พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 649

บทที่649 โดนทำร้ายจริง ๆ

ฮองไทเฮาหัวเราะเสียงเย็น แต่ไม่อาจสะกดกลั้นเพลิงแค้นที่ฉายแววอยู่นัยน์ตาไปได้ “เจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนตาบอดหรือ?แผลบนใบหน้าเป็นนางทำตัวเองหรือ?”

หลีโม่ยื่นมือเรียวขึ้นโบกไปมา “กราบทูลฮองไทเฮา นี่ไม่ใช่นางทำร้ายตัวเอง เมื่อวานนี้นางตบตีกับมามาข้างกายของหม่อมฉัน อ๋องหลี่ชินเองก็ได้ทอดพระเนตรเห็นเรื่องนี้ อ๋องหลี่ชินยังบริภาษว่านางเป็นบ่าวไร้นาย อวดดีหยิ่งผยอง ทำตัวแข็งกร้าว ถึงได้ลงโทษไปเล็กน้อย การลงโทษนั้นก็มาจากองครักษ์ของอ๋องหลี่ชิน หาได้เป็นหม่อมฉันกระทำไม่เพคะ ”

พระชายาอ๋องหลี่ชินย่างเท้าออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องเป็นตามเช่นนั้นโดยแท้จริง ทาสชั้นเลวผู้นี้อวดเบ่ง คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตบตีกับมามาคนเก่าคนแก่ของตำหนักที่อยู่มาหลายปีต่อหน้าของนาย อีกทั้งเอาแต่พูดว่ามาตามพระบัญชา อวดดีเช่นนี้ ถ้าหากไม่ลงโทษ ต่อไปในภายภาคหน้าจะใช้ได้หรือ?ที่ทำให้ขายหน้าก็เป็นพระพักตร์ของฮองไทเฮาใช่หรือไม่?”

กล้ามเนื้อบนพระพักตร์ของฮองไทเฮากระตุกเกร็งอยู่สักพัก ถลึงตาจ้องมองไปที่พระชายาอ๋องหลี่ชินด้วยความดุดัน พระชายาอ๋องหลี่ชินเงยหน้าขึ้นมอง โดยที่ไม่ได้เกรงกลัวนางเลยแม้แต่น้อย

เมื่อก่อนนางลงโทษเหลาไท่จุน ทำให้ทุกคนตกใจ บัดนี้โดนผู้ชายของตนเองอีกทั้งหลีโม่ฉีกหน้าเสียย่อยยับ เป็นเพียงแค่เสือกระดาษ มีอะไรน่ากลัวกันเสียที่ไหน?

ฮองไทเฮาสะกดกลั้นเอาไว้ในใจ จ้องมองไปที่ เหลียงมามา “ที่พระชายาอ๋องหลี่ชินพูดล้วนเป็นเรื่องจริงหรอ?ถ้าหากว่ามีคนใส่ร้ายเจ้า เจ้าไม่ต้องกลัว มีข้าคนนี้ที่จะตัดสินให้กับเจ้าเอง”

คำพูดที่ลำเอียงเช่นนี้ ทำให้คนทั้งหมดในเหตุการณ์ส่งเสียงกันออกมาอื้ออึง

ซึ่งนางก็หาได้สนใจไม่ เพียงแค่ส่งสายตาเชิงให้กำลังใจต่อ เหลียงมามา

เหลียงมามาที่ฟันหลุดออกไปซี่หนึ่ง ริมฝีปากรู้สึกเจ็บปวดจนเริ่มชา พอได้ยินว่าตัวเองสามารถอธิบายชี้แจงได้ ก็รีบทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้แล้วพูดขึ้นว่า “ฮองไทเฮาทรงมีสายพระเนตรยาวไกล หม่อมฉันดูแลอยู่ข้างพระวรกายมานานหลายปี พระองค์ทรงทราบถึงนิสัยของหม่อมฉันเป็นอย่างดี หม่อมฉันเป็นคนอวดดีหยิ่งผยองแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?นับตั้งแต่ที่หม่อมฉันได้เข้าไปในตำหนัก ก็ได้จัดแจงให้คนในตำหนักให้กระทำทุกอย่างด้วยความเหมาะสม ทำให้ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ในวันนั้น มามาคนข้างกายของพระชายาหลงคิดเข้าข้างว่าตัวเองเป็นคนดูแลพระชายาเหลียงพิงที่เคยถูกขจัดไปก่อนหน้า เมื่อเห็นว่าหม่อมฉันเมื่อได้เข้าไปในตำหนักก็ได้รับการยอมรับจากผู้คน คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาทำศึกสู้รบกับหม่อมฉัน อีกทั้งยังไม่เคารพยำเกรงต่อฮองไทเฮา หม่อมฉันทนไม่ไหวจริง ๆ ถึงได้เอ่ยปากเพราะอยากให้นางหยุด ไม่มีใครเลยที่รู้ว่าหม่อมฉันต้องเหน็ดเหนื่อยมานานแค่ไหน ร่างกายก็อ่อนแอ อีกทั้งโมโหจนถึงขีดสุด ในจังหวะนั้นยืนไม่มั่นคงก็เลยชนนางเข้าให้ นางเลยใช้เรื่องนี้ทำเป็นล้มลงบนพื้น ในจังหวะนั้นพอดีอ๋องหลี่ชินเสด็จมา พระชายาก็จงใจด่าทอตำหนิ ทำให้อ๋องหลี่ชินทรงเข้าพระทัยผิดว่าหม่อมฉันทำร้ายหยางมามา แล้วก็ได้สั่งให้คนโบยหม่อมฉัน หม่อมฉันถูกใส่ร้ายนะเพคะ”

คำพูดอธิบายพวกนี้ หลีโม่พอได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่า……ช่างเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่รักษาหน้าจริง ๆ!

ฮองไทเฮาจ้องมองอย่างเยียบเย็นไปทางหลีโม่ “พระชายา ที่นางพูดนั้นเป็นความจริงไหม?”

หลีโม่พูดขึ้น “ฮองไทเฮา พระองค์ทรงเชื่อในหม่อมฉันและอ๋องหลี่ชิน หรือว่าเป็นนางกัน?”

ฮองไทเฮาส่งเสียงหึออกมา “นางอยู่กับข้ามาหลายปี ข้ารู้ว่านางไม่ใช่คนหยิ่งผยองอวดเบ่ง เรื่องนี้เกรงว่าจะมีลับลมคมใน”

หลีโม่พูดด้วยความทุกข์เศร้า “ถ้าหากว่ามีเรื่องลับลมคมใน เกรงว่าอ๋องหลี่ชินจะเป็นคนใส่ร้ายมามา ในเมื่อนางเป็นคนข้างพระวรกายของฮองไทเฮา หากหม่อมฉันยังยืนกรานบังคับเอาต่อไป จะเป็นการไม่กตัญญู ฮองไทเฮาทรงเก็บนางไว้รับใช้เถอะเพคะ”

ฮองไทเฮาชะงักแน่นิ่งไป พลันเก็บอารมณ์ในทันที “เรื่องนี้เดี๋ยวข้าค่อยพูด สำหรับเจ้าที่ว่านางเป็นคนขโมย ข้าอยากจะฟังว่านางจะพูดว่าอย่างไร”

ตอนนี้นางไม่กล้าพูดว่าอ๋องหลี่ชินเป็นคนใส่ร้ายนาง ถ้าหากว่าอ๋องหลี่ชินรู้ เกรงว่าเขาจะต้องเข้าวังมาหานางในตอนดึก ๆ ดื่น ๆ เพื่อมาพูดเรื่องนี้สั่งสอนนางเป็นแน่

“ก็ได้เพคะ”หลีโม่พูดขึ้นอย่างนิ่งสงบ พลางกระพริบตาปริบ ๆ ที่น่าประหลาดใจก็คือไม่มีคลื่นระลอกอารมณ์ใด ๆ

ฮองเฮาไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรมาโดยตลอด แต่ในตอนที่มามากำลังอธิบายแก้ตัวนั้น พลันก็พูดออกมาทันที “มามาเป็นคนที่ฮองไทเฮาพระราชทานไป คิดว่าไม่น่าจะมีความคิดละโมบ เป็นไปได้ไหมว่าเป็นทาสรับใช้ในตำหนักที่จงใจวางแผนใส่ร้าย?ในเมื่อจริง ๆ แล้วกฎเกณฑ์ในตำหนักก็ค่อนข้างผ่อนปรนมาโดยตลอด พอมามาและคนอื่นเข้าไป ทำให้ทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทาง ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกคนที่มีใจคิดเล่ห์เพทุบายเกิดความรู้สึกคั่งแค้นใจ ถือจังหวะในตอนที่พระชายาเสด็จกลับมา แล้วมีใจคิดทำเรื่องร้ายกาจนี้ขึ้นก็ไม่อาจจะรู้ได้ ”

ในจังหวะนั้นเองฮองไทเฮาก็จ้องมองไปทางฮองเฮาด้วยสายตาชื่นชม สีหน้าอารมณ์ของฮองเฮาไม่ได้แปรเปลี่ยน ยังคงยืนแน่นิ่งด้วยความเคารพยำเกรง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม