รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 554

ประธานมายมิ้นท์พูดถูก ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ?

บางทีท้ายที่สุดแล้ว เธอทำสำเร็จล่ะ

พอมายมิ้นท์คำพูดนี้ของเลขาซินดี้แล้ว ได้หันศีรษะดูไปทางเลขาซินดี้ มองดูแววตาของเธอที่มีแสงเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง และได้ยิ้มเล็กน้อย“เข้าใจก็ดีแล้ว เอาล่ะ ไปล้างหน้าสักหน่อย แล้วปรับสภาพอารมณ์ให้ดี”

“ค่ะ”เลขาซินดี้พยักหน้าตอบกลับ

มายมิ้นท์หันศีรษะกลับไป ได้เดินตรงไปข้างหน้าต่อ ในไม่ช้าก็เดินเข้าออฟฟิศของตัวเองแล้ว

สามวันต่อมา มายมิ้นท์ได้ถือกระเป๋าเดินทางเพียงลำพัง และได้มาถึงที่สนามบิน

ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่เครื่องบินจะบิน

มายมิ้นท์ได้นั่งรอที่ห้องรับรองผู้โดยสารVIP ระหว่างรอการแจ้งเตือนการขึ้นเครื่องนั้น ก็ได้ก้มศีรษะดูโทรศัพท์

ทันใดนั้น ก็มีคนมาเคาะประตูห้องรับรองผู้โดยสาร

มายมิ้นท์วางโทรศัพท์ลงแล้วมองไปทางประตู“ใครคะ?”

“ผมเอง”ด้านนอกประตูนั้นมีน้ำเสียงที่น่าฟังของเปปเปอร์ดังขึ้นมา

มายมิ้นท์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ในสายตานั้นมีความตกใจแวบวาบผ่าน

เปปเปอร์?

เขามาได้ยังไง?

มายมิ้นท์ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไป และได้เปิดประตูออก เป็นเปปเปอร์จริงๆด้วย

เขาสวมสูท ที่คลุมด้วยเสื้อคลุมยาวสีดำอยู่ด้านนอก และเขาถือกระเป๋าเดินทางอยู่ในมืออีกด้วย มีท่าทีที่ดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางตะลอน ๆเช่นนั้น

มายมิ้นท์มองดูกระเป๋าเดินทางของเขา ถามด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณจะไปไหนหรือ?”

“เกาหลี”เปปเปอร์ได้เดินเข้าไปที่ห้องรับรองผู้โดยสาร ตอบกลับด้วยเสียงที่เบา

มายมิ้นท์ตะลึงไปสักพัก“คุณก็จะไปเกาหลี?”

เปปเปอร์พยักหน้า“ใช่แล้ว”

“คุณไปทำอะไรที่เกาหลีหรือ?”มายมิ้นท์หรี่ตาลงมองไปที่เขาพร้อมถามด้วยความสงสัย

หรือว่าจะไปเข้าร่วมงานแต่งด้วยงั้นหรือ?

มิเช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง ออกเดินทางวันนี้ด้วย และอีกอย่างไปเกาหลีเหมือนกับเธออีกด้วย

เปปเปอร์ดูออกแน่นอนว่ามายมิ้นท์เดาได้ว่าเขากำลังจะไปที่ใด ดวงตาของเขาเป็นประกาย และยิ้มมุมปากพร้อมตอบกลับ :“ผมไปที่นั่นเพื่อไปทำธุระนิดหน่อย”

เขาจงใจที่จะไม่บอกว่าตัวเองก็ไปเข้าร่วมงานแต่งเหมือนกัน

เพราะว่าเขาต้องการดูว่า เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเธอได้พบเจอเขาที่งานแต่งแล้ว มันจะเป็นสีหน้าท่าทางแบบไหนกัน

เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินเปปเปอร์พูดว่าตัวเองไปเกาหลีเพื่อไปทำธุระ กลับไม่ได้ไปเข้าร่วมงานแต่งอะไรนั่น ก็ได้พยักหน้าโดยทันที

“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง แต่จะว่าไปคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ห้องรับรองห้องนี้?”

ห้องรับรองผู้โดยสารVIPนั้น เป็นหนึ่งคนต่อหนึ่งห้องทั้งนั้น

ดังนั้นเปปเปอร์ต้องมาหาเธอแน่นอน

มิเช่นนั้นแล้วทำไมเขาถึงไม่ไปห้องรับรองห้องอื่นล่ะ?

“ได้ยินบอดี้การ์ดบอกว่าคุณอยู่ที่นี่ ดังนั้นผมก็มาเลย”เปปเปอร์วางกระเป๋าเดินทางและได้นั่งลงพร้อมตอบกลับ

เพื่อที่จะอยู่บนเที่ยวบินเดียวกันกับเธอ เขาได้เหมาชั้นเฟิร์สคลาสโดยเฉพาะ

มิเช่นนั้น เขาก็สั่งให้คนเตรียมเครื่องบินส่วนตัวโดยตรงแล้ว

มายมิ้นท์เบะปากเล็กน้อย“ยังจะพูดว่าคุณไม่ได้ให้บอดี้การ์ดสองคนนั้นของคุณคอยจับตาดูฉันอีก ฉันอยู่ห้องรับรองห้องไหนก็ได้บอกคุณหมดแล้ว”

แม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่รู้สึกโกรธมาก จนน่าประหลาดใจ

เปปเปอร์ได้เทน้ำหนึ่งแก้วให้ตัวเอง “เป็นผมเองที่ไปถามพวกเขาก่อน ช่วยไม่ได้ ใครบอกให้ผมเป็นห่วงคุณมากขนาดนี้ล่ะ หากไม่รู้เบาะแสของคุณแม้แต่วินาทีเดียว ผมก็ไม่สามารถสบายใจได้เลย”

“……”คำพูดนี้พูดจนใบหน้ามายมิ้นท์แดงไปครู่หนึ่ง และได้มองบนใส่เขาด้วยความไม่สบอารมณ์

ในทันใดที่เธอกำลังจะพูดอะไร ก็มีเสียงประกาศที่ห้องรับรอง เริ่มประกาศข้อมูลการขึ้นเครื่อง

มายมิ้นท์ลุกขึ้นทันที“ควรไปแล้ว”

เปปเปอร์วางแก้วน้ำลงอย่างไม่รีบร้อน“ก็ควรไปแล้วจริงๆ ไปเถอะ”

เขาก็ได้ลุกขึ้น และได้ลากกระเป๋าเดินทางของตัวเอง

มายมิ้นท์นึกอะไรขึ้นกะทันหัน และได้มองไปที่ขาของเขา“ขาของคุณไม่เป็นอะไรแล้วหรือ?”

เปปเปอร์ได้ขยับที่ข้อเท้าเล็กน้อย“ยังไม่หายดีหมด แต่ก็ไม่กระทบต่อการเดินเลย”

“ถ้างั้นก็ดี”มายมิ้นท์พยักหน้า และวางใจขึ้นมา

หากว่าขาของเขายังไม่สามารถเดินได้ล่ะก็ เธอก็จะไปยืมรถเข็นสักอันกับทางสนามบิน

อย่างสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่เช่นนี้ โดยปกติแล้วมักจะมีอุปกรณ์สำรองสำหรับผู้พิการอยู่เสมอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว