สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 50

"โฮสต์ ระบบเพิ่งได้ของบำรุงจากยุคอื่นมาด้วย โฮสต์ลองทานดูก่อน ว่าถูกใจไหม" ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ระบบได้ไปเสาะหาของที่ดีต่อหญิงตั้งครรภ์มาให้ฟางเหนียงมากมาย จนตอนนี้แทบจะไม่มีที่เก็บแล้ว "อีกแล้วรึระบบ ระบบรู้ไหมของที่ระบบเอามาขุนข้านั้นมันเยอะมากจนล้นห้องเก็บของแล้วนะ" ตอนนี้ฟางเหนียงเอาของที่ระบบให้มา เก็บไว้ในตะกร้ามิติไปบางส่วนแล้ว เพราะมันเยอะมากจริงๆ เวลาผ่านไปแค่ 3 เดือน แต่ตัวของฟางเหนียงตอนนี้มีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นถึง 10 กก. "ข้าท้องได้แค่ 4 เดือนเองนะ แต่ตัวข้าตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับคนท้อง 8 เดือนเลยสักนิด" ฟางเหนียงยืนมองรูปร่างของตนเองในกระจก แล้วส่ายหัวไปมา

"หลิวฟางเหนียง" ฟางเหนียงนิ่งสักพัก เพราะรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆระบบก็เรียกชื่อนาง "มีอะไรหรือเปล่าระบบ" ฟางเหนียงเอ่ยถามขึ้น "โฮสต์อยู่ที่นี้เป็นอย่างไรบ้าง โฮสต์ชอบที่นี่หรือไม่" ฟางเหนียงพยักหน้าตอบ "ข้าชอบที่นี่มากเลยล่ะ มีทั้งเพื่อนที่ดี สามีที่ดี และยังมีชีวิตที่ดีอีกด้วย" ฟางเหนียงเอ่ยด้วยความรู้สึกที่มีความสุขมากจริงๆ การมาอยู่ในยุคนี้คนเดียวมันไม่ง่ายเลย ยังดีที่นางมีระบบมาคอยช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ทำให้นางนั้นใช้ชีวิตอยู่ในยุคนี้ไม่ยากมากนัก แต่พอมาคิดๆดูแล้ว นางยังโชคดีกว่าคนอื่นๆมาก บางคนไปตกในที่ยากจนแสนเข็ญ บางคนต้องไปเป็นเมียเก็บ บางคนก็เป็นทาส แต่นางมาอยู่ที่นี่นางยังมีบ้าน  มีงาน มีเงินติดตัวพอที่ได้เริ่มต้นใหม่ได้ ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีครึ่งที่ผ่านมานี้ ชีวิตของนางถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก "เช่นนั้นก็ดีแล้ว ครั้งนี้คงจะถึงเวลาจริงๆแล้วสินะ ทั้งๆที่เตรียมใจมาตั้งนานแล้วแท้ๆ แต่พอใกล้จะแยกจากโฮสต์จริงๆ ใจก็หวิวๆอยู่ดี" ฟางเหนียงทำหน้าสงสัย "ระบบจะไปไหนรึ แล้วถึงเวลาจะแยกจากอะไร อย่างไร ข้าไม่เข้าใจ" 

ฟางเหนียงที่ยังไม่ได้คำตอบจากระบบ แสงสว่างก็ค่อยๆลอดออกมาจากประตูตู้ของระบบ แล้วค่อยๆแง้มออกมาจนเปิดกว้างพร้อมกับแสงจ้าที่ส่องออกมา ทำให้ฟางเนียงรีบชักมือขึ้นมาบังตาจากแสงนั้นแล้วหลับตาลง "โฮสต์" ฟางเหนียงค่อยๆลืมตาขึ้น ลดมือลงและมองไปที่ชายคนหนึ่งที่อยู่ในวัยของผู้ใหญ่ ที่กำลังยืนยิ้มให้นางด้วยรอยยิ้มที่ยินดีปนความเศร้า "ข้าคือระบบเองนะ แต่เป็นร่างกายที่ทำภารกิจสำเร็จแล้ว และวันนี้ก็เป็นวันที่อิสระของระบบ" ฟางเหนียงนึกขึ้นมาได้ ว่าเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนตอนที่เข้าไปป่าลึกเมื่อครั้งนั้น "ข้าเป็นภารกิจสุดท้ายอย่างนั้นรึ" ฟางเหนียงเอ่ยขึ้น พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า "อืม ต่อจากนี้ระบบคงไม่ได้อยู่ข้างกายโฮสต์เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วนะ" ระบบยิ้มให้นาง "ทำไมมันเร็วยิ่งนักล่ะ ระบบไม่ได้อยู่กับข้าจนตายจากกันหรอกรึ" ระบบส่ายหน้า "หากว่าโฮสต์พอใจกับชีวิตในยุคที่มาอาศัยอยู่แล้ว ก็ถือว่าระบบทำภารกิจสำเร็จ" ฟางเหนียงร้องไห้โฮออกมา "แต่ข้าอยากมีเจ้าอยู่ด้วยกันทุกวันนะ" 

"ระบบก็อยากอยู่กับโฮสต์ให้นานกว่านี้เช่นกัน แต่เวลาของระบบหมดแล้ว" ระบบเดินเข้ามากอดฟางเหนียง "มันเป็นกฎของระบบไม่สามารถฝ่าฝืนมันได้" ฟางเหนียงพยักหน้า "โฮสต์อย่าลืมดูแลตนเองให้ดีๆนะ เจ้าตัวเล็กก็กำลังจะเกิดมาแล้ว แต่ข้าคงจะช่วยโฮสต์ดูแลไม่ได้ ข้าคงต้องไปแล้วจริงๆ" ฟางเหนียงเวลานี้ ไม่มีเสียงเอ่ยใดๆออกจากปากนางเลยมีแต่เสียงสะอื้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพล่าออกมาอย่างกับเขื่อนแตก "ลาก่อน" ระบบผละนางออกแล้วเอ่ยขึ้น ฟางเหนียงที่ได้ยินคำนี้นางก็รีบไปคว้ามือระบบไว้แล้วเข้าไปสวมกอดเขาเป็นครั้งสุดท้าย "ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ" ฟางเหนียงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่ากับน้ำตาที่ไหลออกมาหยุด 

ฟางเหนียงยืนมองร่างของระบบที่ค่อยๆสลายไปด้วยความรู้สึกเสียใจ ถึงนางจะรู้ว่าการจากไปของระบบครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อระบบก็ตาม พอถึงคราที่ต้องจากกันจริงๆจิตใต้สำนึกของนางก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ดี การจากลาคือพื้นฐานของชีวิตที่ต้องเจอ แต่เราก็ไม่เคยที่จะยอมรับมันได้เลยสักครั้ง "ขอให้ระบบไปสู่ภพภูมิที่ดีนะ" ระบบพยักหน้าตอบพร้อมกับยิ้มให้นางอีกครั้งก่อนที่ร่างกายของเขาจะสลายไปในที่สุด "จากกันอีกแล้วสินะ" ฟางเหนียงยิ้มให้กับตัวเองด้วยน้ำตา และรู้สึกน้อยใจกับชีวิตของตนขึ้นมา "ข้าคงไม่เหมาะที่จะมีคนในครอบครัวอยู่เคียงข้างจริงๆนั่นแหละ" ยุคก่อนก็อยู่คนเดียว ในยุคนี้มีเพียงระบบเท่านั้นที่เป็นครอบครัวของฟางเหนียง แต่ก็อยู่ด้วยกันได้ไม่นาน "พระเจ้าคงจะชอบที่ข้าอยู่คนเดียวเช่นนี้" ฟางเหนียงเอ่ยตัดพ้อ

 "เฮ้อ!! อย่างไรก็เถอะ คนอยู่ก็ต้องสู้ต่อไป การได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นมันก็ยากมากพอแล้ว อย่าไปคิดใช้ชีวิตให้ยุ่งยากอีกเลยฟางเหนียง เรามาตั้งใจใช้ชีวิตให้อยู่กับความเป็นจริง และยอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้นในชีวิตน่าจะดีกว่า" หลังจากที่เอ่ยจบ ฟางเหนียงก็เริ่มรู้สึกถึงอารมณ์ที่แปรปรวนของตนเอง นางจึงนั่งนิ่งเงียบ เพื่อปรับอารมณ์ที่แปรปรวนนี้ "ฟางเหนียง ข้ากลับมาแล้ว" เสียงของเจิ้งเจี๋ยที่เพิ่งกลับมาจากไร่ แล้วเข้าไปหาฟางเหนียงในห้อง ก็เห็นว่าฟางเหนียงกำลังนั่งเหม่อลอย เขาจึงเอ่ยเรียกนางอีกครั้ง "ฟางเหนียง ข้ากลับมาแล้วนะ" ฟางเหนียงหันไปเจอเจิ้งเจี๋ยที่เข้ามาในห้องตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ นางรีบเข้าไปสวมกอดเขาแล้วร้องไห้ออกมา "ไม่เป็นไรนะ ข้าอยู่นี่แล้ว" เจิ้งเจี๋ยเอ่ยปลอบใจฟางเหนียง ตั้งแต่นางตั้งครรภ์เจ้าก้อนสองคนนี้ นางก็มีอารมณ์แปรปรวนเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง 

ตั้งแต่วันที่ฟางเหนียงนั่งเหม่อลอยในวันนั้น นางก็เริ่มมีอาการหนักขึ้นทุกวัน เดี๋ยวนางก็หัวเราะ สักพักก็ร้องไห้ บางครั้งก็นั่งเหม่อลอยไม่พูดไม่จา เจิ้งเจี๋ยเคยพานางไปหาหมออยู่หลายครั้ง แต่หมอทุกคนให้คำตอบเหมือนกันหมด ว่าเป็นผลข้างเคียงจากการตั้งครรภ์ และน่าจะเป็นเคสพิเศษด้วย เพราะถ้าหากว่าสตรีนางใดที่มีอาการเช่นนี้ส่วนมากจะเสียชีวิตก่อนจะถึงเวลาคลอด ทำให้เจิ้งเจี๋ยเป็นกังวลอย่างมาก เขาจึงไม่กล้าที่จะปล่อยให้ฟางเหนียงอยู่คนเดียว แต่เมื่อครรภ์ของฟางเหนียงอายุได้ครบ 7 เดือนอาการเล่านี้ก็หายไปอย่างสิ้นเชิง "เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่กลับมาหาเจ้าช้าถึงเพียงนี้" เหมยเหม่ยที่เพิ่งกลับมาจากต่างเมือง เมื่อมาถึงบ้านสามีได้รู้ข่าวเรื่องของฟางเหนียง นางก็รีบให้สามีพามาหาฟางเหนียงทันที "ข้าไม่เป็นไรแล้ว" ฟางเหนียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ตั้งแต่ระบบจากฟางเหนียงไปเมื่อครั้งนั้น ฟางเหนียงก็หันมาใช้ชีวิตดั่งคนปกติทั่วไป ไม่เอาของวิเศษใดๆออกมาใช้งานเลยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา แต่การไม่ใช้ของวิเศษนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อการค้าของเจิ้งเจี๋ยมากนัก เพราะเขาได้กำไรจากพืชพันธุ์พวกนั้นมากพอสมควรแล้ว ถึงตอนนี้หลายเมืองได้มีการปลูกพืชพันธุ์ขึ้นมาเองได้แล้ว ราคาของพืชพันธุ์ก็ลดลงมา แต่การค้าของเจิ้งเจี๋ยก็ยังไปได้ด้วยดี เพราะตอนนี้เขาถือการค้าอยู่อีกหลายอย่าง "ท่านแม่ขอรับ พี่หญิงมาเล่นกับพวกข้าขอรับ" หลานชายที่มีรูปงามดั่งสตรีผู้นี้ ดูไม่ออกเลยจริงๆว่าเป็นบุรุษ "ท่านป้าสวัสดีขอรับ" ฟางเหนียงพยักหน้าตอบ แล้วให้เด็กๆออกไปเล่นกันในสวนหลังบ้าน ไม่นานเหมยเหม่ยและสามีก็มาถึง วันนี้ฟางเหนียงชวนทุกคนมาที่บ้านเพราะอยากให้ทุกคน ได้มาลองทานผลไม้ที่นางปลูกไว้เมื่อ 3 ปีก่อน

ผลไม้สีเหลืองวางไว้บนถาดอย่างสวยงาม และมีกลิ่นที่แรงเป็นเอกลักษณ์ "นี่ก็คือ ทุเรียน"  เหมยเหม่ยไม่ชอบกลิ่นมันเป็นมากๆ แต่ก็ต้องยอมชิมผลไม้ชนิดนี้ของเพื่อน "อืม อร่อยมากเลยขอรับ ข้าชอบมันเป็นที่สุดเลยขอรับท่านป้า" ฟางเหนียงยิ้ม "แต่เด็กเล็กกินเยอะไม่ได้ กินได้แค่พลูเดียวก็พอนะ" หลานชายพยักหน้าตอบ ส่วนเจ้าก้อนทั้งสองของนางนั้นตอนนี้ก็กำลังฟินกับผลไม้ชนิดใหม่ของนางอยู่เช่นกัน หลังจากที่ทุกคนทานผลไม้เสร็จแล้ว เหมยเหม่ยและฟางเหนียงก็พากันเข้าไปในครัว เพื่อทำการเตรียมวัตถุดิบ ที่จะทำหม้อไฟทานกันวันนี้ ส่วนสามีและลูกๆก็พากันไปที่ตลาดเพื่อไปซื้อเนื้อมาเพิ่ม

"ท่านแม่ขอรับ หอมมากเลย" เจ้าก้อนทั้งสองทำท่าทางสูดดมเอาความหอมจากหม้อ "พวกเจ้าไปนั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวท่านพ่อของเจ้าจะยกออกไปด้านนอกให้" หลังจากทุกอย่างพร้อมแล้ว ทุกคนก็ลงมือทานกันอย่างเอร็ดอร่อย "เหมยเหม่ยเจ้าทานให้มากหน่อย ยังมีเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องอีกนะ" ฟางเหนียงตักเนื้อและผักให้เหมยเหม่ยจนจะล้นจานอยู่แล้ว "เจ้าอย่าตักให้เหมยเหม่ยเยอะนักสิ อีกอย่างการทานเนื้อมากๆมันไม่ดีต่ออวัยวะภายในของร่างกายนะ" หานตงผู้เป็นสามีและหมอประจำตัวเหม่ยเหม่ยเอ่ยขึ้น "ก็ข้าอยากให้หลานข้าได้กินเยอะๆนี่น่า" ฟางเหนียงพูดแย้ง "เจ้าก็ตักให้หลานชายข้างกายเจ้าสิ" หานตงพูดแล้วก็หันไปทางลูกชายของตนเอง "ในท้องนี่ก็หลานข้าเช่นกันนะ" ทั้งสองเถียงกันไม่หยุด อยู่ๆหลานชายก็เอ่ยขึ้น "ท่านลุง เราทานกันเยอะๆเลยนะขอรับ ใครจะทานไม่ทันก็ช่างเขา" เสียงของหลานชายดังขึ้น คนที่กำลังทะเลาะกันอยู่นั้นก็หยุดลงในทันที แล้วหันมาตั้งใจทานกันอย่างจริงจัง ทุกคนเห็นท่าทางของทั้งสองแล้วก็พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า

จบบริบูรณ์

ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านกันจนจบนะคะ หากผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ที่นี่ ด้วยค่ะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ