สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 16

“ท่านลุงเจ้าค่ะ แล้วบ้านของข้าจะเริ่มปรับปรุงตอนไหนรึเจ้าค่ะ” ฟางเหนียงเอ่ยถามท่านพ่อของเหมยเหม่ย ท่านลุงกับเหมยเหม่ยออกไปทำนาตั้งแต่ยามเหม่า กลับบ้านมาทานข้าวก็เข้ายามซื่อแล้ว หลังจากท่านลุงทานข้าวเสร็จก็มานั่งที่ลานบ้าน ฟางเหนียงจึงเอ่ยถามเรื่องบ้านของนาง เพราะช่วงนี้ฝนตกบ่อย นางสงสารตัวเองยิ่งนัก ฝนตกทีไรไม่ได้นอนดีสักคืนเลย ต้องวิ่งวุ่นไปทั่วบ้านทุกครั้งไป “ฟางเหนียงเอ้ย ท่านลุงอย่างข้าก็อยากปรับปรุงบ้านของเจ้าให้เสร็จเร็วๆ เช่นกัน แต่ช่างสร้างบ้านเขาก็ทำนากันอยู่ อีกอย่างช่วงนี้ฝนตกบ่อยยิ่งนัก จะทำอะไรก็ไม่สะดวก ข้าว่าให้ผ่านช่วงฝนตกนี้ไปก่อน แล้วเราค่อยเริ่มปรับปรุงบ้านของเจ้าอีกครั้งดีรึไม่” มันก็จริงอย่างที่ท่านลุงพูดนั่นแหละ ช่วงนี้ฝนตกจะทำอะไรก็ลำบากไปหมด

“อืมม เอาเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ” นางพยักหน้าตอบ “อ่า ลุงลืมบอกไปเลยว่าเหมยเหม่ยจะแต่งงานแล้วนะ ตอนนี้ฝ่ายชายก็หมั้นไว้แล้วด้วย” นางได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจนิดหน่อยแต่ก็ยินดีด้วยเช่นกัน “จริงหรือเจ้าค่ะ เหมยเหม่ยไม่เคยบอกข้าเรื่องนี้เลย” ปกติแล้วเหมยเหม่ยมีอะไรจะบอกนางเสมอแต่ทำไมเรื่องนี้ถึงเงียบไปล่ะ หรือว่าเหมยเหม่ยอายที่จะบอกนาง “แล้วเจ้าล่ะ ปีนี้ก็จะแต่งงานเช่นกันมิใช่รึ” นางได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าสงสัยขึ้นมาทันที “เอ่ออ แต่งงานอะไรรึเจ้าค่ะ คู่หมั้นข้ายังไม่มีเลยนะเจ้าค่ะ” นางตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าจะไม่มีคู่หมั้นได้อย่างไรกัน เจ้าอายุได้ 7 ขวบก็มีคู่หมั้นแล้ว ท่านพ่อท่านแม่เจ้าไม่ได้บอกเจ้าไว้หรอกรึ” ท่านลุงพูดเรื่องอะไรล่ะเนี่ย จู่ๆ ก็ว่านางมีคู่หมั้นแล้ว “เอ่อ ท่านลุงจำผิดแล้วล่ะเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน” นางจะมีคู่หมั้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อความทรงจำของหญิงสาวคนนั้นไม่มีเรื่องนี้อยู่เลย

“จะจำผิดได้เยี่ยงไรกัน ก็ท่านพ่อของเจ้าบอกกับข้าเอง” นางที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งไม่เข้าใจกว่าเดิม “พ่อเจ้าเคยบอกข้าไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นพ่อของเจ้ากับข้าลงมาจากเขาก็เห็นว่ามีพิธีแต่งงานในหมู่บ้านของเรา จู่ๆ พ่อเจ้าก็เอ่ยบอกข้าว่าเจ้านั้นมีคู่หมั้นแล้ว เป็นลูกของเพื่อนพ่อเจ้า แต่เพื่อนคนนั้นไม่ได้อยู่หมู่บ้านของเรา พ่อเจ้ายังหันมาถามข้าเลยว่าเหมยเหม่ยมีคู่หมั้นรึยัง” ท่านลุงพูดไปก็ยิ้มไปคิดถึงอดีตที่เคยไปล่าสัตว์กับท่านพ่อของนาง ส่วนนางนั้นได้แต่ทำหน้ามึนงงกับสิ่งที่ท่านลุงเล่าให้ฟัง “ท่านพ่อไม่เคยบอกเรื่องนี้กับข้าเลยนะเจ้าค่ะ ข้าเองก็ยังไม่อยากแต่งงานด้วยเจ้าค่ะ” นางอายุ 17 ปีเองนะ จะให้แต่งงานแล้วรึ นางขอถอนหมั้นยังดีซะกว่า

ท่านลุงที่ได้ยินนางพูดเช่นนั้นก็รีบหันขวับมามองนางทันที “เจ้าไม่แต่งตอนนี้ แล้วใครจะเอาเจ้าล่ะ อายุของเจ้าก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ รุ่นราวคราวเดียวกันกับเจ้าเขาพากันมีลูกกันหมดแล้วเหลือแต่เจ้า 2 คนนี้แหละ เฮ้อ” ท่านลุงถอนหายใจยาว มันน่าเหนื่อยใจยิ่งนัก เด็กผู้หญิงสมัยนี้อายุ 14 ปีเขาก็แต่งงานกันหมดแล้ว หากเกิน 18 ปีก็จะหาคู่ยากมาก หากว่าท่านลุงไม่ตอบกลับท่านพ่อของนางในวันนั้นว่าลูกสาวเจ้าแต่งปีไหนปีนั้นแหละข้าจะหาคู่หมั้นให้ลูกสาวข้า ท่านพ่อก็ตอบกลับมาว่าให้นางอายุ 17 ปีก่อน เพราะท่านพ่อของนางอยากอยู่กับลูกสาวคนเดียวนานๆ สักหน่อย ท่านลุงก็ไม่คิดว่าท่านพ่อจะพูดจริง เอาซะเหมยเหม่ยเกือบไม่ได้แต่งงานกันเลยทีเดียว

“ไม่นานมานี้ ข้ายังหนักใจเรื่องแต่งงานของเหมยเหม่ยยิ่งนัก เพราะเหมยเหม่ยอายุมากแล้วครอบครัวฝ่ายชายจะไม่ชอบเอาได้ ยังดีที่เมื่อวานก่อนมีแม่สื่อมาหาหญิงสาวที่มีอายุ 17-18 ปีเพื่อแต่งงานกับชายหนุ่มอายุ 20 ปีที่เพิ่งกลับมาจากการศึกษาวิชาแพทย์ในต่างแดน ข้าจึงลองไปคุยกับแม่สื่อดู ไม่คิดว่าวันรุ่งขึ้นครอบครัวของฝ่ายชายจะมาหมั้นเหมยเหม่ยในทันที” ท่านลุงพูดออกมาด้วยความสบายใจ แล้วหันมายิ้มให้นาง “ข้าว่านะอีกเดือน 2 เดือนน่าจะมีผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาหาเจ้าเป็นแน่ ปีนี้เจ้าอายุครบ 17 ปีแล้ว” ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงนางขอถอนหมั้นยังดีกว่า “แต่ท่านลุงเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยรู้จักกับครอบครัวฝ่ายชายเลยนะเจ้าค่ะ ข้าขอผู้ใหญ่ฝั่งนั้นถอนหมั้นได้ไหมเจ้าค่ะ” จะให้นางแต่งงานได้อย่างไรกัน ครอบครัวฝ่ายชายจะเป็นคนอย่างไรนางก็ยังไม่รู้

“เจ้าจะถอนหมั้นได้อย่างไรกัน เจ้าจะเป็นลูกอกตัญญูอย่างนั้นรึ” นางลืมไปได้อย่างไรกันว่ายุคนี้พ่อแม่เลือกคู่ให้ไม่อาจปฏิเสธได้ เฮ้อ “ท่านลุงเจ้าค่ะ ทำไมท่านลุงถึงคิดว่าผู้ใหญ่ฝ่ายชายจะมาพบข้าล่ะเจ้าค่ะ” นางสงสัย “ช่วงนั้นการทำนาก็เสร็จพอดี ฝนก็ไม่ตกแล้วด้วย การเดินทางจึงสะดวกกับการมาที่นี่อย่างไรล่ะ เจ้าก็เตรียมตัวไว้ด้วย” แล้วนางจะทำอย่างไรต่อดีล่ะ อยู่ดีๆ นางก็มีคู่หมั้นแล้ว แถมปีนี้นางอาจได้แต่งงานอีกด้วย แต่นางไม่อยากแต่งจริงๆ นี่น่า “ฟางเหนียง เจ้าคิดอะไรอยู่รึ” ท่านป้าที่เดินออกมาจากในบ้านหลังจากที่เก็บโต๊ะกินข้าวเสร็จเห็นนางกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้าคะท่านป้า ข้าฟางเหนียงผู้นี้มีคู่หมั้นแล้วจริงๆ หรือเจ้าค่ะ” นางถามด้วยอาการเหม่อลอย

“ก็ดีแล้วมิใช่รึ ตอนนี้พ่อแม่เจ้าก็ไม่อยู่แล้ว หากเจ้ามีสามี สามีจะได้ดูแลเจ้าแทนพ่อแม่เจ้าอย่างไรล่ะ พ่อแม่เจ้าที่จากไปก็จะได้หมดห่วงเช่นกัน” จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ แล้วถ้าหากนางได้สามีที่ไม่เอาไหนล่ะ ชอบทำร้ายร่างกาย แล้วนางจะทำอย่างไร หน้าตาก็ไม่เคยพบ นิสัยใจคอเป็นเช่นไรก็ไม่อาจรู้ได้ แบบนี้มันคลุมถุงชนชัดๆ เลย “ท่านป้าข้าจะหนีงานแต่งนี้ได้หรือไม่เจ้าค่ะ” มีแค่ทางนี้แล้วจริงๆท่านป้าที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบขัดนางทันที “จะเป็นเช่นนั้นได้เยี่ยงไรกัน คู่หมั้นของเจ้าเป็นลูกของเพื่อนพ่อเจ้าที่พ่อเจ้าไว้ใจมากที่สุดเลยนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมยกลูกสาวคนเดียวอย่างเจ้าให้เขาไปอย่างแน่นอน เจ้าอย่าเพิ่งคิดไปไกลเลยนะฟางเหนียง แต่งกันแล้วเดี๋ยวก็รักกันเองนั่นแหละ เชื่อท่านป้าอย่างข้าสิ” ท่านป้าพูดแล้วก็หันไปมองสามีแล้วยิ้มให้น้อยๆ อย่างเขินอาย

หลังจากที่นางคุยกับท่านลุงท่านป้าเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับบ้าน นางมาถึงบ้านก็นั่งลงที่เตียงนอนแล้วพยายามคิดเรื่องคู่หมั้นว่าท่านพ่อเคยบอกเรื่องนี้ไว้กับนางหรือเปล่า ทำไมเรื่องนี้ถึงไม่ได้อยู่ในหัวนางเลยสักนิด นางลองคิดทบทวนความทรงจำของหญิงสาวคนนี้อีกครั้ง ว่าหญิงสาวคนนี้มีคู่หมั้นจริงๆ หรือ “ไม่เห็นท่านพ่อบอกนางว่ามีคู่หมั้นเลยนี่ หรือท่านลุงแค่แกล้งนางเท่านั้น แล้วท่านลุงจะแกล้งนางทำไมกันไม่มีเหตุผลเลย เฮ้ออ คิดไม่ออกเลยจริงๆ นะ” นางคิดทบทวนอยู่หลายครั้งก็ไม่เห็นเรื่องนี้อยู่เลย แต่มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นางไปเล่นด้วย ที่ต่างเมืองตอนนั้นท่านพ่อได้นำสัตว์ที่ล่าได้ไปส่งลูกค้า ท่านพ่อจึงพาภรรยากับลูกไปด้วยเพราะความเป็นห่วง “เอ๋!!อย่าบอกนะว่า เป็นเด็กผู้ชายคนนั้น” ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นแค่คำสัญญาปากเปล่าของผู้ใหญ่ เจ้าเด็กผู้ชายคนนั้น ยังจะหมั้นกับข้าอีกทำไม การแต่งงานกับเขาครั้งนี้เขาต้องมาแก้แค้นนางเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นเขาไม่รอนานถึงเพียงนี้หรอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ