เย่ฉางหมิ่นเดินเร็วมาก ก้าวเดินฉับๆตรงเข้ามายังโต๊ะอาหารที่เย่เฉินนั่งอยู่
ส่วนเฉินจื๋อข่าย เดินตามหลังเธอมาติดๆ ด้วยท่วงท่านอบน้อม
ในตอนที่ระยะห่างจากเย่เฉินเหลือไม่ไกล เย่ฉางหมิ่นก็พูดพร้อมกับยิ้มออกมาว่า “ไอหยาเย่เฉิน ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี โตเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้เลยเหรอ!”
เมื่อเย่เฉินมองมาที่เย่ฉางหมิน ก็พอจะจำหน้าเธอตอนที่เขายังเป็นเด็กได้รางๆ
เขายิ้มเยาะออกมา แล้วเอ่ยพูดว่า “เดี๋ยวผมก็จะ27แล้ว ไม่ใช่หนุ่มแล้วล่ะครับ”
เย่ฉางหมิ่นแสดงออกอย่างสนิทสนม พูดยิ้มๆว่า “ไอ้หยา แกนี่หน้าเหมือนพ่อเลยนะ!ถอดแบบกันมาเป๊ะๆ!”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วหัวเราะ “เทียบกับตอนนั้นแล้ว คุณน้าก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ”
เย่ฉางหมินหัวเราะฮ่าๆออกมา “พริบตาเดียวก็ผ่านไปสิบปียี่สิบปีแล้ว ฉันเองก็ใกล้จะห้าสิบ จะยังเหมือนตอนสาวๆได้ยังไงลล่ะ”
ในตอนนี้เอง เฉินจื๋อข่ายก็ลากเก้าอี้ออกให้เย่ฉางหมิ่นนั่งอย่างระมัดระวัง
ในตอนที่เย่ฉางหมิ่นนั่งลง ก็เหลือบมองไปทางเย่เฉิน เมื่อเห็นว่าเย่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตลอด ไม่ได้ลุกขึ้นยืนก่อนที่ตัวเองจะมาถึง จึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตามหลักการการร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่ ในตอนที่ผู้ใหญ่มาถึง ต้องลุกขึ้นยืนทำความเคารพ
ถ้าผู้ใหญ่เอ่ยพูด คนอายุน้อยกว่าต้องคอยโค้งตัว ก้มหน้าตั้งใจฟัง
ถ้าผู้ใหญ่กำลังจะนั่ง คนอายุน้อยกว่าต้องรอจนกว่าผู้ใหญ่นั่งลงและอนุญาตให้นั่ง คนอายุน้อยกว่าถึงจะสามารถนั่งลงได้
แต่เย่เฉินกลับนั่งติดเก้าอี้อยู่ตลอด อย่าว่าแต่ลุกขึ้นเลย ขยับตัวสักนิดก็ไม่มี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน