สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 30

ฟางเหนียงและท่านป้าได้ทำการตกลงที่จะซื้อขายที่ดินให้กัน แต่ต้องรอโฉนดที่ดินก่อนประมาณ 7 วัน เพราะโฉนดที่ดินอยู่กับลูกชายของท่านป้า ก่อนที่ท่านป้าจะจากไปนางได้เก็บมะเขือเทศให้ท่านป้าไป 1 ตะกร้าเล็ก หลังจากที่ท่านป้ากลับไปแล้ว นางก็เตรียมตัวออกไปนา เพื่อไปใส่ปุ๋ยให้กับต้นกล้าที่นางปลูกไว้ ตอนนี้จะเรียกว่าต้นไม้เลยก็ว่าได้ เพราะมันโตขึ้นมากแล้ว ฟางเหนียงแบกตะกร้าแล้วมุ่งหน้าไปที่นา นางมาถึงก็ตักน้ำจากลำธารมาใส่ในโอ่งก่อนเพื่อที่จะได้ผสมปุ๋ยวิเศษลงไป ขณะที่นางกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่นั้น อยู่ๆก็มีเสียงหนึ่งร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างมาก "เอ็ง ๆ ๆ ๆ" เอ๋!!! นั้นมันเสียงสุนัขนี่ นางคิดแล้วก็หันไปมองตามเสียงนั้น แล้วเดินไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นางเดินตรงไปที่พุ่มไม้ที่มีเสียงนั้นอยู่ แล้วเห็นว่ามีสุนัขตัวหนึ่งนอนร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด

 "นั้นมันไปโดนอะไรมาทำไมตัวมันถึงได้แดงไปหมดเช่นนั้น" เพราะเป็นสุนัขที่มีขนสีขาวถึงได้มองเห็นผิวของมันที่เป็นสีแดง แต่มันมีร่างกายที่ซูบผอมมากจนเห็นซี่โครง แผลที่อยู่ตามร่างกายของมันตอนนี้ก็เริ่มมีตุ่มพุพองขึ้นมาแล้ว บางจุดก็เป็นรอยไหม้ สุนัขตัวนั้นหันมาเห็นนางก็กำลังจะลุกขึ้นเพื่อวิ่งหนี แต่สภาพร่างกายมันตอนนี้แค่ลุกขึ้นก็แทบไม่มีแรงแล้วด้วยซ้ำ มันจึงหันมามองนางด้วยสายตาอ้อนวอนว่าอย่าทำร้ายมันเลย "เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ข้าไม่ได้มาทำร้ายเจ้าหรอก" นางพูดปลอบใจมัน เพื่อไม่ให้มันกลัวนาง และมันก็เหมือนจะเข้าใจคำพูดของนางแล้วนอนลงเช่นเดิม จากที่มันทำสายตาที่กลัวนาง แต่ยามนี้กลับทำสายตาเพื่อขอความช่วยเหลือ มันคงรู้ตัวว่ายามนี้ช่วยเหลือตนเองไม่ได้แล้ว ส่วนฟางเหนียงก็ไม่ใช่คนที่ใจร้ายขนาดนั้นด้วยสิ นางจึงค่อยๆเดินย่องเข้าไปช้าๆ เพื่อไม่ให้มันตกใจ

"เอ่อ เจ้าเจ็บมากใช่หรือไม่ ข้าขอดูแผลของเจ้าสักหน่อยนะ" พูดแล้วนางจึงค่อยๆนั่งลงดูแผลที่อยู่เต็มตัวสุนัขตัวนี้ "เจ้ารอข้าตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวข้าไปตักน้ำที่ลำธารสักครู่" ฟางเหนียงรีบวิ่งไปที่ลำธารทันที ยังดีที่ลำธารสายนี้อยู่ใกล้ที่นาของนาง และยังเป็นสายที่ไหลไปถึงบ้านของนางอีกด้วย นางตักน้ำขึ้นมาหนึ่งถังแล้วเทน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงไปผสมกับน้ำ นางถือถังน้ำไปวางใกล้ๆสุนัขตัวนั้น แล้วใช้กระบอกไม้ไผ่ตักน้ำในถัง เพื่อจะเทลงไปตรงแผลของมัน สุนัขที่เห็นเช่นนั้นก็เริ่มใช้เสียงขู่นางขึ้นมาทันที แล้วรีบพยุงตัวของมันขึ้น เพื่อจะวิ่งหนีไปทางอื่น แต่คนเช่นนางหรือจะปล่อยมันไปง่ายๆ นางจึงรีบสาดน้ำที่อยู่ในกระบอกไปที่แผลของมันด้วยความรวดเร็ว สุนัขที่โดนน้ำสาดโดยที่ไม่ได้ตั้งตัวก็ร้องโอดครวญขึ้นมาเสียงดัง เอ็ง ๆ ๆ ๆ น้ำที่สาดมาโดนตัวมันนั้นไม่ได้ทำให้ตัวมันแสบร้อนเลยสักนิด แต่กลับทำให้รู้สึกว่าแผลนั้นมันเย็นกว่าปกติ มันจึงหยุดร้องโวยวาย แล้วค่อยๆนั่งลง

นางที่เห็นดังนั้นก็ค่อยๆยื่นมือที่สั่นเทา ไปลูบที่หัวของมัน ด้วยใจที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ถึงนางจะเป็นคนที่รักสัตว์ แต่ใจจริงแล้วนางก็กลัวมันมากเช่นกัน นางค่อยๆตักน้ำเทไปที่ตัวของมันช้าๆ ตอนนี้มันไม่ได้ดิ้นหรือต่อต้านนางเหมือนเมื่อครั้งก่อนแล้ว "เจ้าไม่ต้องกลัวข้านะ ข้าจะช่วยเจ้าให้ดีขึ้นเองไม่ต้องกลัว" หลังจากที่นางเทน้ำในถังหมดแล้ว ก็ไปตักน้ำมาอีกรอบ แล้วเทยาศักดิ์สิทธิ์ลงไปหนึ่งหยด นางไม่กล้าที่จะใส่เยอะเพราะกลัวจะเป็นอันตรายต่อมัน นางเอาถังน้ำนั้นยื่นไปที่ตรงหน้าของมันเพื่อให้มันดื่ม มันเหมือนจะรู้ว่านางจะสื่อถึงอะไร มันจึงค่อยๆก้มหน้าลงไปกินน้ำ แต่สายตาคู่นั้นของมันยังคงจ้องมาที่นางอย่างไม่วางตา หลังจากที่มันกินน้ำเสร็จ นางก็เอาถังไปเก็บแล้วกลับไปรดน้ำต้นไม้ต่อ 

หลังจากที่นางรดน้ำต้นไม้เสร็จ นางก็เตรียมตัวกลับบ้านทันที นางที่กำลังจะแบกตะกร้าขึ้นหลัง ก็ต้องตกใจจนหงายหลัง เพราะอยู่ๆสุนัขตัวนั้นก็โผล่มาต่อหน้าของนาง "นี่เจ้า เจ้าทำให้ข้าตกใจแล้วรู้หรือไม่" นางที่เรียกสติของตัวเองกลับมาได้ก็ต่อว่าสุนัขตัวนั้นทันที สุนัขตัวนั้นรู้ว่าตัวเองทำผิด ก็เข้าไปเลียมือนางเพื่อปลอบ "แล้วเจ้ามีแรงลุกขึ้นเดินได้แล้วอย่างนั้นรึ ทำไมถึงได้เดินออกมาล่ะ ทำไมเจ้าไม่พักผ่อนก่อน" แผลที่เต็มตัวของมันในตอนนี้บอกได้เลยว่า รอดยาก มันไปทำอะไรมากันแน่ถึงได้เป็นเช่นนี้ได้ หรือว่าอาจจะไปขโมยอาหารของคนกินประทังชีวิต แล้วอาจจะโดดเขาสาดน้ำร้อนใส่เป็นแน่ "เจ้ามีอะไรอย่างนั้นรึ" นางพูดจบสุนัขตัวนั้นก็หันไปทางพุ่มไม้ที่นางไปเจอมัน สักพักก็มีลูกสุนัขตัวน้อยสีน้ำตาลเข้มกับสีทอง ค่อยๆโผล่หัวออกมา แล้ววิ่งมาหาสุนัขตัวนั้น 

"เจ้าอย่าบอกนะว่า นี่คือลูกของเจ้า" นางลุกขึ้นนั่งยองๆ แล้วยิ้มทักทายให้กับเจ้าสุนัขตัวน้อยที่มาใหม่ "สวัสดี เจ้าตัวเล็ก" ลูกสุนัขน้อยที่ได้ยินเสียงนาง ก็รีบวิ่งไปหลบที่หลังแม่ของมัน "พวกเจ้ารีบกลับไปเถอะ ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว ข้าก็จะกลับบ้านแล้วเช่นกัน" นางบอกกับแม่สุนัข แล้วลุกขึ้นเดินกลับบ้าน นางเดินไปไม่กี่ก้าวก็เห็นสุนัขตัวน้อยสองตัวนั้นวิ่งนำหน้า นางจึงหันไปมองข้างหลังก็เห็นว่าแม่สุนัขกำลังเดินตามหลังนางมา "พวกเจ้าจะไปไหนรึ ทำไมไม่กลับไปอยู่ที่พุ่มไม้คืนล่ะ เอ๋!!! เจ้าอย่าบอกข้านะว่าเจ้าจะกลับไปกับข้า" แม่สุนัขคงเข้าใจที่นางพูดแล้วมันก็เอาหัวมาคลอเคลียกับมือนาง "เฮ้อ ให้ตายเถอะ พวกเจ้านี่นะ" หลังจากนั้นสัตว์ 3 ตัวกับอีก 1 คนก็วิ่งเล่นกลับบ้านอย่างสนุกสนานร่าเริง หลังจากที่นางมาถึงบ้านก็ติดไฟหุงข้าวทันที แต่ครั้งนี้นางหุงเยอะกว่าปกติ เพราะมีสมาชิกมาเพิ่มอีกตั้ง 3 ตัว เสร็จแล้วนางจึงไปล้างแผลให้กับแม่สุนัขอีกครั้ง แล้วจึงอาบน้ำให้ลูกสุนัขต่อ 

ผ่านไปไม่กี่วัน เจิ้งเจี๋ยก็กลับมาถึงบ้าน  เขาดีใจยิ่งนัก จึงรีบเปิดประตูวิ่งไปหาฟางเหนียงทันที "ฟางเหนียง ฟางเหนียง ข้ากลับมาแล้ว" แทนที่เขาจะได้ยินเสียงของฟางเหนียงตอบกลับมา แต่เสียงที่ตอบมานั้นกลับเป็นเสียงสุนัขหลายตัว กำลังเห่าไล่เขาไม่ให้เข้าไปในบ้าน ฟางเหนียงที่อยู่ในสวนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้น ก็รีบวิ่งออกจากสวนไปห้ามสุนัขของนาง ก่อนที่มันจะเขาไปกัดเจิ้งเจี๋ยจริงๆ หลังจากที่สุนัขกลับไปนอนที่ของมันแล้ว ฟางเหนียงก็เข้าไปกอดเจิ้งเจี๋ยด้วยความคิดถึง เจิ้งเจี๋ยก็เช่นกันเกือบครึ่งเดือนแล้วที่เขาไม่ได้อยู่กับนาง "เจ้ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยมากหรือไม่ เจ้า เข้าไปพักผ่อนในบ้านก่อนเถอะ" ฟางเหนียงที่กอดเจิ้งเจี๋ยจนพอใจแล้ว นางก็ชวนเขาเข้าไปในบ้าน ตักน้ำตักท่าให้เขาดื่ม "แล้วสุนัขพวกนั้นล่ะ เจ้าเอามาเลี้ยงเช่นนั้นรึ" ฟางเหนียงพยักหน้าตอบแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดของวันนั้นให้เขาฟัง แล้วก็เรื่องที่ดินที่คุณป้าขายให้นาง แต่ตอนนี้ยังไม่ซื้อขายกันจริงๆ เพราะโฉนดที่ดินอยู่ที่ลูกของท่านป้า เจิ้งเจี๋ยที่รู้ว่าจะมีที่ดินเพิ่มก็ดีใจยิ่งนัก เพราะเขาจะปลูกมะเขือเทศไปขายอีกครั้ง ครั้งนี้ที่เขาเอาไปขายนั้นได้กำไรกลับมางามมากจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ