อาศัยแสงจันทรามองไปยังใบหน้าของหนานกงเย่ซึ่งไม่ได้ซีดเซียวมากนัก ตรงกันข้ามกลับมีสีแดงอยู่บ้าง คงจะเดินเร็วเกินไปดังนั้นถึงได้เป็นเช่นนี้
ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็เถอะ ฉีเฟยอวิ๋นยังคงเป็นกังวลอยู่บ้างจีงทนไม่ไหวเลยตรวจสอบร่างกายของหนานกงเย่
เห็นเลือดบนร่างกายของเขาหยดลงยังบนพื้น ฉีเฟยอวิ๋นอดกลั้นหัวใจอันสั่นเทาแล้วถามว่า: "ได้รับบาดเจ็บตรงที่ใด?"
หนานกงเย่ไม่กล่าว ใบหน้านั้นเฉยเมยผิดปกติ
"ตอบสิ?"
หนานกงเย่ยังคงไม่กล่าวสิ่งใด ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้นั่งงอเข่าลงไปดูร่างกายของหนานกงเย่ทันที สองมือวุ่นอยู่กับการจับต้องร่างกายของเขา จากขาทั้งสองข้างขึ้นยังด้านบน
เหล่านางกำนัลและขันทีในวังเดิมยังยืนอยู่ ในตอนนี้ทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้น
หนานกงเย่ไม่กล่าวสิ่งใดเลยอยู่เช่นนั่น ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า: "ท่านไปดูแลการประหารหัวเหตุใดถึงได้เลือดท่วมตัวหล่ะ?"
“ข้าไปดูแลการประหารจริง คนของซู่ชินอ๋องไม่พอใจพุ่งเข้ามาในลานประหาร” คราวนี้หนานกงเย่กล่าวออกมาแล้วฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ไหวอยากจะร้องไห้ออกมา
พอนึกถึงอ๋องตวนและองค์จักรพรรดิอวี้ตี้เล่นหมากรุกและพูดคุยกันอยู่ด้านใน ส่วนหนานกงเย่กลับเป็นตายร้ายดีอยู่ด้านนอก ฉีเฟยอวิ๋นก็หายใจไม่ออก
“เช่นนั้นเหตุใดท่านไม่ให้ลูกสมุนบังท่านไว้หน่อย ท่านก็ไม่ใช่คนโง่นี่นา?”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นจากพื้นแล้วแตะแขนของหนานกงเย่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหา ฉีเฟนอวิ๋นประหลาดใจ: "ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บหรอกหรือ?"
หนานกงเย่เผยอมุมปากขึ้น แววตานั้นดังกับดวงจันทราจรัสแสง ราวกับว่าสามารถส่องสว่างไปทั่วทั้งปฐพีได้
ฉีเฟยอวิ๋นมองเขายิ้มอย่างเจิดจรัส ช่างน่าโมโหยิ่งนักแล้วยกมือขึ้นตบเขาทีหนึ่ง เนื่องจากใช้กำลังเสียงตบเพียะดังขึ้นมา
หนานกงเย่นั้นไม่เป็นไรกอดฉีเฟยอวิ๋นไว้ในอ้อมแขน แต่กลับเป็นผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
พระชายาเย่ช่างกล้ายิ่งนักถึงได้กล้าลงมือกับอ๋องเย่
เกิดข่าวลือภายนอกว่าพระชายาเย่เพื่อให้ได้แต่งงานเข้าจวนอ๋องเย่แล้ว กระทำการไม่มีขื่อไม่มีแปมาตลอด
ดูเหมือนว่าเป็นจริงตามเช่นนั้น แต่งงานกันแล้วยังคงไร้กฎระเบียบเช่นนี้
ฉีเฟยอวิ๋นโมโหอยู่ครู่หนึ่ง หนานกงเย่ไม่เป็นไรฉีเฟยอวิ๋นถึงยิ้มอีกมาได้
“ไม่โกรธแล้วหรือ?” หนานกงเย่กล่าวข้างๆหูของนาง ฉีเฟยอวิ๋นส่ายศีรษะ: “หากต่อไปท่านยังเป็นเช่นนี้อีกข้าจะกลับจวนแม่ทัพไป”
“กลับ ข้าตามไปก็ได้ ท่านพ่อตาชื่นชอบข้ามากเช่นนี้ข้ายังต้องกลัวหรือ?” หนานกงเย่ก้มตัวลงอุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นแล้วหันหลังเดินออกนอกวังไป
ทุกที่ที่พวกเขาผ่านก็จะมีคนคุกเข่าเรื่อยๆ
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังผู้คนเหล่านั้นแล้ว กลับรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ช่างบ้าบิ่นเกินไปแล้วหรือไม่นะ
ทอดพระเนตรดูทั้งสองคนจากไป จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงยืนอยู่บนแท่นชมจันทราเข้าสู่ยังห้วงลึกของความคิด
สวีกงกงเหลือบมองจักรพรรดิอวี้ตี้อย่างระมัดระวัง: "ฝ่าบาท อ๋องเย่จากไปเช่นนี้ซะแล้วพะย่ะค่ะ"
“มิฉะนั้นหล่ะ? เขาเข้าวังมาคิดว่าเพราะข้าหรือ?” จักรพรรดิอวี้ตี้หันหลังเสด็จไปจากแท่นชมจันทรา เสด็จลงจากบันไดทีละขั้นๆ
สวีกงกงรีบตามไปแล้วถามจักรพรรดิอวี้ตี้ว่า: "ฝ่าบาท พระองค์จะเสด็จไปทอดพระเนตรฮองเฮาหรือไม่พะย่ะค่ะ?"
“ไม่ไป คืนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีไปตำหนักสุ่ยฮัวเถอะ”
สวีกงกงชะวักอยู่ครู่หนึ่ง นึกถึงไม่กี่วันก่อนจักรพรรดิอวี้ตี้ทรงประทับอยู่ที่ตำหนักสุ่ยฮัวและทั้งสองยังคง......
สวีกงกงรีบกล่าวว่า: "ข้าน้อยจะไปบอกเดี๋ยวนี้พะย่ะค่ะ"
"ไม่ต้องแล้ว ไปเช่นนี้เลย" จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงต้องการหาใครสักคนพูดคุยด้วย ผู้ที่เป็นอย่างเช่นกับนางนั้น
จวินเซียวเซียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงคิดจะเสด็จมาก็เสด็จมา นางยังไม่ได้เตรียมตัวเลย
“หม่อมฉันขอถวายความเคารพฝ่าบาทเพคะ”
จวินเซียวเซียวรีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วแล้วจักรพรรดิอวี้ตี้ก็ทรงตรัสว่า: "เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ลุกขึ้นเถอะ"
จวินเซียวเซียวรู้สึกแปลกใจ ขอบพระทัยแล้วจึงลุกขึ้น
“ฝ่าบาทเสวยพระกระยาหารหรือยังเพคะ?” จวินเซียวเซียวถามขึ้น
จักรพรรดิอวี้ตี้แปลกพระทัย: “ไม่ได้เห็นข้าหลายวัน เหตุใดถึงไม่ถามข้าว่าไปจัดการกับความโกลาหลนอกวังหรือไม่?”
จวินเซียวเซียวตะลึงครู่หนึ่งแล้วยกชายกระโปรงขึ้นเพื่อคุกเข่าลง
จักรพรรดิอวี้ตี้สังเกตจวินเซียวเซียวและเห็นเงาของนางอยู่บ้างเล็กน้อย นางเป็นคนเฉลียวฉลาดเช่นนี้
ทอดพระเนตรไปยังจวินเซียวเซียวซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วจักรพรรดิอวี้ตี้ทรงถามว่า: “ช่วงนี้ร่างกายไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่?”
“กราบทูลฝ่าบาท ไม่เป็นไรแล้วเพคะ”
คราวก่อนที่จักรพรรดิอวี้ตี้เสด็จมาจวินเซียวเซียวปรนนิบัติชำระล้างพระวรกายให้จักรพรรดิอวี้ตี้ จักรพรรดิอวี้ตี้ไม่ได้มีความคิดใดๆ แต่ทั้งสองได้ใกล้ชิดสมพันธ์กันจึงหลีกเลี่ยงความใกล้ชิดของร่างกายไม่ได้
จวินเซียวเซียวบอกไปว่าร่างกายของนางยังไม่พร้อม จักรพรรดิอวี้ตี้จึงไม่ได้ทรงตรัสสิ่งใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ