลไม้สาวงามไปให้ก็พอ ส่วนกุญแจโอสถน้ำพุ......

นางเคยถามหยุนเฟิง ที่จริงหยุนเฟิงเองก็ไม่รู้ว่ากุญแจโอสถน้ำพุใช้การอย่างไร แต่เขาบอกว่าท่านพ่อหรือไม่ก็บรรพบุรุษในตระกูลเขาน่าจะรู้ เขายินดีจะกลับไปสอบถามกับท่านพ่อของเขา อีกทั้ง จะสืบดูว่าสถานการณ์ของแผ่นดินใหญ่หลงหยินตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ส่วนเฮ่อเหลียนเจี๋ย เขาก็จะไปตรวจสอบสักหน่อยว่าอีกฝ่ายรู้มากน้อยแค่ไหน จะหาตัวองค์หญิงน้อยเพื่ออะไร

"หยุนเฟิง เฮ่อเหลียนเจี๋ยดูแล้วไม่ธรรมดา เจ้าทำเช่นนี้ จะเป็นอันตรายหรือไม่ "วันถัดมาขณะที่หยุนเฟิงจะขอตัวเดินทางออกไปก่อน โหลชีมาพร้อมกับเฉิงสิบเพื่อส่งเขา

หยุนเฟิงมองไปทางเฉินซ่าที่กำลังมองมาทางพวกเขาจากบริเวณที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ยิ้มบางๆพร้อมพูดว่า "ไม่เป็นไร ข้าจะระวังตัว "

"ถ้าเช่นนั้นก็ ขอบคุณ"โหลชีรู้ว่าพูดมากไปก็เป็นการหาเรื่องเปล่าๆ นางอยากจะรู้เรื่องราวของทางนั้นจริงๆ และฟังจากที่หยุนเฟิงเล่า เดิมทีคนของแผ่นดินใหญ่หลงหยินเวลาเดินทางไม่มีคนขัดขวาง แต่ว่าถ้าคนของแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางจะเดินทางไปที่แผ่นดินใหญ่หลงหยิน กลับเป็นการทำให้ผู้คนไม่น้อยรู้สึกตื่นเต้น ตัวอย่างเช่นลัทธิสิ้นโลกีย์ที่ตั้งอยู่ระหว่างสองแผ่นดินนี้ และแปดราชตระกูลเป็นตัว เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกเขายังไม่เหมาะสมที่จะเดินทางไปด้วยตนเอง

"เจ้าไม่จำเป็นต้องเอ่ยขอบคุณต่อข้าเลย"หยุนเฟิงพูดเสียงเบา"ที่จริง เมื่อคืนข้ามีคำพูดหนึ่งที่ไม่ได้บอกเจ้า ก็คือ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่เห็นเจ้าแวบแรก ข้าก็รู้สึก......"

เขายังไม่ทันได้พูดจนจบประโยค น้ำเสียงเย็นชาของเฉินซ่าก็ดังขึ้น แม้ว่าจะอยู่ห่างกันระยะหนึ่ง ปรากฏว่าเขาได้ใช้พลังภายในถ่ายทอดเสียงข้ามมา ชัดเจนยิ่งกว่ายืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาเสียอีก

"ถ้าขืนยังพูดมากอีกก็ไม่ต้องไปแล้ว และลงไปอยู่ในหลุมซะ"

คำพูดนี้เย็นยะเยือกมาก ทันใดนั้นเหมือนเกล็ดน้ำแข็งแหลมคมที่ยิงเข้ากลางใจของหยุนเฟิง เขาได้แต่ยิ้มขม ประสานมือคำนับโหลชี "เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน ถ้ามีความคืบหน้า ข้าจะส่งข่าวมา"

โหลชีพยักหน้า "รักษาตัวด้วย"

หยุนเฟิงมองนางนิ่งๆแวบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวจากไป

โหลชีมองตามเงาหลังของเขา รู้สึกว่าปลายฤดูร้อนเช่นนี้ แต่เงาหลังเขากลับดูน่าเศร้าอยู่หลายส่วน

"นี่เจ้ารู้สึกอาลัยอาวรณ์อย่างนั้นหรือ "เสียงของเฉินซ่าดังขึ้นข้างหู โหลชีได้สติ และสะดุ้งตกใจไม่รู้ว่าเฉินซ่ามาถึงข้างกายของนางตั้งแต่เมื่อไหร่ และใช้ข้อดีของการที่เกิดมามีร่างกายสูงมองต่ำลงมาที่นาง ในดวงตาเต็มไปด้วยความขุ่นมัว

เจ้าหนุ่มคนนี้วันๆเอาแต่หวงเอาแต่หึง ไม่รู้จะหึงจะหวงอะไรกันนักกันหนา โหลชีกลอกตาหนึ่งที"ฝ่าบาทที่เคารพ พวกเราจะหยุดหึงกันสักพักได้หรือไม่ ไม่สู้มาช่วยกันคิดดีกว่าจะทำอะไรต่อไป"

"หึง ข้าไม่เคยชอบทำเรื่องที่น่าเหลวไหลพรรค์นั้น อีกอย่าง อยู่ดีๆทำไมเจ้าต้องพูดเรื่องหึงหวงด้วย ถ้าหิวละก็ ให้เฉิงสิบไปล่าสัตว์มาให้ "ฝ่าบาทผู้ขี้หึงเหลือบมองนางอย่างหยิ่งยโสแวบหนึ่ง หมุนตัวจากไป

โหลชีจ้องมองแผ่นหลังของเขา มุมปากกระตุก

เสแสร้ง เสแสร้งต่อไปเถิด

นางไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าหึงหมายความว่าอย่างไร

"แม่นาง ท่านหิวแล้วหรือ "เฉิงสิบได้ยินแค่ประโยคหลัง รีบเข้ามาถามไถ่อย่างจริงจัง

โหลชีกุมขมับ"เดินไปด้วยหาของกินไปด้วยดีกว่า"

นางเดินไปทางเฉินซ่า เฉิงสิบกับหลินเสิ้งเวยทั้งสามคนต่างก็แยกย้ายกันออกไปหาของกิน แม้ว่าพวกเขาจะนำอาหารแห้งมาด้วย แต่ว่าถ้ามีอาหารร้อนๆ และสดใหม่ ย่อมดีกว่าอาหารแห้งแน่

จะเดินอ้อมหลุมใหญ่ไปต้องเดินทางไกลมาก ที่น่าแปลกคือยิ่งเดินอุณหภูมิก็ยิ่งต่ำลง เดิมทีที่นี่มีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าข้างนอกอยู่แล้วสองสามองศา ตอนนี้เดินมาครึ่งค่อนวัน อุณหภูมิต่ำลงอีกหลายองศา ดีที่พวกเขาล้วนเป็นคนฝึกยุทธ ถ้าหากเป็นคนทั่วไป สวมชุดหน้าร้อน เมื่อเจอกับอากาศของฤดูใบไม้ร่วง ต้องรู้สึกว่าหนาวมากแน่ๆ โดยเฉพาะตอนที่เดินลึกเข้าไป ลมก็แรงมากขึ้น ลมเย็นพัดทะลวงเข้าไปในเสื้อผ้า ทำให้รู้สึกหนาวออกมาจากใจ

เจ้าหนุ่มยโสอย่างเฉินซ่าที่หึงนางเพราะมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของหยุนเฟิง ไม่คุยกับนางกับระหว่างเดินทางเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว รอจนพวกเฉิงสิบจับกระต่ายป่ากลับมาได้สองตัว พวกเขาจะหยุดพักและย่างเนื้อกิน เขาจึงเปิดปากพูดขึ้นมาว่า

"เจ้าไปย่างเนื้อ "

เขาไม่ได้กินเนื้อย่างฝีมือนางมานานแล้ว คิดถึงฝีมือนางมาก

โหลชีถลึงตาให้เขาแวบหนึ่ง ให้พวกเฉิงสิบไปจัดการกระต่ายป่าให้สะอาดก่อน ตัวเองกลับลากตัวเฉินซ่าไปอีกฟาก เอาขวดเล็กๆออกมาหนึ่งขวด ยื่นให้เขา "ดื่มสักหน่อย "

เฉินซ่าจำได้ทันทีว่าสิ่งที่อยู่ในขวดนั้นก็คือเมือกเหนียวๆของสัตว์ตัวนั้น ก่อนหน้านี้หยุนเฟิงได้บอกกับพวกเขาถึงชื่อของปลาดุกเทพตัวนั้นและประโยชน์ของเมือกมัน

"ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว จะดื่มของสิ่งนี้ทำไม"

"ไม่ ข้ารู้สึกว่าอาการของท่านน่าประหลาดมาก ตอนนี้ยังหาสาเหตุไม่เจอ แต่ว่าต้องผิดปกติมากแน่ ๆ"โหลชีไม่ได้มองในแง่ดีเหมือนเขา ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้พลังภายในจนหมดไปแล้ว อาการบาดเจ็บภายในก็รุนแรงมาก ไม่ได้รับการรักษาและกินยาใดๆเลยแต่กลับบอกว่าอาการบาดเจ็บภายในหายแล้วอย่างกะทันหัน อีกทั้งพลังยังเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าตกใจ นางตรวจไม่พบว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ ย่อมไม่กล้าวางใจอย่างง่ายดาย

เดิมทีการไล่ตามสัตว์สีขาวตัวนั้นเข้ามาก็เพื่อที่จะให้เขากินเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บภายใน ตอนนี้มีปลาดุกเทพแน่นอนไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว

"แล้วทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่ให้ข้ากินเล่า"เฉินซ่ากลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางได้ให้พวกเฉิงสิบกินแล้ว แต่ว่าตอนนั้นทำไมจึงไม่ให้เขากินด้วย

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ใบหน้าของโหลชีก็แดงขึ้นเล็กน้อย"เอาเถิด ข้าจะพูดความจริงก็ได้ ข้าไม่กล้าให้ท่านกินตามใจ "เมื่อครู่ยังไม่แน่ใจนักว่าของสิ่งนี้จะสามารถกินได้หรือไม่ นางต้องการดูอาการหลังกินของพวกหลินเสิ้งเวยก่อนค่อยตัดสินใจ

ดวงตาของเฉินซ่าแวววับขึ้นมาทันที"นี่เจ้าหมายความว่า ในใจของเจ้าข้านั้นสำคัญและพิเศษที่สุดใช่หรือไม่ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงไม่ต้องให้พวกเขาทดลองกินยาก่อนค่อยให้ข้ากิน "เขารู้สึกดีใจมาก ถูกต้อง สมควรเป็นเช่นนี้ เป็นผู้หญิงของเขาก็ต้องเป็นเช่นนี้ วางเขาไว้ในตำแหน่งที่สำคัญที่สุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ