โดนเสียงปรบมือที่ดังสนั่นกับเสียงเอ่ยชมล้อมรอบ เซียวเวยเวยจึงเริ่มทำตัวไม่ถูก เธอพยายามตั้งสติ แล้วพูดต่อว่า “เรื่องที่สาม บริษัทโมเดลลิ่งซ่างเหม่ยของเราจะดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ นโยบายการดำเนินงานมีดังนี้ค่ะ……”
ผู้หญิงเกือบสามร้อยคนข้างล่างเวที วินาทีนี้ตั้งตารอฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด
เซียวเวยเวยพูดอย่างจริงจังว่า “อันดับแรก บริษัทโมเดลลิ่งซ่างเหม่ยก็จะยังเหมือนเมื่อก่อน จะให้บริการธุรกิจหรือส่วนบุคคลต่างๆ ในจินหลิงเป็นหลัก เราทุกคนเป็นผู้หญิง แล้วผ่านเรื่องต่างๆ ที่คล้ายคลึงกันมา เพราะฉะนั้นทุกคนก็ถือว่าเป็นพี่น้องกัน ถ้ามีพี่น้องคนไหนอยากจะทำอาชีพนี้ต่อ ฉันก็หวังว่าจะมาร่วมงานกับบริษัทโมเดลลิ่งซ่างเหม่ย”
“จากนั้น ฉันขอสัญญากับพี่น้องทุกคน ถ้าพี่น้องคนไหนเลือกที่จะร่วมงานกับบริษัทโมเดลลิ่งซ่างเหม่ย เราก็จะไม่มีทางรังแก เอาเปรียบค่าจ้างของทุกคนเหมือนเมื่อก่อนแน่นอนค่ะ!”
“แล้วเงื่อนไขของการร่วมงานกัน : ทางบริษัทจะรับผิดชอบจัดสรรงานให้ทุกคน แล้วจะเปิดเผยสัดส่วนรายได้กับทุกคนด้วย ค่าจ้างทุกครั้งที่ออกงาน ทางบริษัทจะเก็บแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เพื่อนำมาบริหารบริษัท ส่วนอีกแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็จะเป็นของทุกคน!”
พอได้ยินว่าจะได้รับค่าจ้างในสัดส่วนแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงข้างล่างเวทีจึงพากันฮือฮาดีใจ!
ในวงการนี้ ไม่มีบริษัทไหนเลย ที่จะให้สัดส่วนค่าจ้างเยอะขนาดนี้!
ตามเกณฑ์ทั่วไป ปกติจะแบ่งกันคนละครึ่ง เหมือนคนอย่างหลิวจงฮุย ปกติให้แค่ยี่สิบสามสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่แค่ได้น้อย แต่ยังข่มเหงพิธีกรหญิงให้เซ็นสัญญาขายตัวอีก ถ้าเซ็นสัญญาขายตัว พิธีกรหญิงก็จะได้ส่วนแบ่งแค่ประมาณสิบเปอร์เซ็นต์
เมื่อเทียบกันแล้ว เซียวเวยเวยให้ข้อเสนอสัดส่วนแบบนี้ ถือว่าเป็นคนที่จิตใจดีมากๆ!
ความจริง ในใจเซียวเวยเวยเองก็รู้สึกว่า สัดส่วนนี้สูงเกินไป ถ้าหักต้นทุนก็บริหารงานบริษัท ต้นทุนค่าใช้จ่ายการจัดหางานแล้ว กำไรที่เหลือก็น้อยมาก จะถึงห้าเปอร์เซ็นต์หรือเปล่าก็ยังไม่กล้ารับประกัน
แต่ว่า เธอก็รู้สึกว่า ตัวเองจะทำให้เย่เฉินผิดหวังในตัวเธอไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน