นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 801

ห้าสิบโบย แถมยังเป็นการโบยแบบถึงเลือดถึงเนื้อ แบบนั้นไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต แต่เห็นได้ชัดว่าพยานของเขานั้นไม่ใช่พยานเท็จ ทุกอย่างที่พวกเขาพูดมาเป็นความจริง เมื่อทั้งสามคนถูกลากตัวออกไปลงโทษ พวกเขาก็มองมายังหัวหน้าฝ่ายคดีอาญา หวังว่าเขาจะพูดอะไรออกมาบ้าง

หมิงเตี่ยนเห็นใบหน้าอันมืดมนของหัวหน้าฝ่ายคดีอาญาก็รู้ทันทีว่าองครักษ์เสื้อโลหิตไม่มีทางออกหน้ามาช่วยพวกเขา เขาทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับความตายที่กำลังมาถึง

ส่วนทหารสองคนนั้นรู้สึกไม่พอใจ ดิ้นรนพร้อมกับตะโกนออกมา “ใต้เท้า ใต้เท้าช่วยข้าด้วย ใต้เท้าท่านจะต้องช่วยข้า พวกข้ามาที่นี่เพื่อช่วยองครักษ์เสื้อโลหิต ใต้เท้าท่านจะทอดทิ้งพวกข้าแบบนี้ไม่ได้ ช่วยข้าด้วย ใต้เท้าช่วยชีวิตข้าด้วย!”

“ลากพวกเขาออกไป รีบลากออกไป ปิดปากของพวกเขาไว้ โบยให้หนัก โบยให้ตายไปเลย” ไม่พูดจะดีกว่า ทันทีที่พูดออกมาใบหน้าของหัวหน้าฝ่ายคดีอาญาก็ยิ่งมืดมน

เจ้าพวกโง่ สิ่งชั่วร้ายพวกนี้มันพูดออกมาซึ่งหน้าได้ที่ไหนกัน เจ้าพูดเช่นนี้ออกมา มันไม่ได้หมายความว่าข้าเป็นคนติดสินบนพวกเจ้าเพื่อมาใส่ความเฟิ่งชิงเฉินอย่างนั้นหรือ หันหน้ากลับไปเผชิญหน้ากับผู้พิพากษาทั้งสาม ตี๋ตงหมิง ละยังมีเฟิ่งชิงเฉินที่ยืนอยู่โดยไม่พูดอะไร

หัวใจของหัวหน้าฝ่ายคดีอาญาเต็มไปด้วยความโกรธ กำลังจะพูดออกมาว่าองครักษ์เสื้อโลหิตของพวกเขาไม่เคยแอบสมรู้ร่วมคิดกับใคร แต่ทันทีที่อ้าปากออกมาก็เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นของเฟิ่งชิงเฉิน ดวงตาของนางราวกับสามารถฆ่าคนได้ หัวใจของเขาแข็งทื่อ มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในหัวใจ หลังจากนั้นไม่นานลางสังหรณ์ของเขาก็กลายเป็นความจริง

เฟิ่งชิงเฉินขจัดข้อสงสัยเกี่ยวกับการบุกไปชิงตัวนักโทษ ตอนนี้ก็ถึงคราวที่นางจะตอบโต้ ซุนซือสิงไม่ได้ถูกจวนเฟิ่งชิงตัวไป งั้นองครักษ์เสื้อโลหิตก็ต้องมอบตัวเขาออกมา

หัวใจของตี๋ตงหมิงราวกับกระจกสะท้อน แม้ต้องการสร้างปัญหาให้กับองครักษ์เสื้อโลหิต แต่ก็ไม่สามารถข้ามหน้าข้ามตาเฟิ่งชิงเฉินไปได้ และไม่มีทางริเริ่มโจมตีอีกฝ่าย แบบนี้จะเป็นการดีกว่า

“ใต้เท้า” เฟิ่งชิงเฉินก้าวออกไปด้านหน้า โค้งคำนับให้กับผู้พิพากษาทั้งสามด้วยความเคารพ “แม้ข้าจะถูกฟ้องร้องว่าเป็นผู้ก่ออาชญากรรม แต่ข้าก็ไม่มีเวลามากพอที่จะไปทำเรื่องเช่นนั้น และไม่มีความสามารถมากพอด้วย องครักษ์ในจวนเฟิ่งต่างยืมมาจากซู่ชินอ๋อง พวกเขาจะปกป้องความปลอดภัยของข้า แต่ไม่มีทาช่วยข้าทำเรื่องเลวร้าย หากท่านไม่เชื่อก็ลองถามตี๋ซื่อจื่อได้”

“ใช่ องครักษ์ทั้งหมดของจวนเฟิ่งเป็นคนจากจวนซู่ชินอ๋อง พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นทหารที่เคยผ่านสงครามและถูกปลดประจำการ ไม่มีทางทำเรื่องผิดกฎหมายเป็นแน่” ตี๋ตงหมิงแสดงความคิดเห็นออกมาในช่วงเวลาเหมาะสมพร้อมรอยยิ้มและแววตาที่เปล่งประกาย

องครักษ์เสื้อโลหิตทำให้ซู่ชินอ๋องของเขาขุ่นเคือง พวกเขาก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความโชคร้าย เขาไม่กล้าทำอะไรกับจักรพรรดิ แต่กับองครักษ์เสื้อโลหิตมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

คนอื่นอาจจะกลัวองครักษ์เสื้อโลหิต แต่ซู่ชินอ๋องไม่มีวันกลัว

“แฮ่ม แฮ่ม เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว แน่นอน แม่นางเฟิ่งเป็นถึงสตรีที่ได้รับการป่าวประกาศว่าเป็นผู้ภักดี จะมาทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร” ในตอนนี้หัวหน้าศาลต้าหลี่ยังจำสถานะและตัวตนของเฟิ่งชิงเฉินได้ ก่อนหน้านี้ที่ให้เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าลง เขารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก

รอยยิ้มและแววตาอันแสนเจ้าเล่ห์ปรากฏออกมาจากใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน ไม่แม้แต่จะมองคนขององครักษ์เสื้อโลหิตและจวนซุ่นหนิงโหว นางพูดกับผู้พิพากษาทั้งสามคนต่อไปว่า

“ใต้เท้า องครักษ์เสื้อโลหิตไม่อนุญาตให้ข้าเข้าไปเยี่ยมคนของข้าในเรือนจำ และยังกล่าวหาว่าข้าเป็นผู้ลักพาตัวผู้ต้องสงสัย ข้าไม่สนใจคำกล่าวหาที่ไม่เป็นจริงขององครักษ์เสื้อโลหิต ข้าเพียงหวังว่าองครักษ์เสื้อโลหิตจะให้ข้าได้เจอกับหมอเทวดาน้อยซุน ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย อย่างน้อยก็ต้องให้ข้าได้เห็นเขาสักครั้ง แบบนั้นถึงทำให้พวกข้าถึงมีความมั่นใจ” ในตอนท้ายสุดของคำพูด เฟิ่งชิงเฉินสะอื้นออกมา แต่ไม่ถึงขั้นร้องไห้ แค่มองไปทางองครักษ์เสื้อโลหิตด้วยความคาดหวัง

นี่มัน......ผู้พิพากษาทั้งสามมองหน้ากัน คำขอของเฟิ่งชิงเฉินนั้นสมเหตุสมผลมาก นางแค่ต้องการเห็นหน้าใครคนหนึ่ง มันไม่ได้มีความผิดอะไร

คนผู้นั้นถูกจวนซุ่นหนิงโหวส่งเข้าไปในองครักษ์เสื้อโลหิต ตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ แต่แน่นอนว่าหากเขาตายไปแล้ว เรื่องนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ

แม้ว่าการพิจารณาคดีขององครักษ์เสื้อโลหิต คนอื่นจะไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่คดีนี้ได้ตกมาอยู่ในมือของศาลต้าหลี่แล้ว ศาลต้าหลี่ก็ไม่สามารถนั่งมองอยู่เฉย ๆ ได้ หัวหน้าศาลต้าหลี่กล่าวออกมาว่า “หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาเชี่ยว คำขอและความต้องการของแม่นางเฟิ่งสมเหตุสมผล องครักษ์เสื้อโลหิตของพวกเจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ