ภายในวังเฉียนคุน
ไท่ซ่างหวงสนทนากับจักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยอยู่ครู่หนึ่ง ก็อ่อนเพลียแล้ว จึงให้พวกเขาออกไป แม้แต่แพทย์ประจำพระองค์ก็ต้องออกไปเช่นกัน เหลือเพียง หยวน ชิงหลิงอยู่ในวังเฉียนคุนเพียงลำพัง
ก่อนที่จักรพรรดิหมิงหยวนจะออกไป ก็มอง หยวน ชิงหลิงด้วยสายตาที่มีความนัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ภายในวังเงียบสงัด ผ้าม่านมืดมิด แม้แต่ลมก็เล็ดลอดเข้ามาไม่ได้
หยวน ชิงหลิงยืนอยู่ข้างเตียง เพียงครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี
ไท่ซ่างหวงเดิมทีที่กำลังพักสายตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา กวาดสายตาอย่างเยือกเย็น พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “คุกเข่า!”
หยวน ชิงหลิงค่อย ๆ ย่อลงไปคุกเข่า ท่านั่งคุกเข่าของเธอ สำหรับเธอแล้ว ยังสบายกว่านั่งปกติ สรุปก็คือ ตอนนี้ยาต้มจื่อจินหมดฤทธิ์แล้ว รูขุมขนบนร่างกายกำลังทะลุคำว่าเจ็บออกมา
“เจ้ามีความผิด?” ไท่ซ่างหวงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หยวน ชิงหลิงรู้ว่าไท่ซ่างหวงไม่ลงโทษเธอจริง ๆ หรอก อย่างน้อยช่วงวิกฤตอย่างตอนนี้คงไม่ ขอเพียงแต่พระองค์ยังมีความโหยหาต่อโลกใบนี้ ตนก็จะเป็นกำลังเดียวของพระองค์
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเงยหน้าขึ้น ตอบกลับไปอย่างจริงใจ “มีเพคะ”
“ผิดมากจากไหน?”
“ทักษะทางการแพทย์ไม่สูงนักแต่โดดเด่น” หยวน ชิงหลิงเลี่ยงหนักไปเบา
ไท่ซ่างหวงพูดอย่างเย็นชา “เป็นประโยคที่ดีทักษะการแพทย์ไม่สูง แต่เจ้ากลับไปตัดสินว่าพวกหมอหลวงเป็นพวกหมอเถื่อน”
หยวน ชิงหลิงพอฟังประโยคนี้ ใจที่กำลังว้าวุ่นอยู่ก็สงบลง ในเมื่อไท่ซ่างหวงได้รับรองทักษะทางการแพทย์ของเธอแล้ว ทุกอย่างก็จะพูดง่ายขึ้น
ผลที่ตามมา ไท่ซ่างหวงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มานั่งนี่ บอกอาการป่วยของข้า จะตายหรือมีชีวิตอยู่ หรือตายเมื่อไหร่ และหากมีชีวิตอยู่อยู่ได้ถึงเมื่อไหร?”
หยวน ชิงหลิงค่อย ๆ ยืนขึ้น พูดว่า “ยังไม่กล้าตัดสินเพคะ หม่อมฉันยังต้องขออนุญาตพระองค์ทำการตรวจอีก”
“งั้นจะยืนเฉยอยู่ทำอะไร? เข้ามาวัดชีพจรสิ ”
ไท่ซ่างหวงมอง หยวน ชิงหลิงที่ไม่รู้ว่าเอาของหน้าตาประหลาดมาจากที่ไหนใส่ไว้ในหู เธอยิ้มอ่อน ๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เรามาฟังเสียงหัวใจก่อนนะเพคะ…”
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไท่ซ่างหวงกระตุกมุมปากขึ้น พูดด้วยความโมโห “ของเล่นพวกนี้นี่มันอะไรกัน? อยากให้ข้าแข็งตายหรือ?”
หยวน ชิงหลิงถอดเครื่องฟังเสียงหัวใจออกมา ใส่เข้าไปในหูของไท่ซ่างหวง พูดเบา ๆว่า “ ชู่วว พระองค์ตั้งใจฟังนะเพคะ”
จากใบหน้าที่ฉุนเฉียวของไท่ซ่างหวงก็ค่อย ๆ เย็นลง ๆ สายตาว่างเปล่า เงียบอยู่ครู่หนึ่ง พระองค์กล่าว “นี่มันเสียงหัวใจเต้นของข้า!”
หยวน ชิงหลิงพยักหน้า “ใช่เพคะ ฟังดูเหมือนจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร แต่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ กลัวก็แต่ยมบาลจะยังไม่พาพระองค์ไปนี่แหละเพคะ”
“บังอาจ!” ไท่ซ่างหวงเหยียดคิ้วตรงมองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น
หยวน ชิงหลิงรีบลงไปนั่งท่าคุกเข่าทันที “ขอประทานอภัยเพคะ”
“ช่างเหอะ คุกเข่าทำไม มานั่ง” ไท่ซ่างหวงถอนหายใจออกมา ขอประทานอภัยกับผีอะไร?
หยวน ชิงหลิง ยิ้มแบบขมขื่น “ไม่กล้านั่งเพคะ”
ไท่ซ่างหวงมองเธอด้วยสายตาจืดชืด “แผลนั่นไปทำอะไรมา”
หยวน ชิงหลิงชะงักไป
มองออกได้ยังไงว่าเธอบาดเจ็บ?
“เจ้าหายใจเข้าเป็นครั้งคราวแบบเจ็บปวด เห็นข้าเป็นคนหูหนวกหรือ? มือของเจ้าที่แตะบนหน้าผากข้าร้อนไปหมด มีไข้ เกิดอะไรขึ้น?” ไท่ซ่างหวงพูดเรียบ ๆ
หยวน ชิงหลิงนึกถึงเรื่องที่เจอวันนั้นตรงจวนอันมืดมนไร้แสง ความเศร้าโศกและขุ่นเคืองหลอมรวม แต่สุดท้าย ก็ตอบกลับไปแบบนิ่งสงบ “หกล้มเพคะ บาดแผลติดเชื้อเลยมีไข้”
“เจ้ารักษาตัวเองไม่เป็นหรืออย่างไร” น้ำเสียงของไท่ซ่างหวงไม่มีท่าทีดุดันอีก
หยวน ชิงหลิง พยักหน้า “หม่อมฉันมียาเพคะ”
พอเข้ามาก็เห็น หยวน ชิงหลิงฟุบนอนด้วยท่าทางประหลาด เขาขมวดคิ้ว มีการรักษาแบบนี้ด้วยหรือ? แท้จริงแล้วพระชายาฉู่พระองค์นี้ไว้ใจไม่ได้ แถมท่านอนนี้ยังอุจาดตาสิ้นดี กำลังจะพูดออกไป แต่ได้ยินไท่ซ่างหวงพูดกดเสียงในลำคอเบา ๆ ว่า “อย่าเสียงดัง”
ฉางกงกงเดินแบบเขย่ง ๆ เท้าเข้าไป เอาผ้าห่มมาคลุมให้ไท่ซ่างหวง ด้วยความรู้สึกห่วงใย
ไท่ซ่างหวงกระซิบเบาๆ “ออกไปดู และหาอะไรให้นางกินด้วย”
ฉางกงกงยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ พระชายาฉู่ดูแลแบบนี้ นอกจากไท่ซ่างหวงจะไม่โกรธแล้ว ยังให้ของกินอีก?
เขาไม่ได้ถามอะไร ได้แต่เดินออกไปเงียบ ๆ
หยวน ชิงหลิงนอนจนมือเริ่มชา จากนั้นค่อย ๆ ตื่นขึ้น
ตระหนักได้ว่าตนหลับเลยไปแล้ว หลังเธอเย็นยะเยือกขึ้นมา มองไปที่หลังเตียงอย่างรวดเร็ว เห็นว่าไท่ซ่างหวงยังหลับอยู่ ถึงถอนหายออกไป
เธอเอากล่องยาออกมา แล้วหยิบปรอทวัดไข้ใส่ไปในปาก จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอก เธอตกใจจนรีบเอากล่องยาไปซ่อนไว้ในแขนเสื้อ แล้วหมุนตัวกลับ ก็เจอกับฉางกงกงที่กำลังยกอาหารเข้ามา
ฉางกงกงเห็นว่าในปากของ หยวน ชิงหลิงมีของบางอย่างอยู่ ก็ตกใจ “พระชายา พระองค์…”
หยวน ชิงหลิงไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เอาออกมาก็ไม่ได้ ไม่เอาออกมาก็ไม่ได้ ได้แต่ยืนกระอักกระอ่วนมองฉางกงกงอยู่อย่างนั้น
ทำไมไม่ให้ไท่ซ่างหวงที่เดิมทีกำลัง “หลับอยู่” แก้ต่างให้เธอล่ะ “ยังไม่รีบเอาอาหารไปวางอีก? หากยังช้ากว่านี้อีก เกรงว่าแม้แต่รองเท้า ข้าพระองค์จะกินจนหมดนะ”
“อ้อ” ฉาง กงกงยิ้มออกมา นำอาหารไปจัดวางบนโต๊ะ “หิวแล้วใช่ไหมพะยะค่ะ? พระชายารีบเสวยเถอะพะยะค่ะ”
หยวน ชิงหลิงหิวแล้วจริง ๆ หิวจนหน้าอกจะติดกับหลังอยู่ละ และยังไม่เพียงแต่หิว แต่ยังกระหายอีกด้วย หอแห้งจนจะมีควันคายออกมา
ฉางกงกงยกซุปมาหนึ่งถ้วย เธอไม่สามารถจัดการกับความอดทนนี้ได้อีกต่อไป เอาปรอทวัดไข้ออกมา ยกถ้วยขึ้นมาซดดังเอือก ๆ ซุปหนึ่งถ้วยลงไปในท้องเรียบร้อย ปากพอได้พัก ก็เจอกับควันร้อน ๆ ต่อ เธอรีบกินข้าวต่อด้วยความรวดเร็ว
ฉางกงกงเห็นเข้าก็ขมวดคิ้ว หิวก็ไม่น่าขาดความเป็นตัวเองไปได้ขนาดนี้? นี่ยังอยู่ต่อหน้า
ไท่ซ่างหวง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้หล้าสยบรัก