พ่อฮะ หนูจับได้หม่ามี๊คนหนึ่ง
บทที่184 ขอคุณแต่งงาน
บทที่184 ขอคุณแต่งงาน
ฉินลี่เยี่ยพยักหน้า “แต่ว่าคุณได้อ่านข้อตกลงการหย่าที่เขียนไว้หรือเปล่า”
“อะไร?”เฉียวอวี่ถงรีบเซ็นชื่อไป ในนั้นมีอะไรกันแน่? “คุณตรงนี้เขียนไว้ว่าอะไร?”เฉียวอวี่ถงเครียดขึ้นมาทันที
“คุณดูก็รู้แล้ว”ฉินลี่เยี่ยทำท่าทางไขสือ
“หลังจากหย่าแล้วเฉียวอวี่ถงต้องดูแลฉินลี่เยี่ยทั้งอาหารการกินและที่อยู่ รวมถึงแต่งงานกับฉินลี่เยี่ย หากไม่สามารถทำได้ต้องชดใช้ให้ฉินลี่เยี่ยหนึ่งร้อยล้าน”เฉียวอวี่ถงกัดฟันอ่านเงื่อนไขที่ตัวเองไม่ได้ระวังเมื่อครู่นี้
ฉินลี่เยี่ยหัวเราะ “ใช่แล้ว มีลายเซ็นของคุณ มีสองทางเลือก คุณว่าคุณไม่มีทางเอาเงินร้อยล้านมาให้ผมหรอก ดังนั้นพวกตั้งต้องอยู่ด้วยกันต่อไป”
เฉียวอวี่ถงถูกฉินลี่เยี่ยยียวนกวนประสาท
“”คุณทำผิดไปใช่ไหม!เฉียวอวี่ถงจ้องเอกสารที่ตัวเองเซ็นด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
“ถงถง ผมไม่ได้ทำผิด คุณเป็นคนที่ผมต้องอยู่ด้วย”
“ฉันไม่สน ฉันไม่มีเงิน! คุณไม่ต้องอยู่กับฉัน!”
แน่นอนว่าฉินลี่เยี่ยคิดแผนไว้ดีแล้ว “อย่างนั้นเอาแบบนี้ ผมขอคุณแต่งงาน แบบนี้เงินของผมก็คือเงินของคุณ คุณก็มีเงินแล้ว”สิ่งล่อใจก้อนโต
“ไสหัวไป!”
“ถงถง คุณคิดให้ดีนะ อย่างไรเสียเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน พวกเราแต่งงานกันก็สามารถใช้เงินร่วมกันได้ ดีมากๆเลยนะ”
“เหอะ! แต่งงาน! ฉันจะต้องผลาญคุณจนหมดตัว!”เฉียวอวี่ถงถูกฉินลี่เยี่ยทำให้โกรธจนไม่สามารถคิดวิเคราะห์ได้
พวกเขาแต่งงานโดยไม่ต้องต่อคิว ดังนั้นพูดได้ว่าพวกเขาหย่าและแต่งงานอีกภายในหนึ่งชั่วโมง
“การหย่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พวกคนอายุน้อยอย่างไม่คุณไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องนี้เลย หย่าแล้วแต่งงานอีก พวกคุณคิดว่านี่เป็นเรื่องเล่นๆเหรอ?”
เฉียวอวี่ถงยิ้มอายๆ
มองค้อนฉินลี่เยี่ย
“ขอให้พวกคุณมีความสุข”
“ขอบคุณ”
ทั้งสองออกมาจากสำนักงานกิจการพลเรือน เฉียวอวี่ถงพบว่าแล้วการยืนกรานของเธอล่ะ? เสียเวลาอะไรเนี่ย?
“เห้อ……”
“คุณอยากเดินเล่นใช่ไหม? พวกเราไปด้วยกัน?”
“ไม่ไป!”
ฉินลี่เยี่ยหัวเราะ “ไปเถอะ การ์ดของผมรอให้คุณใช้อยู่”ดึงมือของเฉียวอวี่ถงออกไป
“ตอนนี้เฉาซวนลำบากมาก ตอนแค่ช่วยในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ถ้าคุณไม่ชอบ ต่อไปพวกเราสองคนผมจะไม่สนใจอะไรอีก!
บางครั้งผมอาจจะทำเรื่องที่ไม่ถูกไปบ้าง คุณต้องเตือนผมนะ”
“ทะเลาะกับฉันสักยก!”
“อย่างนั้นก็ได้ คุณบอกมาว่าผมควรจะทำอย่างไร? คุณว่าอย่างไร ผมก็จะทำอย่างนั้น”ฉินลี่เยี่ยชำเลืองเฉียวอวี่ถง “คุณมีความสุขก็พอ”
เฉียวอวี่ถงหันหน้าไปทางหน้าต่าง
“ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เฉาซวนเหรอ? ผมก็ไม่รู้ ฉินฉิงอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าคุณอยากรู้ก็ถามเธอได้”
“ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน คุณอยากถามก็ถามเอง”
“ก็ไม่เกี่ยวกับผมเหมือนกัน”ฉินลี่เยี่ยพูดอย่างเยือกเย็น “ต่อไปเรื่องของเธอให้เจ๋อหยู่ช่วยก็พอ ฉินฉิงอยู่ที่โรงพยาบาลพอดี พวกเขาสามารถช่วยได้”
“คุณจะเลือกอะไรก็หยิบตามใจเลย!”
เฉียวอวี่ถงมีความคิดแปลกๆขึ้นมา “ฉันได้ยินว่าพวกคนรวยที่เลี้ยงเมียน้อยก็เป็นแบบนี้”
“คุณคิดมากไปแล้ว คุณเป็นภรรยาของบ้าน”
“ช่างเถอะ ฉันไม่ต้องดูอะไรพวกนี้แล้ว รู้สึกว่าเหมือนกันเกินไป”
ฉินลี่เยี่ยเอามือแตะหน้าผากเฉียวอวี่ถง “ยังดีนะ ไข้ลดแล้ว ทำไมยังงอแงอยู่”งงกับความคิดของเฉียวอวี่ถงก็ไม่ได้เข้าใจความคิดของเขาทั้งหมด
“จำได้ว่าเสี่ยวจิ่นบอกว่าอยากได้กระเป๋าหนังสือใหม่ พวกเราไปช่วยดูให้เขากันเถอะ”
“โอเค”
ความตั้งใจในการพลิกสถานการณ์เป็นผลสำเร็จ จิตใจของเฉียวอวี่ถงอยู่ที่เสี่ยวจิ่นหมดแล้ว ฉินลี่เยี่ยก็นับว่าปรับความเข้าใจกับเฉียวอวี่ถงได้สำเร็จแล้ว
“ถงถง งานแต่งงานของพวกเราน่ะ?”
“งานแต่งงานมีอะไรเหรอ?”
“เรื่องเพื่อนเจ้าสาวคุณกำหนดไว้อย่างไรบ้าง?”ฉินลี่เยี่ยพูดอย่างยิ้มๆ ไม่สามารถถามตรงๆได้ว่างานแต่งงานจะยังจัดอยู่ไหม? แบบนี้ค่อนข้างกระอักกระอวล “แย่ล่ะ ฉันก็ไม่รู้!”
ตอนนี้มีฉินฉิง ซือฉี และสงจื่อหยูน เพราะไม่กี่วันนี้ฉันคิดว่าจะหย่าก็เลยลืมไปหมดว่าตัวเองยังไม่ได้กำหนดเรื่องเพื่อนเจ้าสาวให้เรียบร้อย
“ไม่อย่างนั้นก็เอาแบบนี้แหละ ถึงอย่างไรก็ไม่สำคัญ ไม่ต้องใส่ใจรายละเอียดเล็กๆแบบนี้มากนักหรอก”
“อะไรนะ?”ฉินลี่เยี่ยเหมือนถูกฟ้าผ่า
ผู้หญิงไม่ได้ชอบใส่ใจรายละเอียดเหรอ?ตอนขอแต่งงานต้องแสดงออกให้ดี ตอนแต่งงานก็ต้องโรแมนติกมีและความหมาย ทุกๆวันสำคัญล้วนต้องฉลอง
“ไม่อย่างนั้นคุณก็ช่วยหาให้ฉัน ฉันอย่างไรก็ได้ ฉันไม่มีเพื่อนแล้ว”สมองของเฉียวอวี่ถงค้นหาแล้วรอบหนึ่งก็หาคนที่เหมาะสมไม่ได้
หรือพูดได้ว่าตอนนี้ที่เมืองจิ่นเฉิงไม่มีคนที่เหมาะสม ตอนมหาวิทยาลัยมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ดีกับเธอ ทั้งสองรู้จักกันตอนเข้าร่วมกิจกรรม จากนั้นก็ช่วยเหลือเธอไว้ไม่น้อย ตอนนี้คิดๆดูแล้วก็ซาบซึ้งมาก แต่หลังจากที่รุ่นพี่เรียนจบไปก็ไปต่างประเทศ พวกเขาติดต่อทักทาย ถามสารทุกข์สุกดิบกันเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าแต่ละคนชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง เรื่องที่ตัวเองแต่งงานอีกฝ่ายก็ไม่รู้
เฉียวอวี่ถงคิดออกแล้ว หวังว่าจะลองดูสักหน่อย “ไม่อย่างนั้นฉันจะถามดูหน่อย?”
ฉินลี่เยี่ยพูดพลางยิ้ม “คิดออกว่ามีใครมาได้แล้วเหรอ?”
“ยังไม่แน่นอนนะ ฉันว่าสึกว่ารีบร้อน เห้อ ก่อนหน้าน่าจะทักทายเธอสักหน่อย”
“ไม่เป็นไร เพียงแค่เธอเต็มใจที่จะมี คุณเห็นว่าเธอสำคัญผมก็จะหาหนทางให้ ดูแลค่าใช้จ่ายให้เธอ”ฉินลี่เยี่ยเป็นคนร่ำรวยที่แท้จริง การแต่งงานต้องไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง
เฉียวอวี่ถงมองเขาแวบหนึ่ง “ที่ฉันพูดคือเพื่อนจริงๆโอเคไหม? คุณคิดดูสิ คุณเคยพูดปัญหาเรื่องเงินเวลาคุยกับพวกกู้เจอ๋ออวี่ไหม?
ถ้ามีความรู้สึกดีๆก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผลประโยชน์
“โอเค อย่างนั้นคุณก็ติดต่อให้เร็วที่สุด แน่นอนแล้วก็บอกผมว่าจะให้ทำอย่างไร”
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเช้ายังยืนยันว่าจะหย่า ตอนนี้ทั้งสองถกเถียงกันเรื่องการแต่งงานอย่างกระตือรือร้น
เฉียวอวี่ถงยังมีอะไรติดอยู่ในใจ “ฉินลี่เยี่ยฉันถามคุณอย่างหนึ่ง”
“อื้ม?”
“ถ้าฉันกับเฉาซวนตกน้ำพร้อมกันคุณจะช่วยใคร?”
ฉินลี่เยี่ยรู้สึกอึกอัก ในชีวิตสามารถพบกับเหตุการณ์นี้ได้หรือ “……”
แต่ถามมาแล้วก็จำเป็นต้องตอบ
ปัญหาโลกแตกก็จำต้องเผชิญหน้า
“ผมต้องช่วยคุณอยู่แล้ว ผมรักคุณ และคุณก็ว่ายน้ำไม่เป็นด้วย”
“เฉาซวนว่ายเป็นเหรอ?”
ฉินลี่เยี่ยพยักหน้า
“ถ้าเธอว่ายน้ำไม่เป็นล่ะ? คุณจะทำอย่างไร?”
“ก็ต้องช่วยคุณอย่างแน่นอน!”
ฉินลี่เยี่ยรู้ว่าไม่มีคำว่าถ้า และตอบแบบเฉียวอวี่ถงก็จะดีใจ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าในอนาคตต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจเลือกระหว่างทั้งสอง ตอนนั้นคำตอบของเขาจะตอบว่า อย่างไร?
“ช่างเถอะ ฉันรู้ ถ้าใครถามคำถามนี้ต่อหน้าคุณก็จะช่วยคนนั้น”
“……” ฉินลี่เยี่ยน้อยใจเป็นที่สุด
ทั้งสองตอบโต้กันอย่างสนิทสนม จนไปเข้าตาของเพื่อนคนหนึ่ง
“อวี่ถง คุณฉิน”
“เจิ้งอี้บังเอิญจัง”เฉียวอวี่ถงทักทายความเป็นธรรมอย่างร่าเริง “นายมาเลือกอะไรเหรอ?”
“ฉันแค่มาเดินๆเรื่อยๆน่ะ งานแต่งงานของพวกคุณจัดขึ้นมะรืนนี้ใช่ไหม?”
“ใช่ ยินดีต้อนรับนะ”ฉินลี่เยี่ยค่อยๆรู้สึกไม่ถูกคอกับเจิ้งอี้ อย่างน้อยเขาก็ปฏิบัติกับเฉียวอวี่ถงไม่เหมือนกัน นี่ก็พอให้เขาระวังตัวขึ้นมา และไม่กี่ครั้งนี้ที่พวกเขามีปัญหาที่กลืนมาไม่เข้าคายไม่ออกก็ล้วนมีเจิ้งอี้ปรากฏตัว
เจิ้งอี้พยักหน้า “โอเค ฉันต้องไปแน่ และก็เตรียมของขวัญแต่งงานชิ้นใหญ่ไว้ให้เธอชิ้นหนึ่งด้วย”
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก”
“สมควรน่ะ”
อวยพรเสร็จสรรพก็แยกกันไป
……
ตอนที่ถังจิงและตู้โป๋เหวินกลับถึงบ้าน คนในตระกูลถังล้วนอยู่ที่นั่น รวมถึงคุณลุงผู้อาวุโสของถังจิง
“แม่คะ แม่ทำอะไรคะเนี่ย? เล่นใหญ่ขนาดนี้?”ถังจิงสังเกตดูก็รู้สึกได้ว่าเป็นการบังคับให้แต่งงาน พระเจ้าช่วย พื้นที่เงาในใจของตู้โป๋เหวินจะมีอยู่เท่าไรกัน?
“ไม่มีอะไรก็แค่เป็นโอกาสที่หาได้อยากในการรวมตัวของตระกูลเราที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้วน่ะ”การบังคับแต่งงานเป็นความจริง แต่ไม่สามารถแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งได้ แม้ว่าจะหมั้นกันแล้วแต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ได้แต่งงาน ตอนนี้มีลูกแล้วก็ถือว่าเร็วมาก
“สวัสดีครับคุณป้า”ตู้โป๋เหวินอยู่ท่ามกลางตระกูลใหญ่ เป็นคนเดียวที่ไม่คุ้นเคยกับคนในบ้าน แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอย่างไม่เหมาะสม
“สวัสดีจ่ะโป๋เหวิน! ว่องไวจริงๆ รวบรัดเวลา ตอนนี้ลูกก็มีแล้ว ถังสิงเธอน่ะเป็นพี่ชายสู้น้องสาวไม่ได้เลยนะ?”
ถังสิงคิดว่าวันนี้จะพูดกันแค่เรื่องของถังจิง ไม่คิดเลยว่าตัวเองก็จะถูกดึงเข้าเรื่องนี้ไปด้วย
“ผมไม่รีบครับอย่างไรเสียตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ก็มีหลานให้อุ้มแล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
ถังจิงสังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของตู้โป๋เหวิน ไม่ได้หวังว่าจะเห็นท่าทีไม่สบายใจของเขาระหว่างที่ทุกคนคุยกัน
ที่เธอท้องเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เขาไม่อยากมีลูก ไม่ได้ชอบตัวเอง
คำพูดพวกนี้เหมือนคำสาปที่วนเวียนอยู่ข้างหูเธอ
“โป๋เหวิน พวกเธอคิดว่าจะแต่งงานกันเมื่อไร?” ท้องของถังจิงโตขึ้นทุกวันทุกวัน ยิ่งนานก็ยิ่งไม่สะดวก”
ถังจิงคิดว่าตู้โป๋เหวินจะเงียบหรือหลีกเลี่ยง
“ผมคิดว่าผมจะจดทะเบียนสมรสกับถังจิงก่อน รอลูกคลอดแล้วค่อยจัดงานแต่งน่ะครับ”
นี่เป็นคำตอบที่เขาคิดมาตลอดทั้งทาง สอดคล้องกับสถานการณ์ตอนนี้มาก
“จดทะเบียนสมรสกันก่อน?”ทุกคนกำลังครุ่นคิดว่านี่คือวิธีแก้ปัญหาที่ดีแล้วแล้วใช่หรือไม่?
“ก็ดี จัดงานแต่งงานตอนท้องไม่ปลอดภัย”นายท่านถังยกแก้วขึ้น “ถึงตอนนั้นพวกเราคนในตระกูลมาสังสรรค์กันหน่อย จัดงานเลี้ยงเล็กๆ รอให้หลานฉันคลอดแล้วค่อยแต่งงาน
มา ทุกคนดื่มกัน!”
ถังจิงชอบใจการจัดแจงของตู้โป๋เหวินมาก ทะเบียนสมรสมีความหมายกว่าลมปาก
และเธอก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของตู้โป๋เหวินด้วยตาของตัวเองแล้ว
“ได้ ถังจริงเธอว่าอย่างไร?”
“ฉันเอาตามโป๋เหวินค่ะ”
ที่โต๊ะอาหารตู้โป๋เหวินดูแลถังจิงอย่างดี นี่ไม่ใช่เพราะอยู่ที่บ้านถึงแกล้งทำ ช่วงนี้พวกเขาเป็นแบบนี้ตลอด ตัวติดกัน ปฏิบัติกับถังจิงอย่างดี ทีแรกถังจิงไม่คุ้นเคย ตอนนี้ค่อยๆเคยชินแล้ว