“ตอนอยู่โรงพยาบาล คุณบอกว่าอยากกินขนมปังไส้เนื้อไม่ใช่เหรอ ผมกับหมีพูลไปซื้อกลับมาให้แล้ว รีบกินตอนร้อน ๆ สิ”
มนตรีเดินเข้าไปชนตัวอาคิระอย่างจงใจ
เมื่อไหล่ถูกกระแทกอย่างจัง อาคิระก็ต้องหลบไปด้านข้าง จากนั้นก็มองพวกเขาสองคนอยู่กับที่
ดวงตาของเขามืดครึ้ม ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องหวาดหวั่นกับสายตาเช่นนี้แน่นอน
“คุณอาคิระยังไม่ไปอีกเหรอ? เหมือนใกล้จะเข้างานสายแล้วนะ หรือคุณอาคิระจะรอผมไปส่งแขก?”
มนตรีทำท่าราวกับเจ้าบ้านก็ไม่เชิง
ทว่านิสัยอาคิระไม่ได้ดีเลย มนตรีใช้ไม้นี้กับเขาไม่ได้ อาคิระพูดเสียงเย็นเยียบกับมนตรีว่า “อย่ามาทำท่าแบบนี้กับผม ไม่งั้นก็อย่าหาว่าผมไม่เตือน”
มนตรีก็ไม่เก็บมาใส่ใจ ยังคงยิ้มเจือจางกล่าวว่า
“มีคนเคยบอกคุณอาคิระไหมว่านิสัยคุณแย่มาก”
ได้ยินดังนั้น พนาวันก็จ้องไปยังอาคิระด้วยสัญชาตญาณ
เป็นดั่งที่เธอคาดการณ์ สีหน้าอาคิระมืดครึ้มถึงขีดสุด
ช่วงที่เธอคิดว่าเขาจะโมโหใส่แน่ ทว่ากลับเห็นเขาตบหน้าอกมนตรีเบา ๆ ก่อนจะยกริมฝีปากบางขึ้นยิ้มอย่างโหดเหี้ยม
“มีคนเคยพูดไว้เยอะเลย แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะผมนิสัยเสียมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นคุณอย่ามายั่วโมโหผมจะดีกว่า”
อาคิระเสียทั้งพ่อและแม่ตั้งแต่เด็ก เขาเริ่มนิสัยเสียตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
หงุดหงิดง่าย โกรธไว คนอื่นเรียกเขาว่าไอ้ขี้เหวี่ยง
มักจะชกต่อยกับเด็กคนอื่นประจำ ซึ่งเวลาเขาชกต่อยกับคนอื่น จะดุร้ายราวกับสิงโต
ดังนั้นพ่อแม่ของคู่กรณีจะตราหน้าว่าเขาไม่มีพ่อแม่ จึงไร้การอบรมสั่งสอน
พนาวันเคยได้ยินเอวาเล่าให้ฟังมาก่อน
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามนตรีล้ำเส้นของเขา เธอกลัวเขาจะระเบิดอารมณ์โกรธเหลือเกิน
หมีพูลยื่นมือไปจับแขนเสื้อของเขา“คุณพ่อ”
เสียงเด็กดังขึ้น ความโกรธที่ห้อมล้อมตัวอาคิระจางหายในบัดดล
เขาจึงระงับความโกรธไว้ และบังเอิญที่ผู้ช่วยโทรมา เขารับสายแล้วเดินออกไป
มนตรียังคงให้การช่วยเหลือพนาวันอยู่ในห้อง
ทันใดนั้นพนาวันรู้สึกเหนื่อยล้ามาก จึงกล่าวว่า“มนตรี คุณไปทำงานเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ นะ?” มนตรียังคงไม่วางใจ
พนาวันพยักหน้าอย่างแน่วแน่“อีกอย่างหมีพูลก็อยู่ด้วย ฉันไม่เป็นอะไรเลย และต้องขอบคุณคุณมากเลยที่เล่นละครกับฉัน”
อาคิระเป็นคนมีศักดิ์ศรี
เจอแบบนี้หลายครั้ง เขาคงไม่มาอีกแน่
“เป็นเกียรติของผม” มนตรียิ้มเบา ๆ
มนตรีออกไป พนาวันก็ไปที่ห้องน้ำ
ในห้องเหลือเพียงหมีพูลคนเดียว เขาเกาหัวแล้วหยิบมือถือออกมา ก่อนจะโทรออก
ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เรียกว่า“คุณพ่อ”
อาคิระพึ่งโมโหเสร็จหนึ่งยกใหญ่ ทำให้พนักงานบริษัทไม่กล้าหายใจเสียงดัง“ทำไมเหรอ?”
“ผมรู้สึกผิดต่อคุณพ่อมากเลย ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย คุณแม่ก็ถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว”
พูดตามความเป็นจริง เมื่อครู่เขาเห็นคุณพ่อออกไป เขาเห็นแล้วก็ปวดใจยิ่งนัก
อาคิระหายโกรธนิดน้อยแล้ว“ลูกยังรู้ว่าถูกแย่งแล้วเหรอ ผู้ชายคนนั้นไปหรือยัง?”
“ไปแล้วครับ”
หมีพูลเกาหัวอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาควรพูดบางสิ่งบางอย่างดีหรือไม่
ครุ่นคิดดูแล้วจึงเอ่ยปากพูดว่า“พ่อ ผมคิดว่าพ่อไม่มีหวังแล้ว เพราะคุณแม่ตอบตกลงจะคบกับคุณอามนตรีจากใจจริงแล้ว”
“……”
ความเงียบเข้ามาแทนที่ปลายสายทันที
หมีพูลเลียริมฝีปากตัวเอง พลางกระซิบพูดว่า“คุณพ่อฟังอยู่หรือเปล่าครับ?”
“อืม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง