บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่ นิยาย บท 68

องครักษ์สวี่หันกลับไปและเห็นหวังหยวนที่แต่งตัวเป็นบัณฑิต เขาไม่อาจจะเมินเฉยและกำหมัดแน่น “คุณชายคือ?”

“หวังหยวน เด็กชายจากหมู่บ้านต้าหวัง!”

หวังหยวนยกกำปั้นขึ้นและกล่าวทักทาย “หวังซื่อไห่และหวังโปลูที่ถูกคุมขังอย่างแน่นหนา ล้วนเป็นคนบ้านเดียวกับข้า!”

“ข้าไม่สามารถแม้แต่จะเปลี่ยนใจผู้พิพากษาได้ เจ้าเป็นแค่เด็กหนุ่มจะไปทำได้ยังไง!”

องครักษ์สวี่ดูถูกเหยียดหยาม แต่พูดอีกครั้ง “คนขายปลาทั้งหมดมารวมตัวกันที่นี่!”

ลองอีกสักตั้งเป็นครั้งสุดท้าย!

พ่อค้าและชาวประมงมารวมตัวกันมีแผงขายของประมาณสี่สิบถึงห้าสิบแผง แต่ละแผงมีคนอยู่ประมาณสองถึงสามคน รวมเป็นร้อยกว่าคน

พ่อค้าแต่งกายสามัญชน

ส่วนชาวประมงสวมชุดผ้าลินิน ขณะนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง และบางคนเดินเท้าเปล่าไม่สวมรองเท้า

หวังหยวนยืนอยู่บนแผ่นหิน เขาสูงกว่าคนอื่น ๆ ครึ่งหนึ่ง

พ่อค้า ชาวประมง และผู้ตรวจการต่างมองดูเขาด้วยความสงสัยว่าเขาจะทำอะไร

หวังหยวนกวาดตามองคนชั้นล่างเหล่านี้ “พวกเจ้าใส่ร้ายคนของข้า ข้าไม่ตำหนิพวกเจ้า เพราะข้ารู้ว่าพวกเจ้าถูกบังคับ และไม่สามารถทำอะไรได้”

พ่อค้าและชาวประมงบางคนก้มหน้าลงด้วยความอับอาย

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา สิงซานได้พาผู้ตรวจการไปตามหาพวกเขาเป็นการส่วนตัว

เขาบอกพวกเขาว่า หากผู้พิพากษาประจำมณฑลเรียกตัวพวกเขาไปขึ้นศาล ให้พวกเขาบอกว่าคนในหมู่บ้านต้าหวังเป็นพวกเผด็จการประมง นอกจากนี้ยังเตือนพวกเขาด้วยว่า หากผู้พิพากษาที่ไม่เอาไหน และเจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ ที่กล้าจะไม่ถอนรับสารภาพในศาล จะมีคนไล่พวกเขาออกไปทีหลัง!

หวังหยวนพูดอีกครั้ง “แต่พวกเจ้ารู้ไหมว่าทำไมชาวประมงและเจ้าหน้าที่จึงกล้าหาประโยชน์ และรังแกพวกเจ้าตามใจชอบ?”

มีคนตอบเบา ๆ ว่า “นี่เป็นเพราะไม่มีคนคอยหนุนหลังเรา!”

พ่อค้าและชาวประมงต่างพยักหน้าพร้อมกัน

ถ้าหากว่าพวกเขามีคนคอยหนุนหลัง แล้วขุนนางและคนร้ายจะกล้าเอาเปรียบพวกเขาได้อย่างไร?

หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ และส่ายหัว “ไม่ พวกเจ้าคิดผิดแล้ว ผิดถนัดเลย”

พ่อค้าและชาวประมงบางคนไม่พอใจ “แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ?”

หวังหยวนหรี่ตาลง “ที่พวกเจ้าถูกเอารัดเอาเปรียบไม่ใช่เพราะว่าพวกเจ้าไม่มีคนคอยหนุนหลัง แต่เป็นเพราะพวกเจ้าเป็นคนขี้ขลาด ไม่เอาไหน แถมยังอ่อนแอ พวกเจ้าแย่กว่าขันทีเสียอีก”

“เจ้าด่าพวกข้าขนาดนี้ แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร!”

“แล้วเจ้าดีกว่าพวกข้าตรงไหน ชาวบ้านในหมู่บ้านต้าหวังต่างถูกจับกุมเหมือนกัน!”

“เจ้าต่างหากที่แย่ยิ่งกว่าขันที เจ้าไม่ไปเหลียวแลเพื่อนบ้านของเจ้าที่ถูกจับ แต่กลับกล้าด่าพวกข้าเท่านั้น!”

พ่อค้าและชาวประมงที่เชื่อฟังเริ่มโกรธ และดูเหมือนจะกลายเป็นสัตว์กินคน

พวกเขาไม่กล้าเปิดปาก เมื่อต้องรับมือกับวายร้ายและขุนนาง แต่พวกเขาไม่กลัวคนธรรมดา

สีหน้าของต้าหู่ กัวฉาง และกัวเหลียงเปลี่ยนไป พวกเขารีบล้อมรอบและปกป้องหวังหยวนอย่างรวดเร็ว

องครักษ์สวี่และผู้ตรวจการต่างตกตะลึง เจ้าเด็กนี้กำลังทำอะไร ขอให้เขามาเกลี้ยกล่อม แต่กลับด่าคน เขาไม่แม้แต่จะพยายามชักชวนด้วยคำพูดดี ๆ การด่าคนช่วยอะไรได้บ้าง?

เมื่อเห็นว่าทุกคนโกรธ ดวงตาของหวังหยวนก็สว่างขึ้นและด่าต่อ “ยังไม่ยอมรับกันอีกเหรอ? พวกเจ้าบอกว่าตัวเองไม่มีคนคอยหนุนหลัง และตอนนี้ผู้พิพากษาเป็นคนคอยหนุนหลังให้พวกเจ้า นี่มันดีกว่าขุนนางอันธพาลร้อยเท่าไม่ใช่เหรอ?”

“แต่พวกเจ้ากลับกลัวโดนขุนนางขู่เข็ญ และไม่กล้าไป แล้วยังกล้าดียังไงมาบอกว่าตัวเองไม่ไร้ค่า”

พ่อค้าและชาวประมงก้มหน้าลงอย่างโกรธแค้น

บางคนไม่พอใจและกระซิบว่า “แต่ผู้พิพากษาเป็นคนไม่เอาไหน คนที่แข็งแกร่งคือขุนนางต่างหาก! หลังจากที่ผู้พิพากษาออกไปแล้ว พวกเราควรทำอย่างไร หากพวกเขามาหาเรื่องเราอีก”

“ก็เป็นเพราะพวกเจ้าไม่เอาไหนไง พวกเขาเลยกล้าสร้างความเดือดร้อนกับพวกจ้า!”

ดวงตาของหวังหยวนเต็มไปด้วยความดูถูก “พวกเขามีอะไรน่ากลัวเหรอ? พวกอันธพาลมีสิบกว่าคน แต่พวกเจ้าทั้งหมดรวมกันมีเป็นร้อยกว่าคน แต่ละคนกลับบ้านไปเรียกคนมาช่วยสักสองสามคน รวมกันก็เป็นหลายร้อยคนแล้ว”

“ถ้าพวกเจ้ารวมตัวกันจริง ๆ แม้แต่พวกอันธพาลสิบกว่าคนก็ไม่พอให้พวกเจ้าทุบตีหรอก เมื่อเห็นพวกเจ้าก็ต้องคุกเข่าลงแล้วเรียกว่านายท่านแล้ว”

ดวงตาของพ่อค้าและชาวประมงจำนวนมากเป็นประกาย

อันที่จริง ในบรรดาเหล่าอันธพาลหลายสิบคน คนในหมู่บ้านตีรันฟันแทงยังมากกว่าคนเหล่านี้เสียอีก

พ่อค้าพูดเสียงเบาว่า “แต่พวกเขามีขุนนางลาดตระแวนคอยหนุนอยู่ข้างหลัง!”

“สมแล้วที่พวกเจ้าโดนรังแก!”

หวังหยวนเยาะเย้ยและกล่าวว่า “ผู้พิพากษาเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด และขุนนางลาดตระเวนเป็นเพียงขุนนางภายใต้การปกครองของนายอำเภอ เขากล้าที่จะสนับสนุนพวกอันธพาลเหล่านั้น พวกเจ้าเลยไม่กล้าไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่ว่าการอำเภองั้นเหรอ?”

“ตราบใดที่พวกเจ้ารวบรวมคนมากกว่าร้อยคนเพื่อร้องเรียน ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าหน้าที่ลาดตระแวน หรือองครักษ์ ผู้พิพากษาจะรับเรื่องของเขาอย่างแน่นอน แต่คนขี้ขลาดอย่างพวกเจ้ากล้าไหม? พวกอ่อนแอ!”

องครักษ์สวี่และผู้ตรวจการทั้งเจ็ดอยากจะลากตัวหวังหยวนลงมาจากด้านบน

ผู้ชายคนนี้อยากทำอะไร สอนสามัญชนให้รับมือข้าราชการ พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป?

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าที่จะลงมือ

“กล้าไหม?”

คำถามดังก้องอยู่ในใจของพวกเขา เมื่อมองไปยังหวังหยวนที่ทำให้พวกเขาอับอาย พ่อค้าและชาวประมงต่างก็ไม่สามารถเกลียดเขาได้อีกต่อไป พวกเขาแค่เกลียดพวกอันธพาลและเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมากยิ่งขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่