แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 242

“ป้าหลี่ ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าไม่สบายใจ แต่จะมาโทษกันเช่นนี้ไม่ได้นะ”เมื่อต้องเผชิญกับสายตาของผู้คนที่จ้องมองมากับการซักถามจากแม่หม้ายหลี่ สีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงไม่มีความตื่นตระหนกเลยสักนิด

“เจ้าบอกว่าเหยียนขวนไปหาข้าเขาก็ไปหาข้าจริงๆหรือ? เหตุใดข้าจึงไม่ทราบ?”

ตอนที่เหยียนขวนมาหาตัวเอง นางมั่นใจได้ว่ารอบข้างไม่มีผู้ใด อย่างไรเสียหากมีคนจริงๆ ไป๋เสาไม่มีทางที่จะไม่เตือนนาง ดังนั้นในเวลานี้นางจึงไม่กลัวว่าจะถูกเปิดเผย

แม่หม้ายหลี่ชะงัก หันสายตาไปทันที แล้วรีบกล่าวขึ้นว่า“ก็ขวนเอ๋อร์ไปหาเจ้า เขาบอกว่าวันแต่งงานของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว แต่ชายผู้นั้นไม่กลับมา เขาเป็นห่วงเจ้าถึงได้บอกว่าจะไปดูเจ้าสักหน่อย ในเมื่อเขาไปหาเจ้า ก็ไม่มีทางจะมาปรากฏตัวอยู่ในที่แห่งนี้ ”

ลั่วเสี่ยวปิงมองแม่หม้ายหลี่ ต้องบอกเลยว่า นางชื่นชมแม่หม้ายหลี่ที่มีสมองในส่วนนี้ ยิ่งกว่านั้นในขณะที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้หล่อนก็ยังสามารถสงบสติอารมณ์และวิเคราะห์เรื่องราวได้

เพียงแต่ คนที่หล่อนเจอคือนาง

“เจ้าบอกว่าเหยียนขวนมาหาข้า เช่นนั้นเขาออกจากเรือนเวลาใด?”ลั่วเสี่ยวปิงเอ่ยถาม

“ยามซื่อสามเค่อ”แม่หม้ายหลี่ตอบอย่างมั่นใจ

เพราะนางใช้เวลาในการไปเตรียมยาอยู่สักพัก พ้นยามซื่อแล้วถึงจะกลับไปถึงเรือน นำยาให้ขวนเอ๋อร์ แล้วขวนเอ๋อร์ก็รีบเร่งออกเรือนไป

ลั่วเสี่ยวปิงฟัง แล้วจึงหันไปมองทางผู้คน“ น้ากุ้ยอิง ป้าหยิน และป้าหวังพวกเจ้าเห็นข้ามาที่หมู่บ้านเมื่อใด?”

คนที่ถูกลั่วเสี่ยวปิงเรียกชื่อได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิด จากนั้นก็ตอบว่าน่าจะเป็นยามซื่อสี่เค่อ

เดิมทีลั่วเสี่ยวปิงจะใช้ถนนเส้นเล็กไปที่เรือนของจางต้าทุกคน แต่เพื่อให้มีคนเป็นพยาน นางจึงเลือกใช้ถนนสายหลักในหมู่บ้าน ในระหว่างทางก็ได้พบกับทั้งสามคนนั้น ยิ่งกว่านั้นตอนที่ทักทายพวกหล่อนนางก็บอกพวกหล่อนไปว่าตัวเองไปที่ใดมา

“ป้าหลี่ เจ้าเองก็ได้ยินแล้ว เหยียนขวนออกจากเรือนตอนสามเค่อ กว่าจะถึงเรือนข้าก็ต้องใช้เวลาครึ่งเค่อ ตอนที่พวกป้าๆเห็นข้าคือตอนสี่เค่อ ระหว่างนี้มีเวลาเพียงครึ่งเค่อ และเวลานอกเหนือจากนั้นข้าก็อยู่ที่เรือนของลุงต้าฉวนตลอด ลุงต้าฉวนและป้ารวมทั้งพี่ต้าหลางต่างก็เป็นพยานให้ข้าได้”

พูดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็เอ่ยถาม“ขอถามหน่อยป้าหลี่ ข้าจะใช้เวลาครึ่งเค่อนั้นทำอะไรกับเหยียนขวนได้? แล้วจะพาเหยียนขวนมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร?”

เมื่อคำพูดนี้ของลั่วเสี่ยวปิงถูกกล่าวออกมา แน่นอนว่าจางต้าฉวนและจางต้าหลางต่างอยู่ทางฝั่งของลั่วเสี่ยวปิง เป็นพยานให้กับลั่วเสี่ยวปิง

แม่หม้ายหลี่ได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวขึ้นมาทันทีว่า“พวกเจ้าทั้งสองตระกูลมีความสัมพันธ์ดีต่อกัน ใครจะไปรู้ว่าพวกเจ้าจะไม่ร่วมมือกันมารังแกคนเป็นหม้ายอย่าข้า......”

“หลี่ชนเหมย เจ้าจะมาพูดเช่นนี้ไม่ได้นะ ข้าเป็นคนมองเสี่ยวปิงเข้าไปที่เรือนของตระกูลจาง”ในตอนนี้เองสวีต้าหนีที่ยืนดูละครอยู่ข้างๆก็เอ่ยขึ้นมา

เมื่อมีคนเป็นพยานให้กับลั่วเสี่ยวปิง แม่หม้ายหลี่จึงทำได้เพียงเลือกใช้วิธีอื่นโยนความให้นาง“เช่นนั้นก็เป็นบ่าวในเรือนของเจ้า ข้ารู้นะว่าหลายวันมานี้เจ้าซื้อตัวคนใช้มาหลายคน”

ราวกับว่านางจับจุดอ่อนของลั่วเสี่ยวปิงได้ แม่หม้ายหลี่เริ่มกระตือรือร้นขึ้นทันที“เจ้าเป็นสตรีคนหนึ่ง แต่ในเรือนกลับเลี้ยงชายหนุ่มมากมายขนาดนั้น เจ้ามันหน้าไม่อาย......”

คำพูดของแม่หม้ายหลี่ ถูกกลืนลงไปเพราะสายตาที่เย็นชาของลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงยกยิ้มขึ้นบางๆ กล่าวหัวเราะเสียงเย็น“ป้าหลี่กล่าวว่าบ่าวในเรือนข้าเป็นคนทำ แต่จะมากล่าวหาอย่างไม่มีหลักฐานไม่ได้ หรือพวกเราจะไปคุยกันต่อที่ศาลดี?”

นิ่งไปสักพัก ลั่วเสี่ยวปิงกล่าวต่อว่า“นอกจากนี้เรื่องที่ป้าหลี่พูดกล่าวหาไปเรื่อย ก็ให้เจ้าหน้าที่ศาลตัดสินพร้อมกันเลย”

เมื่อได้ยินว่าจะไปขึ้นศาล แม่หม้ายหลี่ก็ระเบิดขึ้นมาทันที“ลั่วเสี่ยวปิง เจ้าอย่าเอาศาลมาขู่ข้านะ”

แม่หม้ายหลี่จิตใจไม่สงบ ไม่กล้าไปขึ้นศาล จึงได้เริ่มโยนความผิด“ยาเช่นนั้นไม่ใช่ยาที่คนทั่วไปจะมีได้ ในเมื่อเจ้าเป็นหมอ แน่นอนว่าต้องปรุงยาเป็น ยาบนร่างกายของบุตรชายข้าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าแน่นอน เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าใช้ศาลมาเป็นข้ออ้าง แล้วจะสามารถลบความสงสัยบนตัวของเจ้าได้นะ”

ยาเสน่ห์ จริงอยู่ที่คนธรรมดาจะไม่มี ร้านขายยาทั่วไปเองก็ไม่มีขาย มีเพียงสถานที่ที่เป็นสำนักศาสนาและสำนักนักคิดต่างๆเท่านั้นถึงจะมี คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางได้แตะต้อง

ในฐานะที่ลั่วเสี่ยวปิงเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับเหยียนขวน และยังมีทักษะทางการแพทย์อีก ถ้าไม่ถูกสงสัยน่ะสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก

“สงสารก็แต่บุตรชายของข้า เป็นถึงซิ่วฉาย แต่กลับถูกหญิงชั่วช้าอย่างเจ้าทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ มันช่างไม่มีเหตุผลจริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง