สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 8

“อีก 3 วันโฮสต์จะได้ทำภารกิจแรก ต่อจากนี้ขอให้สนุกกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ แล้วเจอกัน” ​​​​​​ระบบเอ่ยลา “อ้าว บทจะมาก็มาบทจะไปก็ไป สรุปแล้วข้าคงไม่มีเวลาไปหาเมนแล้วล่ะ คงต้องปรับปรุงอะไรหลายๆ อย่างแถมยังมีภารกิจให้ทำอีก” ฟางเหนียงคิดแล้วก็เสียดาย แต่ก็ช่างเถอะถ้ามีโอกาสคงได้เจอเมนที่โดนใจสักคนแหละ นางเลิกคิดแล้วลองเอาเงิน 120 อิแปะไว้ในตู้ปิดประตูแล้วเปิดประตูอีกครั้งหนึ่ง และสิ่งที่นางเห็นก็ต้องตกใจ เงินของนางเพิ่มขึ้นมาเป็น 2 เท่าจาก 120 อิแปะเป็น 240 อิแปะ เรื่องจริงอย่างที่ระบบบอกจริงๆ ด้วย

“ว้าวว น่าสนใจเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ไปข้าจะต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ แล้วล่ะ” นางคิดถึงยอดเงินที่จะเพิ่มพูนเป็น 2 เท่าอย่างสุขใจ “ฮาววว แต่ตอนนี้ข้าขอตัวไปนอนก่อนแล้วกัน” นางปิดตู้อีกครั้งแล้วเดินกลับไปที่เตียงนอน ตอนนี้นางง่วงนอนหนักมาก แค่เอาหัวลงหมอนนางก็หลับในทันที ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เช้าพอดี “วันนี้บรรยากาศน่านอนต่อจริงๆ อืมมม” นางลุกขึ้นแล้วบิดขี้เกียจ เช้าวันนี้บรรยากาศดีมากจริงๆ คงเป็นผลจากการฝนตกเมื่อคืนนี้แน่เลย แต่เอ๋!!น่าแปลกเหมือนกันนะที่อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  แล้วก็หยุดตกไปแบบดื้อๆเหมือนกับไม่เคยมีฝนตกมาก่อนอย่างนั้นแหละ

“ช่างเถอะรีบไปล้างหน้าแปรงฟันเตรียมตัว รอเหมยเหม่ยมาเรียกไปทำงานพร้อมกันดีกว่า” นางเตรียมตัวเสร็จพอดีก็ได้ยินเสียงเหมยเหม่ยเรียกนางดังมาแต่ไกล นางกับเหมยเหม่ยเดินมาขึ้นรถม้าตามปกติ แต่วันนี้เดินยากนิดหน่อยเพราะทางมันแฉะจากฝนที่ตกเมื่อคืน วันนี้คนจะไปอำเภอก็ไม่เยอะเท่าใดนัก รถม้ายังมีที่ว่างอยู่ 2-3 ที่ด้วย นางกับเหมยเหม่ยนั่งคุยกันบนรถม้าเรื่องฝนตกเมื่อคืน “ข้าจะทำเช่นไรดี หลังคาบ้านข้ามีแต่รอยรั่วไปหมดเลย ข้าอยากทำหลังคาบ้านใหม่” นางปรึกษาเหมยเหม่ยเรื่องทำหลังคาบ้านใหม่

“ก็ข้าบอกเจ้าตั้งแต่เมื่อครั้งก่อนแล้วนี่น่า เจ้าก็ไม่ฟังข้าเลย มีแต่บอกข้าว่าไม่เป็นไร เจ้าอยู่ได้ ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ” เหมยเหม่ยบ่นให้นาง ตั้งแต่เมื่อครั้งก่อนฟางเหนียงก็ไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะต้องคอยดูรอยรั่วว่าจะมีตรงไหนอีก พอถึงช่วงฤดูหนาวบ้านนางก็ให้ความอบอุ่นไม่ดีมากเท่าไหร่นัก เหมยเหม่ยแนะนำให้ทำบ้านใหม่ตั้งหลายครั้งนางก็ปฏิเสธอยู่ร่ำไป จนไม่รู้จะพูดกับเพื่อนคนนี้อย่างไรดี “อ่าๆ ข้าผิดเองที่คิดน้อยไป แต่ตอนนี้ข้าอยากทำบ้านหลังใหม่แล้วล่ะ ข้าต้องทำเช่นไรบ้าง” นางคิดดูแล้วน่าจะทำใหม่ทั้งหลังเลยดีกว่า แต่นางไม่รู้เรื่องการปรับปรุงบ้านใหม่เลย งานนี้นางต้องพึ่งเหมยเหม่ยแล้วล่ะ เพราะแม่นางคนสวยคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดียิ่งนัก คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่มีใครที่นางไม่รู้จัก

“เดี๋ยวเลิกงานแล้วข้าจะไปถามท่านพ่อให้ แล้วเจ้าจะทำบ้านใหม่ทั้งหลังเลยรึ” เหมยเหม่ยถามด้วยความสงสัย “ใช่ ข้าว่าจะทำใหม่หมดเลย เจ้าว่าข้าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะรึไม่ เอาแบบที่มันดีเลยนะ” เหมยเหม่ยครุ่นคิดคำนวณว่าบ้านหนึ่งหลังจะต้องใช้เงินกี่ตำลึง “ข้าว่าน่าจะ 1 ตำลึงทองได้ เพราะอิฐที่จะเอามาก่อสร้างเราซื้อทั้งหมดเลย แล้วก็ต้องจ้างคนมาทำบ้านให้ด้วย น่าจะประมาณนี่แหละ” นางพยักหน้าตอบเหมยเหม่ย เงิน 1 ตำลึงทองอยู่ที่นี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ กว่าจะหาได้แต่ละอิแปะนี่เหนื่อยมากเลยทีเดียว

“เช่นนั้นข้าต้องขอรบกวนเจ้าเป็นธุระให้ข้าด้วยแล้วกัน เรื่องเช่นนี้ข้าไม่ค่อยมีความรู้มากนัก” เหมยเหม่ยยิ้มตอบ เรื่องนี้ไม่ยากสำหรับเหมยเหม่ยเลยสักนิด ยิ่งนางบอกว่าอยากปรับปรุงบ้านใหม่ เหมยเหม่ยจะไม่เตรียมการให้ดีได้อย่างไรกัน “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้เอง แต่เจ้าล่ะมีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายรึไม่ หากเจ้ามีไม่พอเจ้าเอากับข้าก่อนก็ได้นะ” เหมยเหม่ยคิดดูแล้ว 1 ตำลึงทองก็ไม่ใช้น้อยๆ เลยนะ ทำงาน 1 ปีมีเงินประมาณ 2 ตำลึงทองเท่านั้น หากไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมากก็มีเงินเก็บอยู่ประมาณ 1 ตำลึงทอง เหมยเหม่ยเองยังเก็บเงินได้ไม่ถึง 1 ตำลึงทองต่อปีเลย แต่ฟางเหนียงน่าจะทำได้อยู่ เพราะนางไม่ค่อยได้ใช้เงินมากนัก อยู่แต่บ้านอย่างเดียว กับข้าวกับปลาก็ซื้อกินนิดหน่อยเท่านั้น

“ข้ามีเงินเก็บนิดหน่อย เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้นะ” เหมยเหม่ยพยักหน้า นางทั้งสองมาถึงที่ร้านก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อวานนางอาจจะทำงานช้าไปบ้างเพราะยังไม่คุ้นชินกับพื้นที่ในร้านมากนัก แต่วันนี้นางเริ่มจับทางได้แล้ว นางเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองได้คล่องแคล่วขึ้นกว่าเดิม ด้านของเหมยเหม่ยก็ยุ่งจนหัวหมุนเหมือนเมื่อวาน เพราะร้านผักดองของเถ้าแก่นั้นอร่อยมากจริงๆ ลูกค้าคนไหนเดินผ่านมาก็ต้องแวะมาซื้อคนละห่อสองห่อกันเกือบทุกคน เหมยเหม่ยเลยต้องหัวหมุนอยู่ทุกๆ วัน แต่วันนี้ยังดีหน่อยที่เถ้าแก่อยู่ช่วยเหมยเหม่ย วันนี้นางกับเหมยเหม่ยตกลงกันว่าจะไปเดินเล่นในตลาดหลังเลิกงาน พอเลิกงานนางทั้งสองก็พากันเดินเข้าไปในตลาดที่ผู้คนเริ่มน้อยลงแล้วเพราะตอนนี้ยามเว่ยแล้ว

“ฟางเหนียงมาดูกำไลข้อมือนี้สิ สวยมากเลย เป็นกำไลหยกด้วยล่ะ” เหมยเหม่ยเรียกให้ฟางเหนียงเดินมาหาตนเองเพื่อจะได้ไปดูกำไลด้วยกัน แต่ฟางเหนียงยังคงมองสำรวจตลาดโดยรอบนี้อย่างไม่เร่งรีบ “โฮ!!ตลาดโบราณเป็นเช่นนี้เองหรือนี่ ตั้งแผงแล้วก็ขายเลย แผงเล็กแผงใหญ่แล้วแต่ของที่เราขาย เยอะมากจริงๆ แถมของที่นี้ก็ไม่แพงด้วย ข้าน่าจะติดเงินมามากกว่านี้หน่อย น่าเสียดายจริงๆ ” วันนี้นางเอาเงินมาไม่เยอะมากนัก ไม่คิดว่าจะมีแต่ของที่อยากซื้อเยอะขนาดนี้ “วันหลังค่อยมาซื้อแล้วกัน วันนี้ไว้ก่อนนะ” นางพึมพำกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปหาเหมยเหม่ยเพื่อดูกำไลและเครื่องประดับอื่นๆ

“ฟางเหนียงข้าว่าสร้อยเส้นนี้เหมาะกับเจ้านะ ลองมาดูสิ” เหมยเหม่ยยื่นสร้อยคอรูปต้นไม้ ซึ่งความหมายของมันคือการเจริญเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่กลัวว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร และจะเดินหน้าเพื่อเรียนรู้ต่อไปอย่างมั่นคง ฟางเหนียงมองหน้าเหมยเหม่ยที่ตอนนี้กำลังยิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่รู้ซึ่งซึ้งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับฟางเหนียงคนก่อน เหมยเหม่ยคงสงสารชีวิตของฟางเหนียงคนก่อนมากเป็นแน่ “สวยมากเลยล่ะ ขอบใจเจ้ามากนะ” นางแอบดีใจแทนฟางเหนียงคนก่อนที่มีเพื่อนที่ใส่ใจ อยู่เคียงข้าง คอยปลอบใจ ให้กำลังใจทุกครั้งที่ฟางเหนียงคนก่อนต้องการใครสักคน

ส่วนตัวนางที่เป็นฟางเหนียงคนในปัจจุบันนั้น ก็มีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งเหมือนกัน เพื่อนคนนี้เป็นคนไทยเป็นพนักงานที่ได้มาศึกษางานที่ประเทศจีน ถึงแม้จะมาอยู่ที่ประเทศจีนแค่ 1 ปีเท่านั้น แต่มิตรภาพของเพื่อนนั้นเหมือนเรารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กเล็ก ถึงเพื่อนนางจะกลับประเทศไทยไปแล้วแต่นางทั้งสองก็ติดต่อกันตลอด หากเพื่อนของนางรู้ว่านางเสียชีวิตเช่นนี้แล้ว เพื่อนของนางคงจะเสียใจมากแน่ๆ การจากลาครั้งนี้เป็นการจากลาที่ไม่มีวันได้กลับคืนไปอีก ความรู้สึกเช่นนี้ช่างเป็นความรู้สึกที่เศร้าและหว้าเหว่มากยิ่งนัก คิดแล้วฟางเหนียงก็รู้สึกเสียใจมากจริงๆ นางน่าจะมีโอกาสได้เอ่ยลาเพื่อนคนนี้ก่อนสักครั้ง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ