สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 31

การไปเมืองเฟิ่งฟู่ครั้งนี้ของเจิ้งเจี๋ยนั้น มีแต่พ่อค้าหน้าใหม่ที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีพื้นฐานในการทำการค้ามาบ้างจึงทำให้เขาได้ลูกค้ารายใหญ่ที่จะซื้อมะเขือเทศของเขามาสองเจ้า และทั้งสองเจ้าก็ได้ทำการจองมะเขือเทศไว้ล่วงหน้าแล้วพร้อมกับจ่ายค่ามัดจำมาแล้วด้วย "ลูกค้าทั้งสองเจ้านี้รู้จักเจ้าหรือไม่" เจิ้งเจี๋ยส่ายหน้า พ่อค้าที่เขาเจอวันนี้ไม่มีใครที่เขาเคยเจอมาก่อนสักคนเดียว ยกเว้นพ่อค้าที่ซื้อดอกไม้คนตายกับเขา นางกลัวว่าป้าของเขาจะรู้ แล้วจะมารบกวนเขาอีก "ฟางเหนียงเจ้าดูนี่สิ" นางที่เห็นเช่นนั้นก็อ้าปากค้างทันที เจิ้งเจี๋ยวางเงินทั้งหมดให้ฟางเหนียงดู 

เจิ้งเจี๋ยคิดไว้แล้วว่าหากพ่อค้าได้เห็นเจ้าดอกไม้นี้ เขาต้องได้ 1 พันตำลึงทองแน่นอน แต่พ่อค้ากลับซื้อดอกไม้ของเขาถึง 2 พันตำลึงทอง พ่อค้าให้เหตุผลกับเขาว่า ดอกไม้นี่มีอายุประมาณ 2 พันปีแล้วเงิน 2 พันตำลึงทองถือว่าไม่มากเกินไปอย่างแน่นอน เจิ้งเจี๋ยที่ไม่เคยเห็นตั๋วเงินมากมายเช่นนี้มาก่อน มือที่ยื่นไปรับตั๋วเงินในยามนั้น มันสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ พ่อค้าที่เห็นอาการของเจิ้งเจี๋ยในเวลานั้นก็หัวเราะขึ้นมาทันที

เจ้าเด็กคนนี้ไม่ต่างอะไรจากพ่อของเขาเลยสักนิด ครั้งแรกที่พ่อค้าคนนี้ได้ทำการค้ากับท่านพ่อของเจิ้งเจี๋ย ก็รู้สึกถูถชะตาทันที และหลังจากวันนั้นเขาก็ได้ทำการค้ากับท่านพ่อของเจิ้งเจี๋ยแค่ไม่กี่ครั้ง ก็ได้ข่าวว่าท่านพ่อของเจิ้งเจี๋ยป่วยหนักและออกไปอยู่นอกเมือง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรท่านพ่อของเจิ้งเจี๋ยถึงได้ป่วยเช่นนั้น เพราะเขาไม่ได้มาทำการค้าอยู่เมืองเฟิ่งฟู่บ่อยนัก จึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนสกุลเหย่ คนในจวนก็ไม่มีใครกล้าปริปากพูดสักคำ เพราะหากใครกล้าพูดออกมา มันผู้นั้นคงอยู่นับดาวในโลกนี้ได้อีกไม่นานอย่างแน่นอน เจิ้งเจี๋ยเอาเงินทั้งหมดที่ขายมะเขือเทศและดอกไม้คนตายให้กับฟางเหนียง เขาไปไม่เสียรอบจริงๆ เงินที่ขายดอกไม้คนตายได้ 2 พันตำลึงทอง ส่วนมะเขือเทศนั้นเขาขายได้ 100 ตำลึงทอง 

"ฟางเหนียงหากทำการซื้อขายที่ดินเสร็จแล้วนั้น ข้าขอปลูกมะเขือเทศเพิ่มได้หรือไม่" เขาคิดว่าตอนนี้ที่แคว้นนี้ คงมีแค่บ้านของเขาเท่านั้นที่ปลูกมะเขือเทศได้ และตอนนี้เขาก็อยากปลูกมันให้ได้มากที่สุด เพราะมันกำลังเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ฟางเหนียงเห็นด้วยกับความคิดของเขาเพราะนางก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ครั้งนี้นางจะลองทำการปักชำมะเขือเทศด้วย จะได้ประหยัดเมล็ดพันธุ์ ทั้งสองนั่งคุยกันจนมืดค่ำถึงได้แยกย้ายกันไปอาบน้ำ ทำกับข้าวเย็น หากไม่ติดว่าสงสารสุนัขทั้งสามตัวนั้น นางและเขาคงนั่งคุยเล่นกันอีกนาน ฟางเหนียงเอาเงินเข้าในตู้และเก็บเป็นเงินสะสมไว้เกือบทั้งหมด นางแบ่งเอาไว้ใช้ 100 ตำลึงทอง ครั้งนี้นางได้รางวัลมาถึง 20 ชิ้นและมีของใหม่เพิ่มมาอีกด้วย "ภารกิจของโฮสต์ครั้งนี้ ให้เอาไข่ไก่ 100 ฟอง ไข่เป็ด 100 ฟอง ไปบริจาค แต่ไข่ทั้งหมดจะต้องทำการเลี้ยงแม่ไก่ แม่เป็ด ให้ไข่ออกมาด้วยตัวเองเท่านั้น ห้ามซื้อของคนอื่นมาทดแทนเด็ดขาด" อะไรกัน จะไม่ให้นางพักบ้างเลยใช่รึไม่ เฮ้อ!!! นางบ่นในใจ

หลังจากที่เจิ้งเจี๋ยกลับมาจากเมืองเฟิ่งฟู่ได้ไม่กี่วัน เจ้าตัวเล็กของนางทั้งสองตัวก็ติดเขาอย่างกับเงา นี่ถ้าหากว่าเจ้าสองตัวนี้เข้าไปนอนในห้องของนางได้นะ บอกได้เลยว่านางคงต้องถูกไล่ออกจากห้องเป็นแน่ เพราะเจิ้งเจี๋ยหลงเจ้าแสบทั้งสองตัวนี้หนักมาก แค่นางดุมันนิดหน่อย เจิ้งเจี๋ยก็รีบแก้ต่างให้พวกมันทันที และทุกครั้งที่เจิ้งเจี๋ยแก้ต่างให้พวกมัน เจ้าสองแสบมักจะส่งสายตามาเยาะเย้ยนางทุกครั้ง ชิ คอยดูเถอะพวกเจ้าทั้งสองตัว เจ้ากับข้าได้เห็นดีกันแน่ เมื่อเช้านี้หลังจากที่นางและเจิ้งเจี๋ยทานข้าวเสร็จ ท่านป้าก็เข้ามาหาพวกนางอีกครั้งพร้อมโฉนดที่ดิน ทั้งสามคนได้พากันเข้าไปในตัวอำเภอเพื่อทำการซื้อโอนที่ดินให้มาเป็นของฟางเหนียง  เสร็จแล้วฟางเหนียงก็ยื่นเงิน 30 ตำลึงทองให้ท่านป้าต่อหน้านายอำเภอและพนักงานอีกสองคน เพื่อให้เขาเป็นพยานต่อการซื้อขายในครั้งนี้ "ขอบคุณท่านป้ามากนะเจ้าค่ะ ไว้มีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกเจ้าค่ะ"ท่านป้ายิ้มแล้วพยักหน้าให้นาง

หลังจากที่กลับมาจากตัวอำเภอ นางและเจิ้งเจี๋ยก็พากันไปตัดต้นมะเขือเทศเอาไว้มาทำการปักชำ การปักชำของนางคือการเอาไปแช่น้ำปุ๋ยวิเศษไว้ กว่านางจะทำการไถที่ดินนี้เสร็จ รากของมะเขือเทศก็คงงอกพอดี ครั้งนี้นางจะทำทั้งปักชำและเพาะกล้า เพราะนางจะปลูกมะเขือเทศทั้งหมด 40 หมู่ และเก็บเกี่ยวประมาณ 5 ครั้ง แล้วค่อยตัดต้นมันทิ้งแล้วทำการปลูกใหม่ เพราะการเก็บเกี่ยวในแต่ละครั้ง ผลผลิตจะลดลงทุกครั้ง หากนางไม่มีปุ๋ยวิเศษคอยช่วย นางคิดว่าแค่ 2-3 ครั้งก็น่าจะทำการปลูกใหม่แล้ว

วันต่อมาฟางเหนียงก็ทำการเพาะกล้า ส่วนเจิ้งเจี๋ยก็เริ่มทำการไถดินในสวนใหม่ วัวของเขาทั้งสองตัวนั้นตอนนี้มันมีรูปร่างที่ใหญ่และแข็งแรงมาก คงเป็นผลมาจากที่เขาดูแลมันดีและน้ำที่ฟางเหนียงให้มันกิน ถึงทำให้การไถดินในสวนใหม่นี้เสร็จเร็วยิ่งขึ้น เขาใช้เวลาในการไถดินในสวนใหม่ 5 วันก็เสร็จ และทำการเอามะเขือเทศลงแปลงใหญ่ เพราะตอนนี้ต้นกล้ามะเขือเทศพร้อมที่จะลงดินแล้ว "เจิ้งเจี๋ยข้าว่าเราจ้างชาวบ้านมาช่วยกันปลูกเถอะ วันเดียวก็น่าจะเสร็จ" เจิ้งเจี๋ยพยักหน้าตอบ หากปลูกเสร็จในวันเดียวก็ดีเช่นกัน เขาก็ไม่อยากให้นางเหนื่อยมากจนเกินไป ฟางเหนียงไปจ้างชาวบ้านมาช่วยกันปลูกต้นกล้าประมาณ 10 คน นางจ้างชาวบ้านคนละ 200 อิแปะ โชคดีที่ช่วงนี้ชาวบ้านเขาทำนากันเสร็จหมดแล้วจึงไม่มีอะไรทำ เขาจึงพากันมารับจ้าง 

หลังจากที่ปลูกต้นกล้ากันเสร็จแล้ว นางและเจิ้งเจี๋ยช่วยกันรดน้ำต้นกล้าตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งสองช่วยกันตักน้ำใส่ในถังเก็บน้ำที่อยู่บนเกวียนเล็กเสร็จแล้ว ก็ใช้วัวลากเกวียนตามร่องที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ แล้วจึงใช้บัวตักน้ำรดน้ำต้นกล้า "เจิ้งเจี๋ยข้าอยากเลี้ยงไก่ เป็ด อย่างละ 30 ตัว เจ้าว่าดีหรือไม่" เจิ้งเจี๋ยพยักหน้าตอบ "ก็ดีเช่นกันพื้นที่ของเราก็ยังเหลืออยู่" ทุกวันที่รดน้ำต้นกล้าเสร็จ ทั้งสองจะขึ้นเขาไปตัดต้นไม้ไว้ทำเล้า หลังจากที่ได้ไม้มาครบแล้วทั้งสองก็เริ่มทำการปลูกเล้าทันที กว่าทั้งสองจะทำเล้าเสร็จก็ใช้เวลาไปหลายวัน

วันนี้เจิ้งเจี๋ยเข้าไปในตัวอำเภอเพื่อไปซื้อ ลูกไก่ ลูกเป็ด มาเลี้ยง ส่วนฟางเหนียงก็เอาถ่านหินที่ให้ความอบอุ่นเข้าไปไว้ในเล้าทั้งสอง ถ่านหินนี้สามารถปรับอุณหภูมิได้ ไม่ว่าอากาศในห้องจะเย็นหรือร้อน ถ่านหินนี้ก็จะทำให้ในห้องมีอากาศอบอุ่นเสมอ ที่นางรู้เพราะว่านางเอาไปไว้ในห้องนอน และนางก็เอาไว้ในบ้านของเจ้าสุนัขทั้งสามตัวนั้นด้วย ไม่นานเจิ้งเจี๋ยก็กลับมาจากตัวอำเภอพร้อมกับลูกไก่และลูกเป็ด เจิ้งเจี๋ยเอาลูกไก่และลูกเป็ดเข้าไปในเล้า เล้าทั้งสองจะมีรั้วกั้นไว้ไม่ให้ลูกไก่และลูกเป็ดออกไปข้างนอก ในเล้าเป็ดจะมีบ่อน้ำเล็กๆที่นางให้เจิ้งเจี๋ยทำไว้ให้ เพราะเป็ดนั้นชอบเล่นน้ำ เจ้าสองแสบที่วิ่งเล่นในสวน ผ่านมาทางนี้เห็นว่ามีลูกไก่อยู่ในเล้ามันก็เห่าออกมาทันที ลูกเป็ดลูกไก่ได้ยินเสียงสุนัขเห่าก็พากันวิ่งหัวซุกหัวซุน "เจ้าสองแสบไปเล่นที่อื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ ลูกเจี๊ยบของข้าตกใจกันหมดแล้ว เจ้าเห็นหรือไม่"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ