บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 202

หยู่เหวินเห้าถามสาวใช้คนนั้น “พระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นั้น มีรูปลักษณ์อย่างไร แล้วมีสีอะไร”

สาวใช้ตัวน้อยถูกทำให้ตกใจจนเกือบจะร้องไห้อยู่แล้ว พอหยู่เหวินเห้าถามขึ้น นางไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ได้แต่อ้ำอึ้ง สมองว่างเปล่า ลิ้นก็พันกันไปหมด “คือว่า เรื่องนี้ข้าน้อย ข้าน้อยจำไม่ได้แล้ว น่าจะเป็นสีขาวหยก”

หยู่เหวินเห้ายิ้มเย็น มองพระชายาจี้ “พี่สะใภ้ เห็นทีในสายตาท่านข้าก็เป็นแค่คนโง่คนหนึ่ง คิดจะหลอกอะไรก็ได้ตามใจสินะ”

แววตาของพระชายาจี้ขรึมลง “น้องห้าพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร”

“ไม่ได้มีความหมายอะไร เรื่องคดีนั้นก็ให้ตรวจสอบต่อไปเถอะ”หยู่เหวินเห้าหมุนตัว

แววตาของพระชายาจี้เยือกเย็น กำหมัดแน่น แล้วก็ค่อยๆคลายออก

“แม่นมชี เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำผิดอะไร”พระชายาจี้เตือนเสียงดุ

แม่นมที่เมื่อครู่จะตบตีสาวใช้คนนั้นก็คุกเข่าลงทันที สีหน้าขาวซีด

แม่นมคนนี้ เป็นแม่นมที่พระชายาพามาด้วยตอนแต่งงานเพื่อคอยช่วยดูแล มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับพระชายาจี้ การตัดสินใจหลายอย่าง ก็มาจากนางทั้งสิ้น

ครั้งนี้ หยู่เหวินเห้าไม่รอให้พระชายาจี้พูด ก็เอ่ยเสียงดุว่า “องครักษ์ของจวนอยู่ไหน“

ข้างนอกมีคนสองคนเดินเข้ามา “อยู่พ่ะย่ะค่ะ”

หยู่เหวินเห้าเอ่ยเสียงเย็น “เอาตัวแม่นมชีออกไป โบยสามสิบที”

พระชายาจี้มองแม่นมอย่างเจ็บปวดอยู่แวบหนึ่ง ริมฝีปากกระตุก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขอร้องอะไร ได้แต่ยกมือขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ให้องครักษ์เอาตัวออกไป

หยู่เหวินเห้าให้คนออกไปสังเกตการณ์เอาไว้ ไม่ให้ไว้หน้าใดๆทั้งสิ้น

พระชายาจี้ยิ้มเย็น “ต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ ท่านอ๋องจะถือสากับบ่าวรับใช้คนหนึ่งจริงหรือ”

“เข็มไม่ทิ่มแทงถูกเนื้อ พระชายาจี้จะไม่รับรู้ถึงความเจ็บ”หยู่เหวินเห้าได้ระบายอารมณ์แล้ว อารมณ์ก็ผ่อนคลายลงทันที

พระชายาจี้จ้องมองเขา ส่ายหน้า “ไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะไร้ความสามารถถึงเพียงนี้ การแสดงของผู้หญิงในวังหลังเหล่านี้ ก็เป็นสิ่งที่เห็นได้จนชินตาทั่วไปทั้งเมือง แต่ว่าสงครามระหว่างหญิงสาว ไม่เคยมีเอาบุรุษเข้ามาพัวพันด้วย ท่านอ๋องออกหน้าขนาดนี้ คงหนีไม่พ้นต้องถูกครหาว่าเป็นคนจิตใจคับแคบ”

หยู่เหวินเห้าแววตาเยือกเย็น “ยากนักที่วันนี้พระชายาจี้จะพูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา เช่นนั้นข้าก็จะพูดตรงๆเช่นกัน ถ้าเพียงแค่คิดจะทำร้ายหยวนชิงหลิงไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ก็เท่ากับหาเรื่องข้า ไม่มีเรื่องสงครามระหว่างหญิงสาวอะไรทั้งนั้น ท่านลงมือกับหยวนชิงหลิง ก็เท่ากับลงมือกับข้า ”

ทันใดนั้นพระชายาจี้หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา หัวเราะเสร็จ ก็ใช้มือเช็ดที่หัวตา “ช่างน่าขันจริงๆ ไร้สาระเสียจริง หรือเจ้าจะลืมเรื่องที่จวนเจ้าหญิงไปแล้ว หยวนชิงหลิงใส่ร้ายเจ้าอย่างไร เพราะนาง ทำให้เจ้าไม่ได้แต่งงานกับฉู่หมิงชุ่ย ไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลฉู่ เจ้าไม่เกลียดนางหรือ”

หยู่เหวินเห้าหัวเราะ “เกลียด ฉะนั้น นางเป็นศัตรูของข้าในชาตินี้ ใครจะแตะต้องนาง ล้วนต้องผ่านข้าไปก่อน ”

พระชายาหัวเราะเสียงเย็น “ในใจของน้องห้าคิดอะไรอยู่ ข้าก็เข้าใจดี ตอนนี้หยวนชิงหลิงเป็นที่โปรดปรานของไท่ซ่างหวง ทั้งยังตั้งครรภ์ สำหรับเจ้าแล้วคงมีประโยชน์มากสินะ ไม่รู้ว่าในใจของพระชายาฉู่จะรู้ถึงจุดนี้หรือไม่ หรือจะโง่เชื่อว่าน้องห้ารักนางด้วยใจจริง ต้องการให้ข้าหาคนไปเตือนนางสักหน่อยหรือไม่”

“แล้วแต่”หยู่เหวินเห้ายิ้ม “เพียงแต่เกรงว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะคิดไปเองว่าตัวเองฉลาด ต้องเสียแรงเปล่า ถ้าพี่สะใภ้ว่างมากขนาดนี้ ไม่สู้หาพื้นที่ฮวงจุ้ยดีๆไว้ให้ตัวเองสักผืนจะดีกว่า”

พูดจบ ก็หมุนตัวสะบัดแขนเสื้อจากไป

พระชายาจี้ใบหน้ามีรอยยิ้ม มองตามเงาหลังของเขาที่หายไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ค่อยๆแข็งทื่อ สายตามีแววเกลียดชังผุดขึ้น

แม่นมชีถูกโบยไปสามสิบที จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถูกองครักษ์ยกออกไป

แม่นมชีเป็นคนที่นางไว้ใจที่สุด ข้างกายมีนางคอยรับใช้จึงอุ่นใจ ตลอดเวลาสิบปีที่พึ่งพิงกันในจวนอ๋อง แม้จะเป็นนายกับบ่าว แต่ความรู้สึกกลับลึกซึ้งเหมือนแม่ลูก หยู่เหวินเห้ารู้เรื่องนี้ดี เขาช่างใจร้ายจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน