แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 245

“ท่านกลับมาช้าไปแล้ว”ใบหน้าเล็กของอานอานดูจริงจัง แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขาไม่พอใจ

ถึงแม้ว่าตัวเขาจะเล็กนิดเดียว และมีน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ใจที่อยากปกป้องแม่นั้นมีอยู่เป็นอันดับแรก ยิ่งกว่านั้นบรรยากาศรอบตัวยังก่อขึ้นเองตามธรรมชาติ จึงทำให้ไม่สามารถละเลยคำพูดของเขาได้

อย่างน้อยฉีเทียนเห้าก็รู้สึกว่า หากตัวเองไม่สามารถนำกฎบัตรที่ดีออกมาได้ เกรงว่าบุตรชายคนนี้คงจะโกรธเขาจริงๆเข้าเสียแล้ว

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉีเทียนเห้าผู้ไม่แสดงสีหน้าใดๆต่อหน้าทหารนับพัน แต่กลับมีร่างกายแข็งทื่อต่อหน้าบุตรชาย“ข้าให้สัญญา วันพรุ่งนี้ ข้าจะจัดงานแต่งอย่างงดงามเป็นหน้าเป็นตาให้แก่แม่ของเจ้า จะไม่ให้นางต้องลำบากอย่างแน่นอน”

ดวงตาของพ่อลูกทั้งสองคนสบเข้าหากัน ราวกับมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป

นานพอสมควร อานอานถึงได้กล่าวขึ้นมาว่า“หวังว่าท่านจะทำได้อย่างที่พูด”

เมื่อประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา อานอานเหลือบมองฉีเทียนเห้า จากนั้นเอามือไขว้หลัง ผู้ใหญ่และเด็กเล็กก็พากันกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ฉีเทียนเห้าเข้าใจ ว่าสายตานั้นของบุตรชายตัวเองแสดงให้เห็นว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะให้ตัวเอง ซึ่งมันทำให้ฉีเทียนเห้ารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เดิมที เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีใครกล้ามาท้าทายเขาเช่นนี้ และยิ่งกว่านั้นเขายังอยู่ในตำแหน่งที่อ่อนกว่า

แต่เมื่อคิดในทางกลับกัน ในใจฉีเทียนเห้าก็รู้สึกภาคภูมิใจ:นี่แหละคือเชื้อของเขา

สำหรับเล่อเล่อ ถูกหนานเฉินอุ้มออกไปจากสายตาของฉีเทียนเห้านานแล้ว

เมื่อภายในห้องเหลือเพียงแค่ฉีเทียนเห้ากับลั่วเสี่ยวปิง ตอนนี้เองฉีเทียนเห้าถึงได้มองไปทางลั่วเสี่ยวปิง ในสายตามีความรู้สึกอ่อนล้าและโหยหา

เดิมที เขาสามารถกลับมาได้เร็วกว่านี้

แต่มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างทาง และใช้เวลาเล็กน้อยในการจัดการกับมัน จึงส่งผลให้กลับมาถึงในเวลานี้

ด้วยเหตุผลนี้ เขารับรู้ทุกสถานการณ์ที่เกี่ยวกับที่นี่ เขารู้สึกเพียงแค่ว่าตัวเองทำให้ลั่วเสี่ยวปิงต้องพบกับความลำบากใจ

ในทางกลับกัน ตอนแรกที่ลั่วเสี่ยวปิงได้เจอฉีเทียนเห้านางรู้สึกประหลาดใจ และหลังจากที่ได้เห็นฉีเทียนเห้ากับเล่อเล่อได้พบหน้ากันอีกครั้งความวุ่นวายก็ได้ท่วมท้นขึ้นในใจ และในที่สุดตอนนี้ก็สามารถคุยได้อย่างใจเย็นแล้ว

เพียงแต่ฉีเทียนเห้ากอดนางไว้ตลอดเวลาไม่ปล่อยมือ ตอนนี้เองถึงได้สติกลับมา นางถูกฉีเทียนเห้าจ้องมองอยู่เช่นนี้ ทำเอานางรู้สึกอึดอัด จึงได้ยื่นมือออกไปผลักฉีเทียนเห้าออก

แต่เมื่อลั่วเสี่ยวปิงวางมือไว้บนอกของฉีเทียนเห้า ฉีเทียนเห้ารู้สึกเพียงแค่ว่าในใจปั่นป่วน จึงได้กอดลั่วเสี่ยวปิงแน่นขึ้น จนทำให้ลั่วเสี่ยวปิงไม่สามารถดันออกได้เลย

แม้ว่าลั่วเสี่ยวปิงจะหน้าด้าน แต่ในเวลานี้ก็อดที่จะเขินอายไมได้“เจ้าปล่อยข้านะ”

นี่ยังอยู่ในห้องโถงอยู่เลย นี่หากเกิดคนนอกเข้ามาเห็นแล้วนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

ในความเป็นจริง ความกังวลของลั่วเสี่ยวปิงนั้นไม่จำเป็นเลย

เพราะตั้งแต่ที่หนานเฉินออกไป ก็ปิดกั้นความเป็นไปได้ทั้งหมดที่อาจมาขัดความสุขของนายตน

ก็ไม่รู้ว่าสีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงกำลังโกรธหรืออายอยู่ ในเวลานี้ใบหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ฉีเทียนเห้ารู้สึกเพียงแค่ว่าปากคอแห้ง

“ข้าขี่ม้ามาสองวันสองคืน อยากทานข้าวแล้ว”

ในสถานการณ์เช่นนี้ ทันใดนั้นฉีเทียนเห้าก็กล่าวขึ้น

ลั่วเสี่ยวปิงตอบสนองไม่ทันไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า“ข้าวอะไร?”

จากนั้น ฉีเทียนเห้าก็พุ่งเข้าหาลั่วเสี่ยวปิง แล้วทิ้งคำพูดคลุมเครือไว้ข้างหูของลั่วเสี่ยวปิง“อยากให้เจ้าเชื่อฟังข้าดีๆ”

เดิมทีลั่วเสี่ยวปิงอยากจะไปทำอาหารให้ฉีเทียนเห้าทาน เพราะฉีเทียนเห้าบอกว่าเขาขี่ม้าไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และเห็นว่าเขาดูเหนื่อยล้า แต่เมื่อได้ยินฉีเทียนเห้ากล่าวคำนี้ออกมา และยังพูดอยู่ข้างหูตัวเองอีก ทำเอาหูของลั่วเสี่ยวปิงแดงไปหมด

พูดตามตรง เมื่อได้เห็นท่าทางที่ดูเหนื่อยล้าของฉีเทียนเห้า ลั่วเสี่ยวปิงก็หายโกรธ

สำหรับงานแต่งในวันพรุ่งนี้ อันที่จริงลั่วเสี่ยวปิงเองก็ไม่ได้คาดหวังไว้สูงนัก

แต่จู่ๆฉีเทียนเห้าก็กล่าวขึ้นมา ก็ยิ่งทำให้นางเขินอายมากขึ้นไปอีก และไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ลั่วเสี่ยวปิงผลักฉีเทียนเห้าออก“เจ้าบอกว่าจะมอบงานแต่งที่งดงามเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ข้าไม่ใช่หรือ ตอนนี้มีเวลาไม่มากแล้วนะ”

พูดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็เตรียมจะเข้าไปในห้อง

แต่กลับถูกฉีเทียนเห้าดึงเอาไว้“เจ้าอยากให้มันงดงามขนาดไหน?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง