สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 35

เช้าวันต่อมาเจิ้งเจี๋ยก็ออกไปสำรวจป่าที่อยู่อีกฟากของเชิงเขา เขาอยากได้ต้นไม้ที่ใหญ่สักหน่อยเพื่อจะได้เอามาทำคอกม้า เจิ้งเจี๋ยเดินสำรวจเข้าในป่าไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกถึงไอเย็นของน้ำ และเริ่มได้ยินเสียงเหมือนเสียงน้ำตกจากที่ไกลๆ เขาจึงลองเดินต่อไปเรื่อยๆตามเสียงนั้น ไม่นานเขาก็ได้พบกับบ่อน้ำตกขนาดเล็ก เจิ้งเจี๋ยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ บ่อน้ำตกแห่งนี้มีน้ำที่ใสมาก มากจนมองเห็นถึงก้นบ่อ ความสวยของน้ำที่มีสีเขียวมรกต มันเปล่งปลั่งสู้แดดทำให้เกิดการมีความระยิบระยับจนทำให้คนที่มองไปที่บ่อน้ำแห่งนี้หลงใหลเหมือนกับถูกเวทมนตร์สะกดไว้ไม่ให้ละสายตา เจิ้งเจี๋ยไม่เคยเห็นน้ำตกที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน เขายื่นมือไปสัมผัสผิวน้ำ มันให้ความรู้สึกที่เย็นมาก แต่พอเขาเอามือจุ่มลงไปใต้บ่อน้ำกลับเป็นน้ำที่มีความอุ่นเป็นอย่างมาก น้ำในบ่อนี้วิเศษมากจริงๆ คิดแล้วเขาก็อยากให้ฟางเหนียงได้มาเห็นน้ำตกบ่อนี้ยิ่งนัก

เจิ้งเจี๋ยจึงรีบไปตัดต้นไม้ที่ต้องการแล้วกองเอาไว้ เสร็จแล้วเขาก็รีบกลับบ้าน เพื่อไปบอกเรื่องน้ำตกแห่งนี้ให้ฟางเหนียงได้ฟัง "จริงหรือ!!! มีน้ำตกที่สวยงามเช่นนั้นที่หมู่บ้านเราด้วยรึ" ฟางเหนียงได้ยินเช่นนั้นนางก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะชีวิตนี้นางไม่เคยเห็นน้ำตกเลยสักครั้ง ในยุคที่นางจากมานางก็ทำแต่งานอย่างเดียว วันหยุดนางก็อยากจะไปเที่ยวนะ แต่มันไกลจากที่พักนางมาก แค่เดินทางก็เสียเวลาไปครึ่งวันแล้ว นางขี้เกียจนั่งรถนานๆ สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ไป นอนอยู่ห้องเช่นเดิม เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่นางอยากจะออกไปเที่ยวที่ใดที่หนึ่ง

"เช่นนั้นเราทานข้าวเสร็จแล้ว ก็ขึ้นเขาด้วยกันดีหรือไม่ เจ้าจะได้ไปเล่นน้ำตกด้วย" เจิ้งเจี๋ยเอ่ยขึ้น เพราะเขาก็อยากจะลองลงเล่นน้ำตกดูสักครั้งเช่นกัน "อืม!!! เอาสิ ข้าก็อยากไปเล่นน้ำตกเช่นกัน" ทั้งสองทานข้าวเสร็จก็เตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนและอุปกรณ์ที่จะเอาไม้ที่ตัดกองไว้ลงมาด้วย เจิ้งเจี๋ยเข็นรถเข็นที่มีเชือกและห่อผ้า เข็นนำหน้าฟางเหนียงไป ส่วนฟางเหนียงก็มีตะกร้าที่สะพายไว้บนหลังไปด้วย ฟางเหนียงตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการขึ้นเขาครั้งนี้

ฟางเหนียงที่เห็นน้ำตกเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกหลงไหลมันเป็นอย่างมาก น้ำตกแห่งนี้เป็นดั่งที่เจิ้งเจี๋ยเล่าให้นางฟังจริงๆด้วย มันสามารถสะกดนางไว้ได้จริงๆ จ๋อม!! นางหันไปตามเสียงนั้น ตรงนั้นมีฝูงปลาชนิดหนึ่งกำลังว่ายน้ำเล่นอย่างมีความสุข นางจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆอยากรู้ว่ามันเป็นปลาชนิดไหนกัน "ว้าว!!! นี่มันปลาเทวดาไม่ใช่หรือไง ทำไมมันเยอะถึงเพียงนี้ล่ะ" ในยุคก่อนของนางปลาชนิดนี้หายากมาก อีกอย่างยังจับได้ยากอีกด้วย และราคาของมันก็ไม่ต้องเอ่ยถึงเลย เพราะค่าตัวมันแพงมากจริงๆ แต่มันไม่ได้อยู่ในแถบน้ำตกไม่ใช่รึ มันชอบอยู่ในที่ปะการังเยอะๆ เพราะมันจะได้ซ่อนตัวได้ง่าย แล้วทำไมพวกมันถึงได้มาอยู่ในน้ำตกแห่งนี้ได้ล่ะ แถมพวกมันไม่กลัวนางเลยสักนิด นางยื่นมือลงไปในน้ำพวกมันก็ยังไม่ว่ายหนีเลย แต่พวกมันกลับยังคงว่ายน้ำเล่นใกล้ๆมือนางอีกด้วย

อยู่ๆก็มีแสงเปล่งออกมาจากหินที่อยู่บนข้อมือของฟาเนียง นางจึงลุกจากริมบ่อน้ำแล้วเดินไปตามแสงนี้ "เจิ้งเจี๋ย เดี๋ยวข้ามานะ ข้าจะไปเดินเล่นแถวนี้หน่อย เผื่อมีอะไรเอากลับไปทำกับข้าวเย็นนี้" ก่อนที่นางจะไปก็ได้ตะโกนบอกเจิ้งเจี๋ยเสียก่อน เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นห่วงนาง "เจ้าอย่าเข้าไปลึกมากนะ ระวังตัวด้วย" เจิ้งเจี๋ยเอ่ยเตือน ฟางเหนียงเดินตามแสงนี้ไปเรื่อยๆ และทำสัญลักษณ์ไว้ตลอดทางเช่นกัน เพราะกลัวจะหาทางกลับไม่เจอ เหมียว เหมียว เหมียว เอ๊ะ!!! นั้นมันเสียงแมวไม่ใช่รึไง นางเดินตามเสียงนั้นไปก็ได้ไปเจอแมวตัวหนึ่ง ที่ตอนนี้ขาหลังของมันทั้งสองข้างโดนก้อนหินทับไว้อยู่ "เจ้าแมวน้อย เจ้ามาเล่นซนอะไรแถวนี้ มันอันตรายมากรู้หรือไม่" นางเดินเข้าไปใกล้ลูกแมวตัวนั้นเพื่อจะยกก้อนหินออกให้มัน แต่ก้อนหินนี้มันหนักมากจริงๆนางยกคนเดียวไม่ไหว นางจึงออกไปเรียกเจิ้งเจี๋ยมาช่วยยกก้อนหินนี้ เจิ้งเจี๋ยมาถึงก็รีบไปยกก้อนหินก้อนใหญ่นี้ทันที เขาขยับก้อนหินได้เพียงนิดเดียวขาทั้งสองข้างของลูกแมวก็หลุดออก แล้วลูกแมวก็วิ่งหนีไปทันที "อ้าว!!! ลูกแมวหายไปไหนแล้วล่ะ" ฟางเหนียงเอ่ยถามหลังจากที่นางเดินสำรวจดูรอบๆ "ข้ามองไม่ทันเช่นกันว่ามันวิ่งไปทางไหน" 

นางพยักหน้าตอบ แล้วเดินตามแสงที่อยู่บนข้อมือนาง เจิ้งเจี๋ยก็เดินตามนางมาด้วย ทั้งสองเดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็เจอกับทางเข้าถ้ำ เจิ้งเจี๋ยจึงจุดไฟกับผ้าที่เขาพันเอาไว้กับไม้ ของพวกนี้เจิ้งเจี๋ยมักจะติดตัวไว้เสมอ ทั้งสองเข้าไปในถ้ำก็พบกับลูกแมวตัวหนึ่งที่กำลังนอนหลับอยู่บนโพรงปลวก "แมวตัวนี้มันเหมือนกับตัวเมื่อกี้เลยนี่" เจิ้งเจี๋ยเอ่ยขึ้น เสียงของเจิ้งเจี๋ยทำให้ลูกแมวตื่นขึ้น มันเห็นทั้งสองคนก็ร้องขู่ออกมาทันที แต่เสียงที่มันเปล่งออกมาไม่ใช่เสียงของแมวธรรมดา เสียงของมันคล้ายๆกับเสียงของเสือโคร่ง เสียงนี้มันทำให้ทั้งสองตกใจ เจิ้งเจี๋ยรีบดึงฟางเหนียงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดในทันที แมวตัวนั้นที่กำลังจะกระโจนเข้าหานางและเจิ้งเจี๋ย ก็มีเสียงของลูกแมวอีกตัวหนึ่งร้องออกมาก่อน เหมียว เหมียว เหมียว ลูกแมวตัวนั้นที่ได้ยินเสียงของลูกแมวอีกตัวหนึ่ง ก็เริ่มถอยออกห่างไปแล้วค่อยๆลดเสียงร้องลง

ลูกแมวที่เจิ้งเจี๋ยเคยช่วยเหลือไว้นั้น มันเดินขากระเผลกเข้ามาใกล้ๆเจิ้งเจี๋ย แล้วเงยหน้ามองเขา แล้วมันก็เดินไปข้างๆโพรงปลวกที่ลูกแมวอีกตัวเคยนอนอยู่ แล้วหันมาทางเจิ้งเจี๋ยเหมือนมันจะบอกว่าให้ตามมันไป ทั้งสองจึงตามมันไป แล้วนั้นก็ทำให้เจิ้งเจี๋ยต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น "นี้มันดอกไม้ต่อชีวิตไม่ใช่รึ" ฟางเหนียงหันไปทางเจิ้งเจี๋ยด้วยความสงสัย แต่นางยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร นางก็เห็นงูที่อยู่ด้านหลังของเขาเสียก่อน "เจิ้งเจี๋ย ระวัง" งูที่กำลังจะฉกเขาก็ถูกลูกแมวทั้งสองตัวสกัดไว้ก่อน ลูกแมวทั้งสองตัวกระโดดกัดงูตัวนั้นพร้อมกัน ตัวหนึ่งกัดไปที่คออีกตัวหนึ่งกัดไปที่หาง ทั้งสามตัวต่อสู้กันไม่นาน งูตัวนั้นก็นอนแน่นิ่งไป ทั้งสองคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นั้นก็ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง เพราะงูมันมีลำตัวที่ขนาดใหญ่มาก แต่ลูกแมวสองตัวนี้มีขนาดเล็กเท่าลูกแมวที่เพิ่งเกิดได้แค่สองเดือนเท่านั้น แต่ลูกแมวทั้งสองกลับจัดการกับงูตัวใหญ่นี้ได้อย่างง่ายดาย

"ไม่ใช่ว่าแมวสองตัวนี้จะเป็นแมวผีหรอกนะ" ฟางเหนียงเผลอพูดในสิ่งที่คิดออกมาอย่างไม่รู้ตัว เจิ้งเจี๋ยจึงรีบดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง "ช่างเถอะ ช่างเถอะ เรารีบออกไปจากที่นี้กันเถอะ ข้าว่าที่นี้ไม่ค่อยปลอดภัยแล้วล่ะ" เจิ้งเจี๋ยที่กำลังออกจากถ้ำ ก็ถูกลูกแมวเรียกเขาไว้ก่อน เหมียว เหมียว เหมียว ลูกแมวตัวนั้นเข้ามาอ้อนเขาเพื่อให้เขาเอาดอกไม้ต่อชีวิตกลับไปด้วย เขามองมาทางนางเพื่อขอความคิดเห็น นางจึงพยักหน้าให้ เจิ้งเจี๋ยจึงขุดดอกไม้ต่อชีวิตขึ้นมาแล้วกล่าวขอบคุณลูกแมวทั้งสองตัว "ขอบใจพวกเจ้ามากนะ เจ้าเสือจอมปลวก" ที่เขาเรียกพวกมันเช่นนั้น เพราะมันมีตัวขนาดเล็กเหมือนปลวก แต่แข็งแกร่งดั่งเสือโคร่ง เอ่ยจบเขาก็พาฟางเหนียงออกจากถ้ำทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ