เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 226

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนใช้มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าว หลังจากกลับมาที่นั่ง เธอวางโทรศัพท์ที่ยังถือสายอยู่นั้นคว่ำลงบนโต๊ะ กลัวอูเจินจูจะเห็นอะไรบางอย่างในโทรศัพท์นั้น

“หน้าเธอเป็นอะไรอ่ะ? อูเจินจูใช้มือสัมผัสไปที่ใบหน้าของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “หน้าแดงอมชมพูหรือว่าเธอกำลังร่วมรักกับน้องเขยในโทรศัพท์?”

“โอ้ย~” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตบมือหล่อนแล้วพูดด้วยความหงุดหงิด “ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่พูดจาไว้หน้ากันหน่อยได้มั้ย?”

“ไม่เป็นไรหรอก พวกท่านเคยผ่านมากันหมดแล้ว ช่ำชองและรู้ลึกกว่าพวกเราเสียอีก” อูเจินจูพูดอย่างประหม่า

เอ่อ มีเพื่อนแบบนี้หนักใจจริงๆ! เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรีบใช้นิ้วโป้งปิดลำโพงอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวเซียวเซิ่งจะได้ยิน

แต่ถึงเขาจะได้ยินก็ไม่เป็นอะไร เพราะระดับความโหดร้ายของเซียวเซิ่งไม่แย่เมื่อเทียบกับกว่าอูเจินจู

เซียวเซิ่งมักใช้น้ำเสียงจริงจังพูดเลียบเคียงเกี้ยวพาราสีกับภรรยาของตัวเองด้วยคำพูดที่สุดจะเหลือทน แม้ว่าจะร้ายมานักต่อนัก แต่เสน่ห์ของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยยังคงพราวเสน่ห์เหมือนเดิม

แม้แต่คำว่าแผ่นดินไหวบนดาวฤกษ์ คิดออกมาได้ยังไง? น่าอายแทนดวงดาวมากแค่ไหน?

ชีวิตนี้หล่อนเคยไปยั่วโมโหใครเหรอ?

“กินข้าวกินข้าว…”น้าอูรีบเปลี่ยนเรื่องทันที แล้วตักอาหารให้ลูกสาวกับเสี่ยวเนี่ยน “เสี่ยวเนี่ยน หนูชอบกินสาคูมั้ย?

“เธอชอบกินมาก!” อูเจินจูรีบตอบแทนเพื่อนสนิท “ดูสิ ผิวพรรณของเสี่ยวเนี่ยนขาวใส เรียบเนียนเหมือนสาคู เพราะชอบกินสาคู

เซียวเซิ่งคนในปลายสายเขาจำไว้แล้ว แท้จริงแล้วเธอชอบกินสาคู พรุ่งนี้เขาจะทำให้เธอกินด้วยฝีมือของตัวเอง

เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จก็จะ3ทุ่มแล้ว ครอบครัวที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นยังต้องการไปร้องคาราโอเกะต่อ

หากไม่มีเซียวเซิ่ง เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนต้องไปด้วยแน่นอน แต่อีกใจของคนคลั่งรักก็อยากจะอยู่กับคนรัก คิดถึงเซียวเซิ่ง คิดถึงจังเลย…

“คุณลุงคุณน้าคะ หนูขอไม่ไปนะคะ ขอให้เที่ยวอย่างสนุกค่ะ”

“เธอเป็นห่วงว่าจะไม่มีความสุขเหรอ?” อูเจินจูได้ยินก็รู้สึกร้อนใจ

“พวกเราไม่ได้ร้องเพลงด้วยกันนานแล้วนะ ไปนะเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”

“ใช่แล้ว ถ้าเสี่ยวเนี่ยนไม่ไป พวกเราก็ไม่สนุกแล้ว”ชราสองคนเชิญชวนอย่างจริงใจ

เมื่อเห็นทั้งสามคนกระตือรือร้น ทำให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “หนูเพิ่งนัดให้สามีมารับที่ภัตตาคารอาหารตะวันตกตอนสามทุ่ม”

“ไอ้หมอนี่เห็นเซ็กส์ดีกว่าเพื่อน” เจินจูเดาทางเธอออก และพูดทิ้งๆขว้างๆว่า “เมื่อก่อนเธอเคยบอกว่าผู้ชายเหมือนเสื้อผ้า เพื่อนเหมือนพี่น้องไม่ใช่เหรอ? ผ่านมาไม่นานก็ทิ้งเพื่อนฝูงแล้วเหรอ? เสื้อผ้าสำคัญหรือว่าเพื่อนสำคัญล่ะ?”

“เสื้อผ้าสำคัญสิ เราสามารถเห็นคนไม่มีพี่น้องได้บนท้องถนน แต่ไม่เห็นคนวิ่งเปลือยกาย” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพูดด้วยความดื้อรั้น

“เธอ…”เจินจูเบ่งตาโตด้วยความโกรธ

ปลายสายเซียวเซิ่งมักมีสีหน้าเย็นชาเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ แต่วันนี้ใบหน้าของเขาสดใส เผยให้เห็นรอยยิ้มในแววตาอย่างชัดเจน ไม่มีใครรู้ว่าเขายิ้มเรื่องอะไร แต่ต้องเกี่ยวข้องกับภรรยาแน่นอน ทำเอาทุกคนอยากแต่งงานไปตามๆกัน

“เธอไม่ต้องไปบังคับหล่อน เสี่ยวเนี่ยนมีครอบครัวแล้ว ครอบครัวต้องมาก่อนสิ่งอื่น” น้าอู ลากลูกสาวขึ้นรถ “เสี่ยวเนี่ยนพวกเราไปก่อนนะ”

“บ้ายบาย”

หลังจากที่หล่อนส่งครอบครัวของเจินจูกลับไปแล้ว เสี่ยวเนี่ยนเดินกลับไปที่โต๊ะและหยิบโทรศัพท์แนบข้างหู หล่อนได้ยินเสียงจ้อกแจ้กจอแจจากปลายสาย ซึ่งในขณะะนั้นเซียวเซิ่งกำลังพูดคุยกับเพื่อนเขา น้ำเสียงที่แตกต่างมีเสน่ห์ของแต่ละคน

“ที่รัก พวกเขาไปกันหมดแล้ว ฉันไปหาคุณนะ”

“อืม มาสิ”เซียวเซิ่งตอบแล้วเปิดประตูเดินออกมา ขณะนั้นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็มาถึงหน้าประตูพอดี

เซียวเซิ่งยืนนิ่งไม่พูดอะไร แล้วยื่นมือที่ยาวเรียวสวยงามออกไป เมื่อทั้งสองคนประสานมือกัน กระแสไฟฟ้าก็ไหลไปทั่วร่างกายงดงามจนทำให้ผู้คนหัวใจกระพือ

เพิ่งจากกันไม่เท่าไหร่? ความคิดถึงเป็นเหตุ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น