พ่อฮะ หนูจับได้หม่ามี๊คนหนึ่ง
บทที่165 รู้จักความพอเพียงเป็นหนทางแห่งความสุข1
บทที่165รู้จักความพอเพียงเป็นหนทางแห่งความสุข1
“กลับมาแล้วเหรอ?”
“อื้ม”
ฉินลี่เยี่ยไม่ได้ไล่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเฉียวอวี่ถงอยากพูด เธอจะบอกเขาเอง แต่ถ้าเธอไม่อยากบอกเขาก็จะไม่บังคับ
“ถงถง คุณพ่อคุณแม่บอกว่าการเตรียมงานแต่งของเราเหลืออีกไม่เท่าไรแล้ว”
“อ่า……” เธอไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไร “ต้องจัดงานแต่งจริงๆเหรอ?” พวกเราก็แต่งงานกันมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ไม่เรียกว่าการแต่งงานครั้งที่สองอย่างนั้นเหรอ
“เธอจะเรียกอย่างไรก็ตามใจ อย่างไรเสียเจ้าบ่าวก็ไม่เปลี่ยนคน”
ชุดแต่งงาน ชุดพิธี รูปแต่งงานล้วนเป็นฉินลี่เยี่ยที่รับผิดชอบ
เขาวางแผนว่าจะไปลองชุดวันอาทิตย์
“ต้องเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ช้าไปมากแล้ว”
เฉียวอวี่ถงพยักหน้า ก่อนหน้านี้ที่ตัวเองรับปากก็กำหนดไว้แบบนี้ “ตอนบ่ายฉันจะไปเยี่ยมคุณยายนะ จะเอาข่าวการจัดงานแต่งไปบอกผู้ใหญ่ด้วย”
“ได้เลย”
เฉียวอวี่ถงไปเยี่ยมคุณยายเฉียวอยู่บ่อยๆ สำหรับเฉียวหย่วนระหว่างพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
เรื่องที่เคยเกิดขึ้นนั้นยากที่จะอธิบาย
“เราพาอาจิ่นไปด้วย”
คุณยายเฉียวไม่ได้ใส่ใจฐานะของฉินลี่เยี่ย เธอสนใจแค่ว่าฉินลี่เยี่ยจะปฏิบัติต่อเฉียวอวี่ถงอย่างไรเท่านั้น
เรื่องนี้ไร้ข้อสงสัยอย่างสิ้นเชิง
บ้านพักคนชรา
ฉินลี่เยี่ยช่วยคุณยายเฉียวเลือกสถานที่ มีผู้เชี่ยวชาญดูแลและสิ่งอํานวยความสะดวก
“คุณยาย!”คุณยายเฉียวฟื้นฟูได้ดี “คิดถึงฉันไหมคะ”
“คิดถึงแน่นอนสิ”คุณยายเฉียวยิ้มไม่หุบ
“อาจิ่นก็มาด้วย”
ภายในห้องเต็มไปด้วยความสุข
แต่กลับมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งปรากฏตัว
เฉียวหย่วนก็มาด้วย
“ถงถงก็อยู่ด้วยเหรอ”ตอนนี้เขาไม่มีบริษัท ไม่มีอะไรเลย มีเวลาว่างเยอะเลยมักจะมาเยี่ยมแม่ที่บ้านพักคนชรา เดิมที่คิดว่าจะพาคุณยายเฉียวกลับไปอยู่ที่บ้านแต่ถูกคุณยายฉินปฏิเสธ
“เเม่”
“เห้อ……”คุณยายเฉียวรู้ได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เฉียวอวี่ถงไม่มีความสุข
เป็นธรรมดาที่ฉินลี่เยี่ยเป็นห่วงภรรยาของตัวเอง
“ถงถง ช่วงนี้พ่อเธอมาบ่อยเลยนะ วันนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากันพอดี ไม่ง่ายเลยนะ”คุณยายเฉียวรู้ว่าลูกชายรู้สึกผิดต่อหลานสาว แต่ก็ได้แค่พูดประนีประนอม
ตอนนี้ตระกูลเฉียวของพวกเขามีกันอยู่ไม่กี่คน สมัครสมานไว้สำคัญที่สุด
“อื้ม”
ฉินลี่เยี่ยอยู่อีกด้านอย่างไร้เสียง
เฉียวอวี่ถงซึมลงมากเพราะการปรากฏตัวของเฉียวหย่วน
อาจิ่นไม่เคยพบกันสักครั้ง “หม่ามี๊ นี่คือป่าปี๊ของหม่ามี๊เหรอ?”
เฉียวอวี่ถงจำไม่ได้แล้วว่าพวกเขาเคยเจอกันหรือไม่
คำถามของลูกเรียบง่ายมาก แต่เฉียวอวี่ถงกลับยากที่จะตอบ
ทางสายเลือดน่ะใช่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงล่ะ?
เฉียวหย่วนเอ่ยปากตอบ “อาจิ่น ฉันคือป่าปี๊ของหม่ามี๊เธอ แต่ฉันทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องทำให้หม่ามี๊ของเธอเจ็บปวดใจ”
“อ่อ” อาจิ่นครุ่นคิด
“อย่างนั้นคุณตาขอโทษหม่ามี๊สิคะ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องขอโทษ”
ไม่รู้ว่าอาจิ่นมีน้ำใจหรือไม่ได้ตั้งใจ สานสัมพันธ์ให้ทั้งสองอย่างสุดความสามารถ
เฉียวหย่วนทำตามนั้น
เขาขอโทษ
ถ้าอาจิ่นไม่อยู่เฉียวอวี่ถงไม่สนใจอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่ไม่มีถ้า
“หม่ามี๊ รีบตอบรับเร็วเข้า”อาจิ่นเร่ง “รู้ความผิดแล้วแก้ไขก็ดีที่สุดแล้ว”
“ได้ ฉันยกโทษให้คุณ”เฉียวอวี่ถงได้แต่รับมืออย่างนี้ไปก่อน
จะทำให้ลูกไม่ชอบใจไม่ได้
เฉียวหย่วนคิดอะไรได้หลายอย่างแล้ว ตอนนี้เขาอ่อนไหวจนน้ำตาไหลนองหน้า
น้ำตาแห่งความเสียใจในการกระทำของตัวเอง
“คุณยายครับ ผมกับเฉียวอวี่ถงวางแผนว่าจะจัดงานแต่งกันอีกครั้งนอกจากพวกเขาจะมาเพื่ออยู่เป็นเพื่อนคุณยายเฉียวแล้ว ก็ยังมีข่าวนี้ “ยังไม่ได้กำหนดวัน อีกไม่กี่วันพวกเราจะมาแจกการ์ดให้ด้วยตัวเองนะครับ”
“ดี ดี พวกเธอจัดการกันเองได้เลย เห้อ ฉันอายุปานนี้แล้วช่วยงานพวกเธอไม่ได้เลย……”
“คุณยายพูดอะไรน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ”
แม้จะรู้ว่าเฉียวอวี่ถงปลอบใจคุณยายฉิน แต่ก็ไม่สามารถไม่เลือกแบบนี้หรือเปล่า? พิธีแต่งงานเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในชีวิตมีเพียงครั้งเดียว โอเค พวกเรามีสองครั้ง แต่ก็ช่างเถอะจะกี่ครั้งก็ล้วนต้องให้สำคัญ
เฉียวหย่วนพูดไม่ออก ไม่มีใครเหลือช่องว่างให้เขาตอบเลย
ตอนที่ออกมาฉินลี่เยี่ยพยายามมองเฉียวอวี่ถง “อยากไปด้วยกันไหม”
“คุณยุ่งไม่ใช่เหรอ?”
“พ่อตาเขาอาจจะไม่ได้ขับรถมา”
“……ฉินลี่เยี่ย ใครเป็นพ่อตาคุณ!”เฉียวอวี่ถงต้องการคนที่จะอยู่ฝั่งเดียวกับเธอในการต่อสู้ ตัวเองยังไม่ยอมรับเฉียวหย่วนเป็นพ่อของตัวเอง เขากลับคำพูดใหม่ได้เร็วไปหรือเปล่า? คิดไม่ถึงว่าเขาจะไร้จุดยืนขนาดนี้