จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 172

“เจ้าใหญ่ เจ้าห้า เจ้าเก้าถูกฆ่าอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามมุ่งเป้ามาที่สำนักยินซือของพวกเรา” ชายหนุ่มที่นั่งเป็นประธานนั้น พูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย

หลายคนภายในถ้ำล้วนไม่กล้าส่งเสียง บรรยากาศเปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันที

กลิ่นอายเย็นแห่งความตาย ค่อยๆปกคลุมไปทั่วภายในถ้ำ

ชายหนุ่มคนนั้นพูดอย่างเยือกเย็น “สังหารลูกศิษย์ฉัน แค้นนี้จะต้องชำระ คราวนี้ พวกเราก็จะลงจากเขาอย่างเป็นทางการ เริ่มจากการจัดการเก็บมณฑลหลิงหนานก่อน!”

คนอื่นที่เหลือตาลุกวาวขึ้น ในที่สุดก็ไม่ต้องทนอยู่ในถ้ำที่มืดมนไม่เห็นแสงตะวันเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว

“ท่านอาจารย์ปราดเปรื่อง!”

ในขณะที่หลินหยุนและซูจื่อเหลียงเก็บตัวฝึกบำเพ็ญตนอยู่ในภูเขาซวนโถวเป็นวันแรกนั้น ภายในคืนเดียวนั้น เมืองทางเหนือทั้งห้าของมณฑลหลิงหนาน ถูกผู้มีวรยุทธ์สูงส่งไม่ทราบนามรับช่วงดูแลต่อแล้ว

แต่เดิมนั้นลูกพี่ใหญ่ของห้าเมืองนั้น มีจำนวนสามคนยอมสวามิภักดิ์ ที่เหลืออีกสองคนถูกสังหาร

พอถึงวันที่สาม ที่เหลืออีกห้าเมืองก็ถูกถล่มยับเยิน ลูกพี่ใหญ่ทั้งสี่คนคนถูกสังหาร สองคนนั้น คือหนึ่งในลูกน้องสิบสองคนของควีนจินหลิงหนาน เมืองทางเหนือทั้งสิบเมืองถูกถล่มราบคาบทั้งหมด

โลกบู๊ในมณฑลหลิงหนานทั้งหมดก็วุ่นวายขึ้นมาทันที เพราะว่าพวกเขาได้รับข่าวมาว่า สำนักยินซือในตำนานจะลงมาจากเขาแล้ว

เมืองทั้งเจ็ดเมืองทางใต้ที่ประกาศตัวสวามิภักดิ์ต่อหลินหยุนนั้น ต่างรู้สึกหวาดกลัว จึงรีบมารวมตัวกันเพื่อปรึกษาวางแผนการรับมือ

ถึงแม้ว่าสำนักยินซือยังไม่ได้กระจายข่าวแผนการเข้าโจมตีพวกเขาออกไป ต่อให้เป็นคนภายนอกที่เดินผ่าน ก็ได้กลิ่นอายของลางเหตุเตือนภัยที่โชยมาแล้ว

ช่วงเวลาที่คับขันเช่นนั้น ควีนจินหลิงหนานที่ไม่ค่อยปรากฏตัวบ่อยครั้งนัก ก็มานั่งบัญชาการตามเมืองทางใต้ทั้งเจ็ดทันที เรียกกำลังพลสี่คนในกลุ่มจินไซทั้งหกกลับมาเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสำนักยินซือ

ในวันเดียวกันนั้นเอง สำนักยินซือก็ได้ส่งบัตรเชิญมา กล่าวอย่างไม่เกรงใจว่าจะให้ควีนจินยอมสวามิภักดิ์ ไม่เช่นนั้นจะสังหารไม่ให้เหลือ!

ควีนจินก็ได้ฉีกบัตรเชิญนั้นต่อหน้าลูกพี่ใหญ่เมืองทางใต้ทั้งเจ็ด ประกาศกร้าวว่าจะยอมสู้ตายในสนามต่อสู้ ก็ไม่ยอมสวามิภักดิ์ให้กับพวกลัทธิมารอย่างเด็ดขาด

ในวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็เกิดการปะทะกันในวงแคบๆ สถานการณ์ต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างเจ็บตายไม่น้อย

ควีนจินก็ออกศึกด้วยตัวเอง ได้ต่อสู้ชนะศิษย์ผู้พี่สี่ของสำนักยินซือ จึงได้รับชัยชนะเป็นการชั่วคราว

แต่ว่า ข่าวการได้รับบาดเจ็บของควีนจินนั้น ก็ไม่รู้ว่าถูกใครกระจายข่าวออกไป

โลกใต้ดินของเมืองทางใต้ทั้งเจ็ดนั้น ทุกคนต่างก็ระแวดระวังภัย

สำนักยินซือก็รีบส่งสารแจ้งเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ให้เวลาควีนจินคิดตัดสินใจภายในสามวัน หลังจากสามวันแล้วหากยังไม่ยอมสวามิภักดิ์ สำนักยินซือก็จะเปิดศึกเข่นฆ่าสังหารให้สิ้นซาก

ที่เมืองหลินโจว ภายในห้องลับใต้ดินบ้านพักของเจี่ยงสง

ควีนจินภายใต้หน้ากากผ้าสีดำ นอนอยู่บนเตียง สีหน้าขาวซีด อาการไอไม่หยุด

พวกลูกพี่ใหญ่อย่างเช่นเจี่ยงสงและเส้เทียนหัว สีหน้าแสดงความเป็นห่วงใย

“แค่ก แค่กแค่ก.....ติดต่อคุณหลินได้เหรอยัง?” เสียงของควีนจินอ่อนแอมาก แสดงว่าข่าวที่นางได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นเรื่องจริง

“นายหญิงคะ มือถือของคุณหลินปิดเครื่องตลอดเลยค่ะ!” หยุนเยว่พูดด้วยสีหน้ากังวล

“หรือว่า นี่เป็นเพราะฟ้าลิขิตเหรอ?” ควีนจินรู้สึกถอดใจ ตอนนี้พลังของเธอเป็นพลังที่มีพรสวรรค์สูงสุด แต่ว่าก็ยังแพ้ให้กับลูกน้องของชายหนุ่มชุดดำแห่งสำนักยินซือ

นึกถึงฝีมือร้ายกาจของชายหนุนชุดดำคนนั้น สายตาของควีนจินก็แสดงออกถึงความหมดเรี่ยวหมดแรงขึ้นมา

“ดูอายุเขาแล้ว ก็น่าจะไล่เลี่ยกับคุณหลิน แต่วิชาบู๊ที่เขาฝึกมานั้น มันไม่ธรรมดาเลยนะ”

“เขา น่าจะเป็นเจ้าของสำนักยินซือ”

“คนในหลิงหนานที่สามารถจัดการเขาได้ เกรงว่าก็มีแต่คุณหลิวเท่านั้น!”

กลุ่มคนพวกเจี่ยงสงมองไปยังควีนจิน ไม่มีข้อคิดเห็นใดๆ

ตามปกติแล้วพวกเขาเป็นลูกพี่ใหญ่ที่แสนจะยิ่งใหญ่พวกนี้ มักจะได้รับการยกย่องบูชาจากสามัญชนคนทั่วไป แต่ว่าเมื่อเวลาอยู่ต่อหน้านักบู๊ที่มีฝีมือสูงส่งพวกนี้ ก็ไม่แตกต่างอะไรกับพวกมดตัวเล็กตัวน้อยเท่าไรนัก

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะทำยังไงต่อไปดี? ถ้าหากไม่สามารถติดต่อท่านปรมาจารย์หลินได้อีก?” เจี่ยงสงก็ถามขึ้นอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย

พวกกลุ่มเส้เทียนหัวก็หูผึ่งขึ้นมา นี่ก็เป็นปัญหาในใจของพวกเขาที่อยากรู้ที่สุดเหมือนกัน

ควีนจินครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ถ้ายังติดต่อปรมาจารย์หลินไม่ได้อีก ใครที่ยอมสู้ตายก็ให้ตามฉันมา ถ้าไม่อยากสู้ตายก็ให้ออกไปจากที่นี่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์