นายเป็นพ่อของลูก
ตอนที่8 แต่งงานกับผมได้ไหม
ตอนที่8 แต่งงานกับผมได้ไหม
ชุติภาสก้มลงไปอุ้มซีซั่นขึ้นมา มุมปากยิ้มอ่อนแล้วมองไปฝั่งของประยง“นายมองไม่ออกหรอว่าเราคือครอบครัว?”
ซีซั่นที่อยู่ในอ้อมแขนของชุติภาสโดยไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่เขาต้องให้ความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือหม่ามี๊ของเขา
ประยงมองไปยังใบหน้าใหญ่และเล็กสองใบที่คล้ายคลึงกัน อารมณ์ก็ค่อยๆ หดหู่ลง
“นายมีลูกนอกสมรส”
ชุติภาสยิ้มพลางตรงเข้าไปใกล้ประยง: “ไม่ใช่ลูกนอกสมรสสักหน่อย เดี๋ยวฉันก็จะแต่งงานกับญาอี๋ละ”
เขายืนอยู่ข้างหน้าประยง มองไปที่สายตาอันแหลมคม แล้วอย่างช้าๆ ชัดๆ ว่า “ดังนั้น ปล่อยผู้หญิงของฉันไปซะ”
“หล่อนเป็นของนายคนเดียวงั้นหรอ?” นิ้วของประยงค่อยๆ เก็บอย่างไม่รู้ตัว “มุมมองของนายยี่มันแย่จริงๆเลยนะ ผู้หญิงราคาถูกก็มองเข้าไปในดวงตาได้ แต่ก็ยังให้กำเนิดไอ้ลูกนังเมียน้อยตัวเล็กๆนี่ซะด้วยสิ ! ”
ใบหน้าเล็กของซีซั่นขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจแล้วหันกลับไปพูดว่า “ลูกของแกนั่นแหละเป็นไอ้ลูกนังเมียน้อย !”
ประยงจ้องเขม็งไปที่เจ้าหนูอย่างรุนแรง เขาไม่รู้ว่าทำไมยิ่งมองเด็กคนนี้ยิ่งรู้สึกถูกชะตา
ข้อมือของญาอี๋ถูกบีบแน่นขึ้นอย่างเจ็บปวด เธอขัดขืนอย่างไม่รู้ตัวแล้วใช้กำลังฟาดออกจากประยง
“คุณเกลียดฉันและซีซั่นบขนาดนี้ งั้นทีหลังก็ได้โปรดอย่ามาเสนอหน้าให้พวกเราเห็นอีกแล้วกัน !” เธอเดินไปข้างชุติภาสและหันกลับมาจ้องมองประยงอย่างโกรธแค้น “ดีแล้ว พวกฉันก็มองคุณไม่เข้าตาเหมือนกัน !”
เมื่อพูจบเธอก็กอดซีซั่น: “เราไปกันเถอะ”
ทั้งสามคนเดินไปด้วยกันอย่างกลมเกลียว เห็นแบบนี้ความอิจฉาตาร้อนผุดขึ้นมา!
ความฉุนเฉียวในอกของประยงก็ลุกขึ้น เขาโพล่งออกมา: “ญาอี๋ ฉันจะไม่ปล่อยเรื่องที่เธอคัดลอกงานไปง่ายๆ แน่ ! เธอจะไม่มีวันได้อยู่ในโลกแห่งการออกแบบหลังจากคืนนี้เป็นต้นไป !”
ทันใดนั้นชุติภาสก็ส่งเสียงขึ้น: “ญาอี๋ ไม่ต้องกลัวนะ ยังมีผมอยู่ทั้งคน”
ญาอี๋มองดูเขาอย่างซาบซึ้งใจ ไม่ได้สนใจสัตว์นรกข้างหลังเธอ เก็บข้าวของของเธอและออกจากบริษัท AY ไปให้ไกล
หลายปีที่ผ่านมา เธอศรัทธาในบริษัท AY แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะสกปรกขนาดนี้ หนำซ้ำยังเอางานออกแบบของเธอไปแฉอีก
นี่ยังไม่พอ ยิ่งยังจะโยนความผิดเรื่องเลียนแบบกลับมาให้เธออีก
บ้าชมัด!
“ญาอี๋” ในขณะที่ขับรถอยู่ชุติภาสก็เริ่มพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน เรียกความคิดของญาอี๋กลับคืนมา “เรื่องที่ผมพูดเกี่ยวกับการแต่งงานอ่ะ......จริงจังนะ คุณคิดอยากจะทำแบบนั้นไหม หลังจากนี้เราจะได้มีชีวิตทีดีแล้วก็ได้ดูแลซีซั่นเมื่อเขาโตขึ้น”
หัวใจของเธอบีบตัวลงพลางหันมองออกไปนอกกระจกรถ
เธอไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับชุติภาสและซีซั่นก็บอกตรงๆ แล้วว่าเขาไม่ได้ต้องการมีพ่อ ดังนั้นญาอี๋ไม่เคยที่จะยอมรับการสานสัมพันธ์กับชุติภาสเลย
ชุติภาสก็ไม่ได้บังคับเธอขนาดนั้นจึงหันกลับมาแล้วพูดว่า: “บริษัท AY น่ะมีตาแต่หามีแววไม่ งั้นตอนนี้คุณอยากจะไปบริษัทของผมไหม ? ผมอยากได้นักออกแบบที่ฉลาดแบบคุณน่ะ”
ญาอี๋ส่ายหัว “เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้......ฉันขอจัดการกับเรื่องการเลียนแบบก่อน”
เธอจะไม่ยอมให้ลันตารังแกเธอแบบนั้นอีก
ชุติภาสตอบอืมไปหนึ่งครั้ง แล้วพูดอย่างแน่วแน่ “ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ บอกมาได้ทุกอย่างเลยนะ ผมช่วยคุณได้แน่นอน”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ญาอี๋ก็เริ่มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคดีการลอกเลียนแบบทันทีและพร้อมที่จะสู้กลับ
แต่การลงมือของลันตานั้นเร็วกว่า เธอได้เอางานออกแบบของญาอี๋มาสร้างผลงานสำเร็จรูปและเอาไปเผยแพร่ในนิตยสารเป็นที่เรียบร้อย
ชุดของงานชิ้นนี้ ทุกรายละเอียดมีความละเอียดอ่อนมาก สีกลมกลืนกันอย่างประณีตและงดงาม เมื่อตีพิมพ์ออกมาทำให้เป็นที่สะเทือนวงการในทันที
และลันตาก็พูดออกไปอย่างไร้ยางอายว่านี่เป็นงานฝีมือที่เธอเร่งทำมา 6 ปี เพื่องานชิ้นนี้เธอทำข้ามคืนนับครั้งไม่ถ้วน แก้ไขภาพวาดนับครั้งไม่ถ้วน มันเป็นงานที่เธอพากเพียรพยายามมาก
นักข่าวและผู้ชมด้านล่างต่างพากันยกย่องทันทีว่าลันตาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบชั้นนำที่ยอดเยี่ยมตัวจริง รอมาเป็นร้อยปีเพื่อที่จะได้เห็นนักออกแบบที่อัจฉริยะแบบนี้......
เมื่อณาอี๋ได้ดูการรายงานและข่าวเธอก็กำมือแน่น
เธอหลับตาลง เธอบังคับตัวเองให้ตัวเองสงบลงด้วยการหายใจแรงๆ
เธอมีต้นฉบับของภาพวาดทั้งหมดและประวัติอีเมลที่เธอส่งไปให้ติวเตอร์ของเธอเมื่อหนึ่งปีที่แล้วเพื่อขอคำแนะนำ......มีหลักฐานมากมายขนาดนี้เธอไม่กลัวที่จะดีดยัยลันตาผู้หญิงที่ไร้ยางอายคนนั้น
เมื่อใจของเธอนิ่งลง เพิ่งจะเปิดคอมพิวเตอร์ก็มีสายจากลันตาโทรเข้ามาอย่างไม่คาดคิด