งานเลี้ยงในวัง รายการที่จะขาดไปไม่ได้เด็ดขาด ก็คือบรรดาพี่น้องสะใภ้เมาท์มอยกันนั่นเอง
หรงเยว่เป็นฝ่ายเริ่มถามขึ้นเป็นคนแรก ว่าพวกเด็ก ๆ ออกไปเรียน พวกเขาไปเรียนที่ไหน? แล้วเมื่อไหร่ถึงจะกลับมา?
หยวนชิงหลิงพูดอย่างลึกลับว่า: "จะกลับมาเมื่อไหร่นั้นยังบอกได้ไม่แน่ชัด แต่มีเรื่องหนึ่งที่สามารถบอกได้ นั่นก็คือเซเว่นอัพวางแผนว่าจะให้ของขวัญแก่ทุกคน รอให้ถึงวันส่งท้ายปีเก่าพวกเราก็จะได้รู้กันแล้ว"
“ของขวัญอะไรรึ? ถึงต้องเก็บเป็นความลับขนาดนี้?” ฮูหยินเหยาถาม
“ไม่บอก ถ้าบอกก็ไม่น่าประหลาดใจน่ะสิ”
หรงเยว่มองนาง "คงไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาจริง ๆ จากความประหลาดใจ จะกลายเป็นความตื่นตกใจแทนหรอกนะ?"
หยวนชิงหลิงยิ้มพลางพูดว่า: "ถ้าสำหรับคนอื่นก็อาจจะพูดยากหน่อย แต่ถ้าสำหรับเจ้าล่ะก็ จะต้องเป็นเรื่องน่าประหลาดใจแน่ ๆ"
นับจากวินาทีนั้นหรงเยว่ก็ตั้งหน้าตั้งตารอทันที ฮองเฮาช่างรู้ใจนางจริง ๆ หรือจะเป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต? อาหาร? เสื้อผ้า? สินค้าคุณภาพสูง?
เซเว่นอัพเจ้าเด็กน้อยคนนี้ จะให้ของขวัญอะไรนางกันแน่นะ?
พระชายาซุนกลับไม่ได้สนใจมากมายว่าเขาจะให้อะไร คิดแค่ว่าพอถึงช่วงปลายปี ทุกคนมีโอกาสได้มาอยู่ด้วยกันเหมือนตอนนี้ ได้รวมตัวพูดคุยสนุกสนานเฮฮาแบบนี้ ก็ดีกว่าอะไรทั้งหมดแล้ว
ชีวิตคนเรานั้น หลังจากผ่านพ้นการหลั่งเลือด ฝ่าฟันมรสุมอันหนักหนามาได้ สุดท้ายก็จะกลับสู่ความสงบสุข ได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติพร้อมหน้า ก็วิเศษกว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้แล้ว
ฮูหยินเหยากับจิ้งเหอจูงมือกัน สองคนนี้มีการไปมาหาสู่กันค่อนข้างบ่อย ตอนนี้พวกนางดูแลสถานรับเลี้ยงเด็กด้วยกัน ในใจเต็มไปด้วยความสุขเปี่ยมล้น
อะซี่คุยไปพลาง ก็คอยหันหน้าไปมองหาสวีเปิ้งเปิ้งไปพลาง เด็กคนนี้พลังชีวิตเหลือล้นจริง ๆ เด็กวัยกำลังโต ชอบจ้องจะวิ่งออกไปข้างนอกตลอด
หยวนหย่งอี้เอนตัวเข้าไปซบข้างลำตัวหยวนชิงหลิง นางไม่ได้เจอพี่หยวนมานานมากแล้ว จึงอยากคุยกับอีกฝ่ายมาก ๆ เป็นธรรมดา
ชีวิตของนางดำเนินมาจนถึงตอนนี้ ก็ยังคงจดจำความฝันที่จะสะพายกระบี่ออกไปท่องยุทธภพให้ไกลจนสุดขอบฟ้า แต่เพราะตอนนี้นางมีภาระติดพัน ต่อให้เป็นการจากไปแค่ชั่วระยะสั้น ๆ ก็ยังไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แต่นางก็ไม่ได้นึกเสียดายอะไร เพราะนางเคยได้ออกไปแล้ว เคยเห็นโลกใบนี้แล้ว
แต่ติดอยู่ที่ว่า นางมักจะคิดอยู่เสมอว่านอกจากโลกใบนี้แล้ว มันยังมีโลกใบอื่นอีกหรือไม่นะ? ถ้ามีโอกาส นางก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตาอีกสักครั้งจริง ๆ
พระชายาอานกับหมันเอ๋อไม่อยู่ ในฐานะสองศรีพี่น้องสะใภ้ที่ห่างหายจากกลุ่มไปนาน พวกนางย่อมกลายเป็นหัวข้อซุบซิบของทุกคนเป็นธรรมดา
ใครไม่อยู่ ก็ต้องซุบซิบถึงคนนั้นนั่นแหล่ะ
พระชายาซุนเล่าว่าสะใภ้เก้าคลอดลูกออกมาหลายคนแล้ว ตอนนี้คิดจะกลับมาสักครั้งก็ไม่ง่ายแล้ว
ส่วนพระชายาอาน หรงเยว่เล่าว่าหลายปีมานี้ นางยิ่งเป็นเหมือนนักพรตที่ละซึ่งกิเลสเข้าไปทุกที ๆ แล้ว บอกว่านางไม่สวมกระทั่งพวกผ้าไหมผ้าต่วนเนื้อดีด้วยซ้ำ แต่จะสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับชาวบ้านในเจียงเป่ย
พระชายาซุนรีบเสริมว่า "อย่าให้พูดเลย ยัยปีศาจเฒ่านั่นไปอยู่จวนเจียงเป่ยตั้งนานหลายปีแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะดูแก่ขึ้นเลยสักนิด ต่อให้ใช้เศษผ้าหยาบ ๆ คาดผมใส่ชุดกระโปรงที่ทำจากหนาม ก็ยังซ่อนหน้าตาสวย ๆ ของนางไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
“เจ้าสิยัยปีศาจเฒ่า!” ฮูหยินเหยาด่านางพลางหัวเราะชอบใจ
"ถ้าพูดถึงปีศาจเฒ่า ต้องยกให้ฮองเฮาต่างหาก!" อะซี่หันหน้ามาพูดด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนต่างเห็นด้วยกับคำพูดของอะซี่ เข้าไปรุมล้อมหยวนชิงหลิงทันที ถามนางว่ามีวิธีการดูแลตัวเองยังไง
หยวนชิงหลิงถูกรุมล้อมจนถอยไม่ได้แล้ว จึงทำได้แค่ยิ้มแล้วพูดว่า "ไม่ได้บำรุงอะไรหรอก สวยตามธรรมชาติน่ะ"
“ขี้โม้!” ทุกคนโพล่งด่านางพร้อมกัน
ขี้งกจริง ๆ เลย! มีสูตรลับอะไรดี ๆ ก็ไม่รู้จักเอามาแบ่งปันกับทุกคนบ้าง
หลังจากรวมตัวกันเพียงสั้น ๆ ฮ่องเต้แห่งเป่ยถังก็ออกเดินทางอีกครั้ง
ชีวิตนี้ของเขา มีรูปแบบการใช้ชีวิตอีกด้านหนึ่ง และเป็นสิ่งที่เขามีความสุข ทั้งยังพึงพอใจมาก!
แต่จะอย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอย ว่าของขวัญจากเซเว่นอัพคืออะไรกันแน่?
เจ้าห้าถึงกับสาบานเลยว่า ตัวเขาเองก็ไม่รู้ มีเพียงเจ้าหยวนคนเดียวที่รู้
แต่เจ้าหยวนไม่ยอมบอก ตอนนี้เจ้าหยวนเก็บซ่อนพวกความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้เยอะมาก
เขารู้แค่ว่าเซเว่นอัพกำลังวางแผนถ่ายทำภาพยนตร์ ยังบอกด้วยว่าจะให้ทันช่วงเทศกาลตรุษจีน
ต่อมา ก็บอกอีกว่าจะให้ทันก่อนตรุษจีนสักสองสามวัน แบบนี้คนในโรงหนังจะได้มีไม่มากนัก
ถ้าขาดทุนก็ต้องสมน้ำหน้าเซเว่นอัพแล้ว จะฉายหนังดันคาดหวังให้คนในโรงหนังมีน้อย ๆ
ไอ้ของเฮงซวยที่เรียกว่าเวลาน่ะ ไม่ว่าโลกใบนี้จะเกิดอะไรขึ้น มันก็จะหมุนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งตามจังหวะของมัน
วันหยุดฤดูร้อนสิ้นสุดลงแล้ว วันหยุดฤดูหนาวเวียนมาถึงอีกครั้ง
ทันทีที่วันหยุดฤดูหนาวมาถึง ข้าวเหนียวกับโค้กก็กลับบ้านทันที
สมัยก่อนเมื่อไหร่ก็ตามที่ถึงวันหยุด ข้าวเหนียวจะบอกเสมอว่าเขาอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เขาเอาแต่เรียน ๆ ๆ อย่างบ้าคลั่ง ยังบอกด้วยว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
หลังวันส่งท้ายปีเก่า เจ๋อหลานกับซาลาเปารวมถึงทังหยวนก็รีบตามมา ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้พาฉื้อถงมาด้วย พามาแค่สามยักษ์ใหญ่เท่านั้น
เขาย่อมถามเอาความเป็นธรรมดา รัชทายาทมีหน้าที่ดูแลประเทศ ถึงกับละทิ้งหน้าที่โดยพลการ
ถึงอย่างไร ก็ยังมีเวลาอีกสองสามวันก่อนที่ราชสำนักจะหยุดทำการ มีเรื่องเร่งด่วนอะไรกัน ถึงต้องรีบออกไปในเวลานี้?
จะถามก็ถามเถอะ ก็แค่บอกไปว่าคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงตายายก็จบแล้ว
พอถามเพิ่มอีกหนึ่งข้อ ไม้เท้าของอู๋ซ่างหวงก็โบกมาทักทายเขาอย่างเร่าร้อน
ช่างเถอะ ฉลองปีใหม่ทั้งที ไม่อยากไปต่อว่าอะไรเขาแล้ว ปีนี้เขาก็เหนื่อยยากลำบากไม่น้อย ให้เขาพักร้อนล่วงหน้าได้สนุกเพลิดเพลินกับวันหยุดสักหน่อยก็ดี
ติดอยู่แค่ว่า เจ้าหัวเล็ก ๆ ทั้งหกนี้มักจะจับกลุ่มกันอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่ พอทุกครั้งที่เห็นว่าเขามาแล้ว ก็จะรีบหยุดอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...