พ่อฮะ หนูจับได้หม่ามี๊คนหนึ่ง
บทที่183 ยืนหยัดที่จะหย่า
บทที่183 ยืนหยัดที่จะหย่า
นอนอยู่บนเตียง เหลือไว้แค่โคมหัวเตียงหนึ่งดวง
“ถงถง เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ พวกเราอายุตั้งยี่สิบกว่าแล้ว”
เมื่อก่อนก็เป็นเหมือนตอนนี้ ทั้งสองอธิบายภาพในอนาคตของตัวเอง
“เธอดูสิ ตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว ฉันถูกบังคับให้ออกเดต ไม่เหมือนกับที่พวกเราคิดกันไว้ตอนเด็กๆเลย”
ตอนนั้นเฉียวอวี่ถงพูดว่าตัวเองต้องแต่งงานช้ามากๆ ต้องรอให้เจ้าชายขี่ม้าขาวปรากฏออกมาถึงจะแต่งงาน แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่ เธอยังบอกว่าเธอจะแต่งงานตอนอายุยี่สิบสี่ แต่เธอเพิ่งจะฉลองวันเกิดอายุครบยี่สิบสี่ปีไป ตอนนี้ยังหาคนที่เหมาะสมไม่เจอเลย”
“ไม่พูดถึงแล้ว ไม่พูดถึงแล้ว!”
“ตู้โป๋เหวินก็จะแต่งงานแล้ว พวกเราทุกคนล้วนต้องเริ่มเส้นทางชีวิตอีกเส้นหนึ่งของตัวเองกันแล้ว”
“อื้ม”
“ถงถง เธอไม่เคยชอบตู้โป๋เหวินเลยหรอ?”
เฉียวอวี่ถงพยักหน้า “ฉันถือว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทมาตลอด ฉันรู้ว่าเขาดีกับฉัน แต่ฉันไม่มีทางยอมรับได้”
สงจื่อหยูนหัวเราะ “ที่จริงแล้วในชีวิตมีคนแบบนี้สักคนก็ดี สามารถทำดีกับเธอ ปกป้องเธอ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ตอนนี้เฉียวอวี่ถงไม่รู้เลยว่าชีวิตของตัวเองต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร?
กลับไปเป็นคนคนหนึ่งที่ไปทำงานทุกวันเลิกงานก็พักผ่อน กลัวอยู่นิดหน่อยว่าจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้
“คนเดียวก็ดี อยากทำอะไรก็ทำ อยากกินอะไรก็กิน อยากเล่นอย่างไรก็เล่นอย่างนั้น”
“ถงถง คนเดียวก็ดี สองคนก็ได้ ที่สำคัญที่สุดคือความสุขของตัวเองนะ”
เช้าตรู่ เฉียวอวี่ถงตื่นนอนก่อน พยาบาลวัดอุณหภูมิร่างกายและใส่น้ำเกลือให้เธอแล้ว สงจื่อหยูนถึงตื่น
“ถงถง เธอตื่นเช้าจัง!”
“แค่ตื่นเช้าน่ะ ฉันยังไม่ได้ลุกจากเตียงเลย”
ถ้าแผนไม่มีการเปลี่ยนแปลง วันมะรืนก็จะเป็นงานแต่งงานของฉินลี่เยี่ยและเฉียวอวี่ถง
ตอนนี้ฉินลี่เยี่ยยังไม่โผล่มา เฉียวอวี่ถงไม่ร้อนรน แต่สงจื่อหยูนรอแทบไม่ไหวแล้ว
แต่ตอนที่เธอโทรไปฉินลี่เยี่ยปิดเครื่อง
หาเขาไม่เจอเธอก็อดไม่ได้ที่จะโทรหาพี่ชาย ให้เขาช่วยหาฉินลี่เยี่ย
สงจื่อหยูนรู้ว่าเขาจะต้องตกใจ “เธอจะบอกว่าฉินลี่เยี่ยไม่อยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เที่ยงเมื่อวานเหรอ? แล้วยังไม่กลับมาเลย?”
กู้เจอ๋ออวี่อยู่ที่บริษัท ฉินลี่เยี่ยแต่ไหนแต่ไรไม่เคยไปเลย
“ฉันว่า ปัญหาครั้งนี้ยุ่งยากแล้ว”
หยวนโป๋ไม่พูดอะไรมาก แต่สิ่งที่พูดล้วนจับประเด็นสำคัญได้ “ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไปหาเฉาซวน พวกนายคิดดูสิ ในช่วงวิกฤติแบบนี้จะมีอะไรที่จะจับเขาไว้ได้อีก?
“อย่างนั้นก็ยุ่งแล้ว!”
“เห้อ……”
“หาเขาก่อนเถอะ ถามว่าเขาคิดอย่างไร เขาคิดจะหย่าจริงๆพวกเราไม่ว่าใครก็ฉุดไว้ไม่อยู่ ”เรื่องนี้เป็นความจริง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ตองเองไม่มีทางจัดการได้
ฉินฉิงทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าพอมาทำงานก็จะพบกับฉินลี่เยี่ย
“พี่ พี่มาทำอะไรที่นี่? ได้ยินว่าพี่สะใภ้อยู่อีกโรงพยาบาลหนึ่ง?”
“มีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ที่นี่น่ะ”
“อ่อ อยู่ห้องไหนล่ะ อีกสักครู่ฉันกับพยาบาลจะไปทักทาย ดูแลให้ดี”
“นั่น”ชี้บอกฉินฉิงไปทางห้องของเฉาซวนอย่างไม่ต้องคิด
โทรศัพท์ของฉินลี่เยี่ยแบตหมดแล้ว ได้เจอกับฉินฉิงพอดี “ฉันขอใช้โทรศัพท์หน่อยสิ”
“ได้สิ”
โทรศัพท์จากฉินฉิง เฉียวอวี่ถงรับสาย คนที่พูดกลับเป็นฉินลี่เยี่ย “ถงถง โทรศัพท์ผมแบตหมดแล้ว มื้อกลางวันจะกินอะไร ผมจะเอาไปให้”
“จื่อหยูนไปซื้อมาแล้ว ถ้าคุณยุ่งก็ไม่ต้องมา พวกเราหาเวลาจัดการเรื่องหย่าให้เป็นทางการ”
“ถงถง!”
ฉินลี่เยี่ยยังไม่ทันจะพูดจบ โทรศัพท์ก็ตัดสายไป
ฉินฉิงพบปัญหาแล้ว แล้วเขาก็เพิ่งจะถามไป ผู้หญิงที่อยู่ในห้องผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับฉินลี่เยี่ยขนาดนี้ เฉียวอวี่ถงไม่โกรธก็แปลกแล้ว
“พี่สะใภ้โกรธแล้วล่ะสิ พี่รีบไปหาเธอเถอะ เพื่อนพี่ฉันจะดูแลเอง”ฉินฉิงเอาโทรศัพท์คืนมาแล้วพูด
ฉินลี่เยี่ยมองไปทางห้องผู้ป่วยครั้งหนึ่ง
“โอเค อย่างนั้นรบกวนด้วยนะ”
แน่นอนว่าฉินฉิงต้องเข้าใจสถานการณ์ของผู้ป่วยสักหน่อยถึงจะกำหนดท่าทางของตัวเองได้
“พี่ชายฉันนอกจากพี่สะใภ้แล้วใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า?”
กู้เจอ๋ออวี่ถูกถามจนงงแล้ว ผู้หญิงคนอื่น? ปกติแล้วฉินลี่เยี่ยไม่แตะต้องผู้หญิงคนอื่นเลยหรือเปล่า?
“พี่รู้เรื่องผู้หญิงที่พี่ชายฉันส่งมาที่โรงพยาบาลและดูแลทั้งคืนคนนี้หรือเปล่า! ตอนนี้พี่สะใภ้ฉันโกรธแล้ว พี่ชายฉันไปแล้ว”
“อ่อ”กู้เจอ๋ออวี่เข้าใจแล้ว ที่แท้ที่พวกเขาทายกันก็ถูกต้อง “คือเฉาซวน?”
“……พี่จะบอกว่าเป็นแฟนเก่าคนนั้นของพี่ชายฉันเมื่อนานมาแล้วน่ะเหรอ?”
“ใช่”
“พระเจ้า!”ฉินฉิงก็มึนมาก
“ให้ฉันสงบใจหน่อย ฉันวางก่อนนะ”
ฉินลี่เยี่ยกลับมาแล้ว อวี่ถงและสงจื่อหยูนกำลังกินไปคุยไปหัวเราะไป การปรากฏตัวขงเขาทำให้บรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“พี่ลี่เยี่ย ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!”สงจื่อหยูนดูสีหน้าออก “ฉันอิ่มแล้ว พวกคุณคุยกันเถอะ ตอนบ่ายมีเดตพอดี ฉันต้องรีบไปแล้ว”
สงจื่อหยูนไปแล้ว
“อยากกินหน่อยไหม?”
“ฉันไม่หิว คุณกินเถอะ”
ฉินลี่เยี่ยช่วยเติมซุปในชามของเฉียวอวี่ถง
“วันนี้ฉันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว พวกเราไปสำนักงานกิจการพลเรือนกันเถอะ”เฉียวอวี่ถงกินอิ่มแล้วก็เช็ดปาก “ขอโทษนะ งานแต่งงานของพวกเราก็ไม่สามารถจัดได้แล้ว คงจะเสียเงินมาก แต่ฉันก็ไม่มีเงิน ไม่มีทางชดใช้ให้ได้ ติดไว้ก่อนนะ”
เฉียวอวี่ถงพูดพลางหัวเราะ “รอให้ฉันมีเงินแล้ว ค่าใช้จ่ายก้อนนี้ฉันจะคืนให้คุณ”
“ผมไม่หย่า พวกเราจัดงานแต่งกันตามปกติ”
“ฉินลี่เยี่ย! ถ้าคุณอยากแต่งงานก็ไปหาผู้หญิงคนอื่น ระหว่างเราจบแค่นี้”
เธอยืนกราน ตัดไปเสียตั้งแต่ต้นลม ถ้าอยู่ต่อไปไม่รู้ว่าปัญหาเรื่องเฉาซวนจะมีมาอีกกี่ครั้ง?
ไม่สู้จัดการให้เด็ดขาดดีกว่า
“คุณไม่สามารถเชื่อผมได้เหรอ?”
เฉียวอวี่ถงพยักหน้า “ใช่ ฉันขี้น้อยใจแล้วยังเอาแต่ใจ แถมเราชาติตระกูลฐานะก็ไม่เหมาะสมกัน พวกเราไม่เหมาะจะอยู่ด้วยกันจริงๆ”
“แต่ผมรักคุณ”
“อย่าพูดคำว่ารักง่ายๆ”เฉียวอวี่ถงใส่อารมณ์กับว่าสิ่งที่พูดนี้พูดบ่อยไป ความหมายที่ควรจะมีก็หายไปแล้ว “ตอนบ่ายว่างไหม? ฉันจะชวนไปหย่า”
“ไม่ว่าง!”ฉินลี่เยี่ยโกหก
ไม่เคยคิดจะหย่า
“คุณว่างตอนไหน?”เฉียวอวี่ถงถามอย่างอดทน
“ไม่มี ไม่มีตลอดนั่นแหละ ผมไม่สน พวกเราไม่หย่ากันเด็ดขาด!”
ฉินลี่เยี่ยไม่มีทางเลือก ยืนการนไม่ยอม
เฉียวอวี่ถงเงียบ
พวกเขาอยู่กันอย่างเงียบๆไปสองชั่วโมง
“พวกเธอสองคนคุยกันดีไหม?”คุณแม่ฉินพาเสี่ยวจิ่นมา บอกว่าจะให้พวกเขาดูเวลางานแต่งคร่าวๆ
“คุณแม่คะ พวกเราสองคนไม่มีงานแต่งแล้ว คุณแม่ไม่ต้องยุ่งยากแล้วล่ะค่ะ รบกวนคุณแม่แจ้งเพื่อนๆและญาติๆด้วยนะคะ”ฉินลี่เยี่ยไม่เอ่ยปากเฉียวอวี่ถงพูดเอง
“หย่า? ฉินลี่เยี่ย! แกทำอะไรอีก?”
เสี่ยวจิ่นเข้าใจคำว่าหย่าได้ชัดเจน “หม่ามี๊ อย่าหย่ากับป่าปี๊เลย พวกคุณเลิกกัน แล้วหนูจะทำอย่างไร?”
“เสี่ยวจิ่น เด็กดี นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ หนูยังเด็กตอนนี้ยังไม่เข้าใจ”
“แต่หนูอยากให้หม่ามี๊กับป่าปี๊อยู่ด้วยกัน”
เฉียวอวี่ถงก็ตัดใจไม่ลงแต่ก็มีทางเลือกอะไรอีกล่ะ?
“ถงถง เรื่องราวถึงขั้นนี้เลยเหรอ?”คุณแม่ฉินรู้สึกไม่เข้าใจสถานการณ์
ฉินลี่เยี่ยหนึ่งวันนี้ทำอะไรลงไป? ไม่ได้ปลอบเธอ ทำไมท่าทางรุนแรงกว่าเดิมอีก?
“ไม่ได้ พวกเธอหย่ากันไม่ได้!”คุณแม่ฉินแสดงท่าทางยืนกราน “ถ้าพวกเธอจะหย่ากัน ฉันจะไม่นับฉินลี่เยี่ยคนนี้เป็นลูกแล้ว!”
“ห้ะ?”เฉียวอวี่ถงไม่เข้าใจ “คุณแม่คะ เป็นหนูเองที่ขอหย่า”
“ฉันไม่สน พวกเธอคิดดูเอาเองแล้วกัน!”
ฉินลี่เยี่ยพยักหน้า “ถงถง อันที่จริงพวกเราไม่ได้ถึงขั้นต้องหย่ากันใช่ไหม?”
คุณแม่ฉินถึงอย่างไรก็อยากให้ทั้งสองคบกันต่อไป
“พวกเราจำเป็นต้องหย่า!”เฉียวอวี่ถงพูดยืนยัน “เดิมทีพวกเราสองคนก็ไม่ได้เหมาะสมกัน เลิกกันถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด”
“ถงถง!”
“พวกเธอปรึกษากันเอง! ถ้าพวกเธอไปสำนักกิจการพลเรือนก็ย้ายสำมะโนครัวตัวเองออกจากตระกูลฉินด้วย”คุณแม่ฉินแน่ใจว่าเฉียวอวี่ถงจะต้องเป็นห่วงฉินลี่เยี่ย ต้องตัดใจให้เขาไม่มีบ้านให้กลับไม่ได้แน่นอน “ฉันกับเสี่ยวจิ่นจะกลับก่อน”
ฉินลี่เยี่ยเห็นพวกเขากลับไปก็รีบปิดประตู
“เมื่อครู่คุณก็ได้ยินคุณแม่พูดแล้วไม่ใช่เหรอ ดังนั้นไม่ต้องโกรธแล้วโอเคไหม?”
“ฉินลี่เยี่ย ฉันไม่ได้โกรธ ที่ฉันพูดก็ไม่ใช่เพราะโกรธ จริงๆ พวกเราหย่ากันเถอะ!”
ฉินลี่เยี่ยพยักหน้า “ได้ คุณชวนผมหย่า พวกเราไปด้วยกัน”
ได้ยินคำตอบของฉินลี่เยี่ย เฉียวอวี่ถงกลับไม่รู้สึกโล่งใจหรือสบายใจเลย
……
งานแต่งงานของพวกเขา ฉินลี่เยี่ยแบกรับคนเดียว
“เตรียมของพร้อมแล้วใช่ไหม?”
“อื้ม”ฉินลี่เยี่ยพยักหน้า “คุณเอาเงินแล้วใช่ไหม?”
เฉียวอวี่ถงพยักหน้า
การทำเรื่องแต่งงานที่สำนักงานกิจการพลเมืองต้องต่อคิว ตอนนี้ทำเรื่องหย่าก็ต้องต่อคิว นี่แสดงให้เห็นว่าการหย่ากันของผู้คนมีเยอะใช่ไหม?
“คุณมีธุระเยอะไม่ใช่เหรอ สามารถทำให้เราไม่ต้องต่อคิวได้ไหม?”ตอนนี้สีโมงเย็นแล้ว ถ้ารอแบบนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะวนมาถึงพวกเขา “ครั้งนี้คุณอยากจะทำอะไรด้วยการใช้เส้นสายเหรอ
“ไม่ได้!”ฉินลี่เยี่ยเหมือนจะมีอะไรในใจ “ตอนพวกเราแต่งงานเป็นเรื่องดี ผมสามารถให้คนช่วยได้ ตอนนี้เป็นการหย่ายังหาคนช่วยอีก เสียหน้าเกินไปแล้ว!”
“เหอะ!”เฉียวอวี่ถงหงุดหงิด
ห้าโมง ด้านหน้าพวกเขายังมีคู่สามีภรรยาอีกสองคู่
ในที่สุดสิบนาทีต่อมาทั้งสองก็ได้เข้าไปแล้ว
“ทั้งสองท่านจะหย่า?”
“ใช่!”
“คิดดีแล้ว?”
“อื้ม”
ตอนที่พวกเขาแต่งงานฉินลี่เยี่ยจัดการเรื่องทะเบียนสมรสเอง เธอไม่มีสำเนาแม้สักฉบับ
“โอเค”
จัดการขั้นตอนได้อย่างราบลื่น
“โอเค คุณมีเวลาก็ย้ายของคุณออกจากบ้านไปเถอะ”
“แต่ผมต้องไปไหนล่ะ?”ฉินลี่เยี่ยไม่มีทางเลือก “คุณต้องพาผมไป”
เฉียวอวี่ถงถูกทำให้ตกใจ พวกเขาต่างหย่ากันแล้ว ให้พาเขาไปไหนอีก?
“คุณเองอยากไปไหนก็ไปที่นั่นสิ?ไม่เกี่ยวกับฉัน”