ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 35

ลานบ้านเงียบสงบขึ้นมาทันที ผู้คนต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

เพียงไม่นานก็มีข่าวดีประกาศออกมา ว่าผู้ตรวจการฟื้นแล้ว แต่ว่ายังคงต้องเฝ้าสังเกตอาการต่อ ส่วนอาการของคนอื่นๆนั้นก็ดีขึ้นแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมาก สามารถกลับจวนได้

เหลิ่งชิงฮวนพักหายใจหายคอ

ทุกคนต่างแสดงความขอบคุณ อีกทั้งยังเชิญเหลิ่งชิงฮวนไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนในวันอื่น เหลิ่งชิงฮวนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม อย่างอ่อนโยนและเป็นมิตร

ตระกูลที่ซาบซึ้งใจมากที่สุดก็คงเป็นจวนของขุนนาง เหลิ่งชิงฮวนได้ขจัดภัยพิบัติร้ายแรงแทนพวกเขา ด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณอย่างมาก

เหล่าไท่จวินมองมู่หรงฉีที่ยังคงมีสีหน้าเย็นชา แล้วหันไปมองเหลิ่งชีฮวนที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปส่งสายตาให้กับฮูหยินเสิ่น

ฮูหยินเสิ่นเข้าใจในทันที กระแอมไอเบาๆ ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูด “ในเมื่อทุกคนต่างก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว งั้นขอเชิญไปพักดื่มชาเสียก่อนเถิด อย่ามัวเสียเวลาให้พระชายาได้ทำการแก้พิษให้กับท่านอ๋องเถอะ”

ทุกคนต่างก็มองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าระหว่างสองคนนี้นั้นมีบางอย่างที่ลึกซึ้ง นอกจากผู้ตรวจการแล้ว ทุกคนต่างก็เสนอตัวที่จะออกไปด้วยความเข้าใจ

เหล่าไท่จวินสั่งกับคนของตระกูลเสิ่น “มีพระชายาอยู่ เชื่อว่าท่านอ๋องจะอยู่อย่างสงบไม่ทะเลาะกันแน่นอน พวกเราก็กลับกันเถอะ”

ไม่นานแขกเหรื่อก็พากันแยกย้าย เสิ่นหลินเฟิงเองก็ได้รับการถอนพิษแล้ว แต่ก็ยังคงไม่วางใจ อยากจะอยู่ที่นี่ต่อ ก็ถูกฮูหยินเสิ่นส่งสัญญาณแล้วลากออกไปด้วย

มู่หรงฉีสีหน้าหมองคล้ำ เอ่ยปากอย่างเย็นชา “เด่นเกินหน้าเกินตา ตอนนี้เจ้าคงจะภาคภูมิใจมากละสิ?”

เหลิ่งชิงฮวนกระพริบตาอย่างประหลาดใจ “มาขอให้คนอื่นช่วยแล้วปากจะเน่าขนาดนี้ กลัวว่าเมื่อสักครู่นี้ท่านอ๋องจะแอบกินน้ำแกงเหลืองแล้วเหรอเพคะ?”

มู่หรงฉีมองที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นอย่างเปิดเผย ความโกรธที่เก็บไว้ในใจก็ประทุขึ้นมา “เหลิ่งชิงฮวน เจ้าอย่ามาได้คืบจะเอาศอก!”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มหัวเราะ “สีหน้าหมองคล้ำ วิกลจริต พูดจาเพ้อเจ้อ ดูเหมือนว่าพิษของท่านอ๋องจะถูกทิ้งไว้เป็นเวลานาน ป่วยหนักจนเกินจะเยียวยา เกรงว่าการรักษานั้นจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

ข้างกายของทั้งสองยังคงมีคนรับใช้เดินไปเดินมาอยู่ มู่หรงฉีไม่กล้าที่จะระเบิดโมโห จะตายก็ต้องตายอย่างมีศักดิ์ศรี พูดประชดประชันว่า “ข้าไม่เชื่อหรอกนะ ว่านอกจากเจ้าแล้วในใต้หล้านี้จะไม่มีใครสามารถแก้พิษของปลาปักเป้านี้ได้”

เหลิ่งชิงฮวนเล่นเข็มเงินที่อยู่ในมืออย่างไม่สนใจใยดี “มีสิเพคะ เยอะแยะจะตายไป หากท่านอ๋องไม่อยากจะเชื่อใจหม่อมฉัน งั้นก็จงไปเชิญผู้ปราดเปรื่องท่านอื่นเถิด”

“เหลิ่งชิงฮวน!”

สามคำนี้เล็ดลอดมาจากซอกฟันอย่างถากถาง กัดฟันด้วยความแค้น ราวกับอยากจะเคี้ยวสามคำนี้แล้วกลืนกินลงไป

เหลิ่งชิงฮวนหยุดอยู่กับที่ พินิจพิเคราะห์เขาอยู่แวบหนึ่ง รู้อยู่แล้วว่าเขานั้นไม่ยอมลดทิฐิลง จึงใจดียอมอ่อนข้อลงให้เขา “ยืนนิ่งเป็นเสาอย่างนั้น แขนขาคงจะชาแล้วอย่างแน่นอน ถึงได้ไม่ขยับเขยื้อนเลยนะเพคะ หม่อมฉันนึกว่าพรสวรรค์ของท่านจะต้านพิษได้ดีกว่าผู้อื่นเสียอีก แต่ก็แค่งั้นๆแหละ”

มู่หรงฉีฉีกขากว้าง ถลกชายเสื้อ แล้วสาวเท้าก้าวยาวๆเข้าไปในห้อง “ใครว่ากันล่ะ?”

เหลิ่งชิงฮวนแอบหัวเราะอยู่ในใจ นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์ ลูกผู้ชายสิบปีแก้แค้นก็ยังไม่สาย ดูเหมือนว่าโอกาสของตัวเองที่จะแก้แค้นนั้นได้มาถึงแล้ว ถ้าวันนี้ไม่แทงเจ้าให้กลายเป็นเม่นละก็ ข้าก็ไม่ใช่หมอหญิงเทวดาแห่งศตวรรษที่21

มู่หรงฉีเหมือนจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบ รีบหันกลับไปทันที มองเธอที่ทำสายตาเจ้าเล่ห์ “ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนเลยนะ อย่ามาเล่นลูกไม้กับข้า”

เหลิ่งชิงฮวนเอียงหัว “หรือว่าไม่มีใครเคยบอกท่านหรือ ว่าเจ็บป่วยก็ต้องฟังที่หมอพูดนะเพคะ? ท่านขู่หม่อมฉันเยี่ยงนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะใจฝ่อมือสั่น แทงท่านจนเป็นอัมพาตครึ่งซีกเหรอเพคะ?”

ตอนนี้มู่หรงฉีก็คือเสือที่ลงมาอยู่พื้นราบแล้วถูกสุนัขรังแก หงส์ที่ตกอับสู้ไก่ไม่ได้ เผชิญหน้ากับคนกล้าได้กล้าเสียอย่างเหลิ่งชิงฮวน ก็กล้ำกลืนฝืนทนอีกครั้ง “เมื่อสักครู่ข้าได้ใช้พละกำลังขับพิษออกมาจากท้องแล้ว ยังต้องรักษาอีกเหรอ?”

เก่งกาจเสียจริง ทำได้ด้วยงั้นเหรอ? เหลิ่งชิงฮวนเชิดคาง ทำบุ้ยปาก “ถอดเสื้อผ้าออกสิเพคะ”

“ถอดเสื้อผ้าทำไม?”

“ท่านไม่ถอดเสื้อออก ผิวหนังทั้งหยาบกร้านและหนา ถ้าหากว่าหม่อมฉันฝังเข็มไม่ตรงจุด ทำให้เข็มหักงอขึ้นมาล่ะเพคะ?”

“งั้นเมื่อสักครู่นี้ตอนที่ฝังเข็มให้คนอ่ืน เจ้าก็ให้พวกเขาถอดเสื้ออออกด้วยหรือไง?”

เขากวาดสายตาแหลมคมไปที่ผู้ตรวจการที่นอนเป็นผักขยับไม่ได้อย่างเยือกเย็น รังสีอำมหิตจนน่ากลัว สั่งให้พวกบ่าวของผู้ตรวจการทั้งหมดออกไป

ผู้ตรวจการที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน ได้ยินสองสามีภรรยาทะเลาะกัน ก็ฟังอย่าเพลิดเพลิน ตอนนี้เผชิญหน้ากับข้อซักถามของท่านอ๋อง พูดความไปจริงก็ทำให้ผิดใจกับพระชายา ถ้าไม่พูดความจริงในอนาคตตัวเองก็จะเดือดร้อน อยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่พักหนึ่ง มีเสียง “พรึ่บ” ตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้น แล้วเป็นลมล้มพับไปอีกรอบ

เหลิ่งชิงฮวนแอบเนียนๆด่าอยู่ในใจ หลังจากนั้นก็พูดเรื่องไร้สาระอย่างจริงจังกับมู่หรงฉี “ท่านต่างจากพวกเขา ประการแรก ตอนนี้พิษของท่านได้กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ไม่เหมือนกับพวกเขาที่อยู่แค่ตรงช่วงท้อง ประการที่สอง อย่างน้อยท่านก็ได้ชื่อว่าเป็นสวามีของข้า ไม่เห็นต้องหลบเลี่ยงอะไรเลยเพคะ”

มู่หรงฉีทำแก้มป่อง น่าจะกำลังเปรียบเทียบอยู่ระหว่างดื่มน้ำแกงมูลสัตว์กับเปลือยอกเปล่าต่อหน้านางนั้นสิ่งไหนรับได้มากกว่ากัน สุดท้ายก็กัดฟันแน่น แล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเหลิ่งชิงฮวน หันหลังให้แล้วนั่งลงทำเสียงฮึดฮัดบนตอไม้

เหลิ่งชิงฮวนแอบอมยิ้มอยู่ในใจ ดูแล้วการมีฝีมือนั้นไม่ว่ายามใดล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็น วิธีการแก้พิษมีหลายพันหมื่นวิธี คนอย่างฉีอ๋องที่ไม่มีความรู้การแพทย์ทั่วไปก็เชื่อแค่การดื่มน้ำแกงแบบนี้สินะ หรือว่าเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าน้ำแกงมูลสัตว์ช่วยเพียงแค่ให้อาเจียนออกมา สำหรับเขาแล้วไม่จำเป็นเลย? อะไรทำให้เขาเป็นกังวลไม่ยอมฟังกันนะ?

มู่หรงฉีอดกลั้นต่อความอัปยศ พร้อมกับเร่งรัด “ยังไม่เร็วอีก!”

“ท่านอ๋องท่านจะรีบอะไรขนาดนั้นเพคะ!”

น้ำเสียงของเหลิ่งชิงฮวนนั้นมีความสะบัดสะบิ้งเล็กน้อย อีกทั้งยังหน้าซื่อใจเหี้ยม มู่หรงฉีพึมพำเสียงเบา “น่าขยะแขยง”

เหลิ่งชิงฮวนไม่แยแสเลยสักนิดเดียว ฆ่าเชื้อเข็มเงินใหม่อีกครั้ง หันหน้ามา แล้วกวาดสายตามองไปที่แผ่นหลังที่สมบูรณ์ของเขา อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน

มู่หรงฉีเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ รูปร่างกระชับสมส่วน ลายกล้ามเนื้อแข็งชัด มีกลิ่นอายความเป็นแข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่ม ทว่าบนผิวหนังสีข้าวสาลีของเขานั้น มีรอยแผลเป็นตัดสลับอยู่ทั่วทุกบริเวณ โดยเฉพาะที่ไหล่ซ้าย รอยแผลเป็นที่นูนขึ้นยาวครึ่งฟุต ทั้งโหดร้ายและรุนแรง ทำให้คนที่เห็นนั้นอดที่จะรู้สึกเจ็บแน่น สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด แผ่กระจายไปทั่วร่างกายภายในพริบตาเดียว

เมื่อลองนับอย่างละเอียดดูแล้ว รอยแผลเป็นทั้งเล็กและใหญ่นั้นคาดไม่ถึงว่าจะมีมากกว่าสิบแผล เป็นที่น่าตกตะลึงจริงๆ

มือของเหลิ่งชิงฮวนสั่นระรัว ความคิดที่อยากจะล้อเขาเล่นนั้นหายวับไปในพริบตา สิ่งที่เข้ามาแทนที่ความคิดนั้นก็คือความเจ็บปวด

เกียรติยศของเขานั้นมีมาตั้งแต่กำเนิด แต่ด้วยเกียรติยศของการเป็นจักรพรรดิในวัยหนุ่ม อีกทั้งสถานะเทพเจ้าในสายตาของประชาชนชาวฉางอัน ทว่าเป็นสิ่งที่จับต้องได้ หลั่งเลือดเพื่อบ้านเมือง แลกด้วยชีวิต ชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งคนนี้ ภูมิใจในความหยิ่งของเขา

มู่หรงฉีรออย่างเงียบๆอยู่พักหนึ่ง ไม่เห็นว่าเหลิ่งชิงฮวนจะลงมือเสียที เอียงหน้ามา ก็เห็นนางจ้องมองตัวเองตาปริบๆ พูดอย่างจองหอง “กลัวเหรอ?”

เหลิ่งชิงฮวนเบะปาก “หม่อมฉันแค่กำลังพิจารณาแผลเป็นของท่านอยู่ต่างหาก รู้สึกว่าฝีมือการพันแผลของท่านหมอประจำจวนท่านนั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แย่มากเลยต่างหาก ครั้งหน้า ข้าจะช่วยท่านเอง เรียบร้อยสวยงามอย่างแน่นอน ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น”

“นี่เจ้ากำลังสาปแช่งข้าอย่างนั้นหรือ? เหลิ่งชิงฮวน เคยมีคนบอกเจ้าหรือไม่ ว่าปากของเจ้านั้นเน่ามาก”

“เหมือนกันนั่นแหละ”

ปากเสียแบบนี้ ภายในใจของเหลิ่งชิงฮวนที่เพิ่งรู้สึกสงสารเห็นใจนั้นถูกแทนที่ด้วยความแค้นและความเกลียดชังทันที ยิ้มเยาะอยู่ในใจ ก็หยิบขวดยาเล็กๆออกมาจากแหวนนาโน

มู่หรงฉีมองอย่างสงสัย “นี่คืออะไรน่ะ?”

เหลิ่งชิงฮวนพูดจาเพ้อเจ้ออย่างจริงจัง “แน่นอนว่ามันคือยาต้านพิษ ใช้ปลายเข็มจิ้มกระตุ้นจุดฝังเข็ม ได้ผลดีมากเลยทีเดียว”

มู่หรงฉีไม่ได้พูดอะไร ยอมรับโดยดุษดี

เหลิ่งชิงฮวนตั้งใจอย่างมากและยังระมัดระวังเป็นอย่างมากในการฉีดยาเข้าเส้นเลือดให้เขา ฝังเข็มขจัดพิษ ถือโอกาสบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฎในอดีตมาก่อน

มู่หรงฉีรู้สึกแค่ว่านิ้วมือของเธอนั้นค่อยๆเคลื่อนไปอยู่บนแผ่นหลังของตัวเอง หลังจากนั้นเข็มเงินก็แทงมาที่ผิวหนังจนคันๆและเจ็บเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆรู้สึกสงบลง ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเหมือนเมื่อสักครู่นี้ แล้วปิดตาลง

ผู้ตรวจการรออยู่ครึ่งค่อนวัน ไม่ได้ยินเสียงทั้งสองคนทะเลาะกัน รู้สึกว่าน่าจะปลอดภัยแล้ว จึงลืมตาขึ้นอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นหนังตาก็สั่นระริก เกือบจะดึงกลับไปอีกครั้ง

บนหลังของฉีอ๋อง คิดไม่ถึงว่าพระชายาฉีจะใช้เข็มเงินจุ่มสิ่งที่เหมือนกับน้ำหมึก ฮ่าฮ่า แทงเต่ารูปร่างอัปลักษณ์ตัวหนึ่ง น่าเกลียดมากจริงๆ ฝีมือนั้นห่วยมาก

ในฐานะฝ่ายโฆษกที่ซื่อตรงไม่ประจบสอพลอ ข้าควรที่จะลุกขึ้นทันที ตำหนิด้วยเหตุผลและสัจธรรมว่าการกระทำของพระชายานั้นไม่เหมาะสม แต่ว่าจะโดนฉีอ๋องที่โกรธจนอับอายฆ่าปิดปากหรือเปล่านะ?

หากข้างกายมีอิฐก้อนหนึ่งก็คงจะดี จะได้ทุบหัวตัวเอง ไม่ต้องมาพัวพันอย่างนี้

คนรับใช้ได้ยินเสียงด้านในเงียบกริบ ก็เป็นกังวลว่าชีวิตของเจ้านายตัวเองนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไร ชะโงกจากด้านนอกมองเข้าไปที่ด้านใน

ฉีอ๋องรู้สึกอับอาย จึงเร่งเร้าขึ้นอีกครั้ง “เสร็จหรือยังเนี่ย?ทำไมของผู้อื่นไม่เห็นจะยุ่งยากเท่านี้เลย?”

เหลิ่งชิงฮวนหยุดมืออย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋องก็คนกันเอง ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง โปรโมชั่นพิเศษ ดังนั้นก็เลยเพิ่มเข็มให้ท่านอีกสองสามเข็มน่ะ”

มู่หรงฉีใส่เสื้อผ้าอย่างเอื่อยเฉื่อย เย้ยหยันอย่างเย็นชา “ข้าหยั่งรู้ได้ว่าเจ้านั้นกำลังฉวยโอกาสระบายความโกรธอยู่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา