แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 225

ในขณะที่กำลังมองดูท่าทางที่อยากจะจำได้แต่ก็ไม่กล้าจำได้ของย่าเจียง ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไร นางเพียงแต่พูดว่า "เดิมทีข้าคิดว่ารอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้วพวกเจ้าจะมาหาข้าที่หมู่บ้านต้าซิงหรือไม่ ทำไมพวกเจ้าถึงได้มาในวันนี้แบบนี้ล่ะ?"

คำพูดนี้ของลั่วเสี่ยวปิง ถือว่าได้ตอบคำถามของย่าเจียงแล้ว อันที่จริงในตอนแรกที่ย่าเจียงยืนกรานจะตอบแทนบุญคุณ ลั่วเสี่ยวปิงก็เคยบอกไปแล้วว่าถ้าหากในฤดูใบไม้ผลินางยังอยากจะตอบแทนบุญคุณก็สามารถมาหานางได้

พอย่าเจียงมั่นใจแล้วว่าลั่วเสี่ยวปิงก็คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตสี่เป่า นางก็คุกเข่าลงให้ลั่วเสี่ยวปิงด้วยความตื่นเต้นในทันที และในขณะที่คุกเข่าอยู่นางก็เรียก สี่เป่าที่อยู่ไม่ไกล "สี่เป่ามานี่เร็ว นี่คือผู้มีพระคุณ"

สี่เป่ามึนงงเล็กน้อย แต่เขากลับยังคงวางของในมือลงอย่างเชื่อฟังและเดินมาด้านนี้

ย่าเจียงลากสี่เป่าเข้ามาด้วยมือข้างหนึ่ง และกำลังจะให้สี่เป่าคุกเข่าลง ลั่วเสี่ยวปิงจึงรีบชายตามองไปที่ ไป๋เสาอย่างรวดเร็ว

เมื่อไป๋เสาดังนั้น ก็รีบดึงสี่เป่าทันที เพื่อไม่ให้เขาคุกเข่า ต่อจากนั้นก็ช่วยประคองย่าเจียงขึ้นมาอีกคน

ถึงกระนั้น ย่าเจียงก็ยังคงตื่นเต้นและพูดกับสี่เป่าว่า "สี่เป่า ท่านนี้ก็คือหมอเทวดาที่ช่วยชีวิตเจ้าก่อนหน้านี้ วันนี้หมอเทวดาก็ได้ช่วยพวกเราย่าหลานอีกครั้ง ท่านเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา"

ถึงแม้ว่าสี่เป่าจะสงสัยว่าทำไมผู้มีพระคุณถึงได้ดูแตกต่างไปจากผู้มีพระคุณในความทรงจำของเขา แต่เมื่อคิดว่าคำพูดที่ย่าของเขาพูดนั้นไม่ผิดอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาก็เลยต้องการจะคุกเข่าให้ลั่วเสี่ยวปิง

เพราะท่านย่าเคยบอกว่า สำหรับผู้มีพระคุณแล้ว จะต้องคุกเข่าลง

แต่ลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่ยอมปล่อยให้สี่เป่าคุกเข่า นางพูดเพียงว่า “หยุดคุกเข่าได้แล้ว รีบไปรับประทานอาหารด้วยกันกับอานอานและเล่อเล่อเถอะ”

สี่เป่าเหลือบมองไปที่ย่าเจียง แล้วย่าเจียงจึงรีบพูดว่า “ผู้มีพระคุณบอกให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ทำอย่างนั้นเถอะ เชื่อฟังผู้มีพระคุณก็พแล้ว”

เมื่อสี่เป่าได้ยินว่าย่าพูดอย่างนี้ เขาจึงไปหาอานอานกับเล่อเล่ออีกครั้ง

ในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังมองย่าเจียงอยู่ นางก็ถามขึ้นมาว่า “แล้วพวกเจ้าสองย่าหลานมีแผนการอย่างไรต่อไปรึ?”

ย่าเจียงคิดไม่ถึงเลยว่าลั่วเสี่ยวปิงจะถามคำถามเช่นนี้ นางจึงอดไม่ได้ที่จะตะลึงงันไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า “ผู้มีพระคุณช่วยพวกเราสองย่าหลานมาสองครั้งแล้ว แน่นอนว่าพวกเราย่าหลานจะต้องอุทิศตนรับใช้ผู้มีพระคุณอยู่แล้วเจ้าค่ะ......”

“อันที่จริงสัญญาขายตัวของพวกเจ้าอยู่ในมือข้า แต่ข้าก็เพียงแค่ซื้อพวกเจ้ามาเช่นกัน ไม่นับว่าเป็นการช่วยชีวิตหรอก” ในขณะที่พูดอยู่นั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็หยิบสัญญาขายตัวของย่าเจียงและหลานชายที่อยู่ในมือออกมา “ได้ยินแม่ค้านายหน้าบอกว่าบ้านของพวกเจ้าถูกปล้นแล้ว ถ้าเจ้ายินดีที่จะไปชิงบ้านกลับคืนมา ข้าก็สามารถช่วยเจ้าได้นะ และถึงเวลานั้นถ้าเจ้าอยากจะไถ่ถอนตัวเองก็ย่อมทำได้เช่นกัน”

เดิมที ย่าเจียงและหลานชายก็ซื้อกลับมาแล้วเช่นกันด้วยเงินหนึ่งตำลึง ซึ่งสำหรับนางในตอนนี้แล้วมันช่างไม่มีค่าอะไรเลย

และเหตุผลที่นางซื้อพวกเขามา ก็เพียงเพราะวาสนาที่มีต่อกันก่อนหน้านี้เท่านั้น อย่างไรเสียตัวเองก็เคยช่วยชีวิตสี่เป่ามาแล้ว  ในตอนนี้มีเรื่องที่นางสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยได้อย่างสะดวกสบาย นางจึงไม่อาจนิ่งดูดายได้ เพราะถึงอย่างไรก็นับว่าไม่ใช่คนแปลกหน้า

ดังนั้น ถ้าย่าเจียงอยากจะไถ่ตัวเองและสี่เป่า นางก็จะไม่ขัดขวางอย่างแน่นอน

ในขณะที่ย่าเจียงกำลังฟังคำพูดของลั่วเสี่ยวปิงอยู่นั้นนางก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง และนางก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาต่อความคิดของลั่วเสี่ยวปิงไปชั่วขณะหนึ่ง รอจนกระทั่งมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแล้ว ย่าเจียงก็คุกเข่าลงบนพื้นแล้วจนเสียงดัง 'ตึก' แล้วก้มศีรษะคำนับลั่วเสี่ยวปิงในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงยังไม่ทันได้สติกลับมา “ขอบพระคุณผู้มีพระคุณมากเจ้าค่ะ”

ในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังมองไปที่ย่าเจียง นางไม่ได้ไม่มีความพอใจใด ๆ เพราะทางเลือกของย่าเจียงเลย นางเพียงแค่มองไปทางอั้นปา แล้วพูดว่า "ข้าจะให้เจ้าไปจัดการเรื่องนี้"

ในขณะที่พูดอยู่ ก็หยุดพูดไปชั่วคราว ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดอย่างมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ออกไปว่า “ไม่ต้องเกรงใจมากเกินไปนะ”

สำหรับคนที่ปล้นทรัพย์สินของคนอื่นและยังขายเจ้าของทรัพย์สินในราคาถูก ไม่มีอะไรให้ต้องเกรงใจหรอก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่าเจียงยังเป็นผู้อาวุโสของคนคนนั้น ก็เลยยิ่งไม่จำเป็นต้องปล่อยคนแบบนี้ไปไป

เมื่ออั้นปาได้ยินแล้วและคิดว่าควรจะเป็นเช่นนั้น เขาจึงไม่ได้พูดอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง