ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 432

"ตัวข้าเองยังไม่ได้กินเลยนะ จะให้ข้าป้อนท่าน รอข้ากินเสร็จก่อน!" ที่นางยกมาเป็นเนื้อย่างสำหรับสองคน และเพราะคิดว่าตอนนี้เขาอ่อนแอนัก ดังนั้นเลยใช้พิชิตวันหั่นเป็นชิ้นเล็กบางเฉียบ นางย่างได้นุ่ม กลิ่นเนื้อปนน้ำมันหยดติ๋ง บวกกับเห็ดป่าและเครื่องปรุงต่างๆ กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วถ้ำ ทำให้พยาธิในท้องคนโดนปลุกขึ้นมาจริงๆ

"เจ้าทนให้ข้ารอเจ้ากินเสร็จได้รึ?" เฉินซ่าหลุบตาลง ตอนนี้โหลชีถึงพบว่าขนตาเขายาวและหนามาก พอหลุบตาลงแบบนี้สะท้อนประกายไฟ ส่วนประกอบในใบหน้าช่างส่องประกาย นี่มัน...อาหารตาชัดๆ

นางกลืนน้ำลายเอื๊อก

หางตาเฉินซ่ามองเห็นได้ชัด เขาลอบขบขัน ยัยหนูนี่เคลิบเคลิ้มอีกแล้ว แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกว่าอะไรไม่ถูกต้อง สตรีของเขา มองเขาจนเคลิบเคลิ้ม มันมิใช่เรื่องปกติหรอกรึ?

หากเป็นสตรีอื่นมามองเขาเยี่ยงนี้ เขาต้องควักลูกตาอีกฝ่ายออกมาแน่ๆ "เพราะมองข้าจนอิ่มแล้วใช่หรือไม่? เจ้าป้อนข้า ข้ายอมให้เจ้าจ้องมองทั้งคืนเลย เป็นไร?"

โหลชีได้สติกลับมา สับสนขึ้นมาทันที

"ฝ่าบาท การเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปเป็นโรคชนิดหนึ่ง ต้องรักษา!"

โดนเขาอวดตัวเข้าให้ นางไม่อยากมองเขาแล้ว

"ข้ามิจำเป็นต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เจ้าก็มองตาไม่กะพริบแล้ว หรือว่านี่มิใช่ความจริง?" สายตาเฉินซ่ามีแววขบขัน

อาจเพราะอ่อนแอ เขาในตอนนี้อบอุ่นกว่าปกติมา ไม่เย็นชาอย่างนั้นอีก

"ใครมองตาไม่กะพริบ? ข้ากลอกตาให้ท่านดู!" โหลชีพูดพลางกลอกสองตาไปมองอย่างว่องไว ทำเอาเฉินซ่าหัวเราะออกมา

"เอาล่ะ ข้าไม่ได้สงสัยว่าสองตาเจ้าเสียแล้วเสียหน่อย" กลอกไปมารวดเร็วเยี่ยงนั้นทำอะไร ทำหยั่งกับจิ้งจอกน้อยอย่างนั้นแหละ

ทั้งสองคนถกเถียงกันไปมาสักพัก เพราะร่างกายเฉินซ่าเกิดปัญหาหลายครั้งเลยทำให้เกิดความเคร่งเครียดและหนักอึ้ง ตอนนี้เลยหายไปไม่น้อย

ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดให้ชัด แต่ในใจพวกเขาสองคนอันที่จริงแล้วยังเคร่งเครียดอยู่

โหลชีนั่งลงต่อหน้าเขา แต่พอนั่งลง สายตาก็ไปหยุดที่หน้าอกเขา ตอนนี้หน้าอกเขาวาดค่ายกลเลือดไว้ เสื้อผ้าถอดไปครึ่งหนึ่ง แผงอกกว่าครึ่งนั่นภายใต้ค่ายกลเลือดแดงสด ดูแล้วแปลกพิกลนัก

"เลือดไหลมากขนาดนั้น..." สายตาเฉินซ่าจับจ้องมาที่นาง พลางยื่นมือมา "เอามือมาให้ข้าดูหน่อย"

"ไม่เป็นไร" โหลชีไม่สนใจเลย "ข้าสร้างเลือดได้เร็ว"

"ในตัวข้ามีเลือดของเจ้า ต่อไปก็เป็นของเจ้าด้วย" เฉินซ่ากลับไม่ได้เรียกร้องจะดูแผลที่นิ้วมือนางอีก เขานึกถึงตอนนั้นที่เขายกเลิกพิธีคัดเลือกพระสนม ตอนพึ่งได้ร่วมนอนเตียงเดียวกันกับนางครั้งแรก นางเคยบอกเขาอย่างจริงจังว่า หากจะอยู่ร่วมกันกับนาง เช่นนั้นทั้งร่างกายและจิตใจต้องเป็นของนาง เป็นของนางคนเดียว นางมิอนุญาตให้เขามีสตรีอื่นใดอีก สตรีผู้นี้บางครั้งบ้าอำนาจและเย่อหยิ่งเสียยิ่งกว่าเขาอีก

ดังนั้นตอนนี้ฝ่าบาทเลยรู้สึกว่าคำพูดนี้ที่เขาพูดเป็นคำบอกรักที่เหมาะสมที่สุดแล้ว นางมิใช่บอกว่า นางเป็นของเขารึ กลับกัน เขาก็เป็นของนางมิใช่รึ?

คำบอกรัก คล้ายจะเป็นคำบอกรักจริงๆ แต่โหลชีฟังแล้วรู้สึกแปลกๆไงพิกล คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เข้าใจ เลยสรุปว่าใบหน้าเย็นชาของฝ่าบาทน่ะไม่เหมาะสมจะพูดจาหวานเลี่ยน

นางคีบเนื้อย่างชิ้นเล็กส่งเข้าปากเขา แต่กลับเห็นเขามองนางนิ่งไม่ขยับเลย

มองนางอย่างนี้ทำไม?

รออยู่นาน เห็นนางดูไม่รู้จริงๆว่าเขารออะไร เฉินซ่าเริ่มโมโห "คำพูดของข้า เจ้าไม่คิดจะตอบเลยหรือไง?"

"หา ตอบอะไรล่ะ?" โหลชีไม่เข้าใจ

"ข้าบอกแล้วว่า ข้าเป็นของเจ้า" เขาทวนคำ

โหลชีพยักหน้า "ข้าได้ยินแล้วไง" บอกรักไม่ต้องบอกซะจริงจังขนาดนี้ไหม ฝ่าบาท สีหน้าและน้ำเสียงท่านตอนพูดคำนี้ ทำไมเหมือนกำลังจะบอกว่า พวกเรานำทหารไปจัดการพวกโจรเถอะ?

นั่นไง ความอบอุ่นของเขาคงอยู่ได้ไม่นานหรอก กลับมาเย็นชาอีกแล้ว

"งั้นเจ้าไม่มีอะไรจะพูดเลยรึ?"

"จะให้พูดอะไรล่ะ?

"เจ้าควรจะพูดว่า" เขากัดฟัน "เจ้าก็เป็นของข้าเช่นกัน เป็นของข้าคนเดียว!"

"...."

สีหน้าโหลชีแสดงอาการงุนงงอย่างรุนแรง

ใครกำหนดหา? บทสนทนาที่งี่เง่าปัญญาอ่อนอย่างนี้ ใครกำหนดต้องพูดแบบนี้กัน? แต่เห็นสีหน้าเย็นชาของเฉินซ่า สีหน้าที่บอกว่าถ้าเจ้าไม่พูดคืนนี้เราไม่ต้องนอนกันแล้ว ในใจของโหลชีก็สับสนมากอยู่

"ได้ได้ได้ ข้าเป็นของท่าน เป็นของท่านคนเดียว!"

ได้หรือยัง?

เขาไม่ได้อายุยี่สิบสามหรอก แต่อายุสิบสามมากกว่า?

ของนางน่ะเรียกบอกไปส่งๆ เป็นวิธีรับมือความยุ่งยาก ฝ่าบาทกลับเอาจริง พยักหน้าอย่างพอใจพลางว่า "อืม ต่อไปเจ้าต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะว่า เจ้าเป็นของข้า ห้ามใช้เลือดของเจ้ากับคนอื่น อีกอย่าง ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้นิ้วไปวาดค่ายกลเลือดอะไรบนตัวชายอื่น ฟังเข้าใจแล้วหรือไม่?"

ยามนิ้วเรียวยาวอ่อนนุ่มของนางวาดลวดลายบนหน้าอกเขา หัวใจเขาวาบหวามไปทุกอณู หากนางกล้าทำเยี่ยงนี้กับชายอื่น เขาจะตัดนิ้วนางซะ และจับชายผู้นั้นมาสับเป็นเนื้อสับ

โหลชีมองบน ดูท่าที่เขาอยากพูดที่สุดคงเป็นคำนี้กระมัง ใช่ไหม?

นางป้อนเนื้อให้เขาไปพลาง พูดว่า "ท่านวางใจได้เลย ข้าทะนุถนอมเลือดของข้ามากนัก ไม่มีทางให้คนอื่นใช้ง่ายๆหรอก! อีกอย่าง บุรุษใดจะโชคร้ายและอ่อนแออย่างท่านกันหา? ในตัวมีพิษมีกู่ ก่อนหน้านี้ยังโดนคำสาป ตอนนี้ก็มีวิชาลับในการสะกดอะไรนี่อีก..."

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ