แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 334

ทุกคนต่างคนต่างพูด ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน

ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่อุบไว้อีกแล้ว พูดว่า “ข้ายังคงหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถเพาะปลูกข้าว......”

คำพูดของลั่วเสี่ยวปิงพูดออกไป สีหน้าชาวบ้านก็มีแววแห่งความผิดหวังเล็กน้อย

โดยเฉพาะพวกที่ปลูกข้าวมาทั้งชีวิต ครอบครัวก็เป็นได้แค่ชาวนาที่ทำได้เพียงอิ่มท้อง

พวกเขารู้อย่างชัดเจนว่าลำพังพึ่งพาเพียงผลผลิตในที่ท้องนา พวกเขาจะได้ผลลัพธ์อย่างไร

ลั่วเสี่ยวปิงกวาดมองสายตาของพวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้รีบพูด

เธออยากลองดูทัศนคติของพวกเขา ดูว่าคนเหล่านี้จะกล่าวโทษเธอเพราะความผิดหวังหรือไม่

หากเป็นเช่นนี้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือมากมายนัก

เพราะว่าใจคนนั้นล้วนเหมือนบ่อน้ำลึกที่มองไม่เห็นก้นบ่อ ถ้าหากต่อจากนี้เธอทำอะไรไม่ได้เป็นดั่งความคาดหวังของพวกเขา หากเธอยังต้องถูกพวกเขาต่อว่า สู้แบ่งแยกขอบเขตให้ชัดเจนดีกว่า ดีกว่าสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นมากมายให้กับตัวเอง

แต่ผลลัพธ์คือดี ถึงแม้มีคนไม่น้อยผิดหวังต่อคำพูดของลั่วเสี่ยวปิง แต่สุดท้ายก็ไม่มีคนพูดจาต่อว่า หรือคิดอยากจะพูดตัดคำพูดลั่วเสี่ยวปิง

นี่ก็เป็นเพราะคนที่มาในวันนี้ล้วนเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ไม่ใช่เหล่าแม่บ้านที่ขาดความรู้

เห็นผลลัพธ์นี้แล้ว ลั่วเสี่ยวปิดพอใจมาก จึงพูดต่อ “แต่ว่า แน่นอนว่าไม่เหมือนการเพราะปลูกสมัยก่อน ข้าจะให้เมล็ดพันธุ์กับพวกเจ้า ผลผลิตต้องเยอะกว่าเดิมแน่นอน”

เมล็ดพันธุ์ที่แช่ด้วยน้ำแร่วิญญาณสามารถเพิ่มผลผลิต จุดนี้นางได้ให้จางเอ้อหลางไปพิสูจน์แล้ว

ถึงแม้ตอนนี้ภาคใต้ยังไม่มีผลผลิต แต่ว่าต้นกล้าที่งอกออกมานั้นก็พิสูจน์ปริมาณผลผลิตในภายหลังได้แล้ว เธอสามารถเชื่อมั่นและวางใจให้ชาวบ้านไปทดลองได้

ได้ยินว่าสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้ แสงแห่งความหวังก็ลุกขึ้นในสายตาของข้าวบ้าน

จางเหล่าฮั่นก็ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “งั้น......สามารถเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?”

ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน สิ่งที่ชาวนารักที่สุดก็คือข้าว หากไม่ใช่ผลผลิตน้อยเกินไป จะมีใครไม่อยากเพาะปลูกข้าว?

ได้ยินแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็คำนวณในใจครู่หนึ่ง

คนส่วนใหญ่ในต้าชิ่งปลูกข้าว ผลผลิตเยอะที่สุดอยู่ในพื้นที่ราบของภาคใต้ สามารถมีผลผลิตสองสามร้อยกิโลกรัม

ฝั่งหมู่บ้านต้าชิ่งใกล้ชายแดนตะวันตก พื้นที่ค่อนข้างเป็นดินจืดไร้ปุ๋ย ผลผลิตมีแค่เพียงประมาณสองร้อยกิโลกรัม ที่นาระดับสองยิ่งมีผลผลิตเพียงหนึ่งร้อยกิโลกรัม รวมแล้วระดับก็อยู่ในสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง

ในสมัยปัจจุบัน ยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด หยวนเหล่าได้ทำให้นาข้าวมีผลผลิตมากกว่าหนึ่งพันกิโลกรัมต่อไร่แล้ว ยุคศตวรรษที่ยี่สิบสองก็ถึงระดับที่นั่งตากลมใต้ต้นข้าวสูงแล้ว

ถึงแม้น้ำแร่วิญญาณของเธอจะพัฒนาเมล็ดพันธุ์ได้ แต่ก็เด่นออกนอกกรอบเกินไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงทำการแทรกแซงเมล็ดพันธุ์ข้าวปริมาณผลผลิตทางภาคใต้ที่ให้จางเอ้อหลาง ตามที่จางเอ้อหลางเขียนในจดหมาย คาดว่าสามารถให้ผลผลิตข้าวได้ถึงห้าหกร้อยกิโลกรัม

ห้าหกร้อยกิโลกรัมสำหรับหมู่บ้านต้าซิง นั่นก็เท่ากับว่าเพิ่มขึ้นสามเท่าแล้ว

คิดถึงจุดนี้ ลั่วเสี่ยวปิงพูดอย่างถ่อมตัว “อย่างน้อยก็สามารถเพิ่มผลผลิตได้สองเท่า”

คำพูดนี้ของลั่วเสี่ยวปิง ทำให้ชาวบ้านเฮฮาไปตามกัน

สองเท่าเหรอ!

นั่นมันแนวคิดอะไร?

นั่นมันสามารถทำให้พวกเขากินอิ่ม และยังสามารถมีอาหารเหลือไปขายได้

ท่ามกลางความดีใจของทุกคน ลั่วเสี่ยวปิงก็ทิ้งประโยคสำคัญอีก “ข้าหวังว่าที่นาของพวกเจ้ายังคงปลูกข้าว พื้นที่แห้งก็ปลูกพริก”

พอสงครามมาถึง ผู้อพยพเต็มเมือง จะมีผู้คนมากมายอดตาย

เพราะฉะนั้นเวลานี้สามารถเพาะปลูกข้าวยังไงก็เป็นเรื่องที่ดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง