Carrus online : Black sheeP นิยาย บท 33

28 เม.ย. 2036

"ดินเนี่ยฟิตกว่าที่คิดอีกนะ..." เป็นพี่เคนที่พูดออกมาพร้อมทั้งนอนแผ่หลาไปบนผืนหญ้าที่อยู่ริมทางวิ่งของสวนสาธารณะ

"นิดหน่อยละนะ นอกจากใช้ชีวิต​ในโลกเสมือนแล้วเราก็ไม่ควรลืมโลกแห่งความจริงไปด้วย" ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเลือกหาที่นั่งที่อยู่ใกล้ๆ

วิ่งด้วยระยะทางห้ากิโลเมตรมันถือเป็นเรื่องสบายๆสำหรับผมไปแล้วละ และต่อให้ต้องวิ่งไปเพิ่มอีกสักสิบกิโลมันก็ยังไม่ได้เป็นปัญหาด้วยละนะ

"จ้าๆ... แล้ววันนี้มีนัดที่นั่นใช่มั้ย? ดันเจี้ยนระดับD เสียงเรียกของสุสานกระดูก?"

"อ่า ดันเจี้ยนของเลเวล35ที่ซ่อนอยู่ในป่าวิญญาณ"

"สุดยอดไปเลยนะระบบค่าความสัมพันธ์เนี่ย ดินคงมีมันมากเลยละสิถึงได้ข้อมูลจากชาวบ้านมาแบบนี้"

ก็นะ มันคงไม่เคยเป็นสิ่งสำคัญอะไรอยู่แล้ว แต่เมื่อหลายวันก่อนหลังจากจัดการกับบอสวิหคตกสวรรค์สำเร็จ ทันทีที่กลับมาถึงเมืองบาครอสผมก็ได้รับการแจ้งเตือนขึ้นมาใหม่

ค่าอิทธิพลต่อบาครอสของผมมันเพิ่มขึ้นมาอีกสิบหน่วย สถานะของผม​มันจึงพุ่งขึ้นจนปลดล็อคเป็นชนชั้นกลาง อีกทั้งยังได้รับค่าความสัมพันธ์ระหว่างริสเต็มครบหนึ่งร้อย ผมจึงได้ข้อมูลทางด้านการค้าและความสัมพันธ์ของสมาคมมาอยู่หลายเรื่อง

นอกจากนี้ค่าอิทธิพลยังส่งผลต่อเอ็นพีซีที่เป็นชนชั้นล่างทั้งหมดของบาครอส ความสัมพันธ์ของผมจึงบรรลุต่อเอ็นพีซีในระดับที่เต็มร้อยไปกว่าครึ่งเมือง และนอกจากนั้นทุกๆหนึ่งค่าอิทธิพลจะส่งผลต่อค่าความสัมสันธ์ต่อเอ็นพีซีที่เป็นชนชั้นกลางถึงห้าหน่วย ด้วยจำนวนระดับนี้ ค่าความสัมพันธ์ที่ผมมีต่อเอ็นพีซีชนชั้นกลางจึงเกือบเต็มร้อยทุกคน

อืมๆ... ทั้งลดราคาไอเท็ม เพิ่มผลตอบแทน และยังรวมถึงเควสลับแบบยิบย่อยที่มี ทุกอย่างคือสิ่งที่ผมบรรลุได้หลังจากจัดการกับบอส

และที่ว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมน่ะคงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ ปู่อาลจากหมู่บ้านครอฟเฟิลนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อหมู่บ้านกราฟ ซึ่งมันอยู่นอกเขตของบาครอส ผมจึงลองเดินทางข้ามป่าทมิฬเพื่อไปยังเขตพิเศษของคาร์รัส อ่า... คุณคงรู้แล้วใช่มั้ยว่าคาร์รัสนั้นเป็นโลกจำลองขนาดที่ใหญ่กว่าโลกถึงสองเท่า ทำให้พื้นที่บางจุดนั้นเป็นจุดที่สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

อย่างหมู่บ้านกราฟ ถ้าให้เทียบละก็มันคือหมู่บ้าน​ที่อยู่เขตชายแดนประเทศพม่าและไทย เพียงแค่มันเป็นเขตชายแดนขนาดกว้างนับร้อยกิโลเมตรละนะ

พื้นที่ที่ไม่มีอยู่จริงพวกนี้จึงถูกเรียกว่าเขตพิเศษ

และที่นี่เองก็เป็นสถานที่ที่ผมได้รับข้อมูลของดันเจี้ยน ก็นะ ความสัมพันธ์ที่ดีต่อปู่อาลจนได้รับมรดกม้าไม้มา ทำให้พวกเขาเริ่มต้นความสัมพันธ์กับผมถึงห้าสิบหน่วย ด้วยจำนวนเท่านี้เพียงแค่ผมช่วยเหลือพวกเขาเล็กๆน้อยๆ​ ผมก็มีความน่าเชื่อถือพอจะรับเควสลับและบรรลุมันเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษในพื้นที่นี้มา...

ส่วนเรื่องของซาฮับนั้นมันง่ายกว่าที่คิด เขารีบตรงดิ่งมายอมรับผิดต่อผม ซึ่งมันคงไม่แปลกเท่าไรที่เขาจะทำแบบนั้น ก็มือสังหารที่ถูกส่งมาโดนจัดการเรียบ แน่นอนว่าโอกาสที่ผมจะรู้ว่าเขาอยู่เบื้องหลังมันต้องเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แน่ๆ ฆ่าเพื่อรีดเอาข้อมูล เรื่องง่ายๆที่ผู้ว่าจ้างต้องรู้สึกถึงมันได้

ถึงซาฮับจะไม่น่าเชื่อถือและเหมาะที่จะกำจัดทิ้ง แต่เขาคือเอ็นพีซีพ่อค้า เป็นชาวเมืองของบาครอส แม้สถานะจะไม่สูงมาก แต่ความต่ำต้อยนี้นี่ละที่ทำให้คนระดับต่ำแบบนี้น่ากลัว ผมจึงเก็บเขาไว้ภายใต้การควบคุมของตัวเอง

โดยมีครูซและคนอื่นๆคอยควบคุมเขาอีกที

ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าครูซนั้นทำอาชีพอะไรในโลกจริง แต่เขาสามารถควบคุมซาฮับได้อย่างสมบูรณ์เลยละ

ส่วนลิต้าร์เองก็บรรลุเป้าหมายของพวกเราไปแล้ว เธอกลายเป็นนักปรุงยาระดับกลางคนแรกของบาครอส และยังเป็นนักปรุงยาระดับกลางที่มีเพียงแค่ห้าสิบคนเท่านั้นในเมือง

และด้วยความสำเร็จที่เธอได้รับมา การค้าขายในราคาสูงเพื่อจ่ายออกในราคาต่ำจึงเป็นไปอย่างราบลื่น

ถ้าให้คำนวณดูคร่าวๆละก็ กองกลางของผมในตอนนี้มีอยู่ราวๆสี่แสนGได้ละมั้ง ถึงหนึ่งในสามมันจะเป็นของผมเองก็เถอะ แต่ว่าเพื่อพลักดันให้สมาชิกสักคนกลายเป็นนักปรุงยาระดับสูงแล้ว ต่อให้ต้องจ่ายมากกว่านี้ก็ยังไม่ใช่ปัญหา

ส่วนเรื่องของสมาคมนักฆ่านั้น มันกลายเป็นเรื่องง่ายๆไปทันทีเมื่อผมแจ้งต่อริส ทั้งได้รับกองกำลังเสริม ทั้งได้ค่าตอบแทนเพราะเป็นผู้ให้ข้อมูล อ่า... ไม่ใช่แค่ให้ข้อมูล แต่ผมยังเป็นคนสำเร็จเควสนั้นเองอีกต่างหาก...

สมาคมนักฆ่า... มันคือเครือข่ายขนาดใหญ่ในโลกมืดของคาร์รัส เป็นตัวร้ายที่มีความเชื่อมโยงอยู่กับทุกเขตของเกม เพราะฉะนั้นผมคงหาเจอได้แค่ฐานย่อยของมันนั่นละ เรื่องของฐานที่มั่นหลักคงไม่ใช่สิ่งที่ผมในตอนนี้จะรู้ได้

แต่ว่าคาร์รัสมีการอัพเดตอยู่บ่อยมากๆ พวกเขาคงแค่ต้องรอเวลาให้มีเอไอระดับสูงหรือตัวจัดระบบที่ดีมากกว่านี้ เพราะเครือข่ายของคาร์รัสค่อนข้างใหญ่ การทำงานและระบบที่ทับซ้อนของด้านความคิดของเอ็นพีซีคงเยอะจนจินตนาการไม่ออกละนะ

เพราะงั้นอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ตัวละครสีดำอาจเป็นสีเทา และตัวละครสีขาวแท้จริงอาจเป็นสีดำก็ได้...

"นี่ก็ใกล้ได้เวลาแล้วด้วย ผมขอตัวก่อนนะพี่เคน"

"อ่า! ไว้เจอกัน ทางนี้เองก็กำลังเดินเกมรุกตามแผนของดินอยู่เหมือนกันละนะ" พี่​เคนตอบกลับพร้อมทั้งขยิบตาให้ ก่อนเขาจะหัวเราะออกมาและนอนราบกลับไปที่หญ้าเหมือนเดิม

ผมคือฝ่ายต่อสู้ พี่เคนคือพวกซัพพอทที่อยู่แนวหลัง ถ้าขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปก็ไม่อาจคงอำนาจในคาร์รัสเอาไว้ได้

หลังจากนั้นผมก็แยกกับพี่เคนมาทันที เพื่อเข้าออนไลน์ในคาร์รัส

ก็นะ มันผ่านมาตั้งห้าวันแล้วหลังจากจัดการบอสในวันนั้น คิดว่าผมคงมีไอเท็มระดับสูงหรือไม่ก็ของดีๆเยอะเลยละสิ แต่คำตอบคือผมใช้เวลาในการทำเควสลับยิบย่อยทั้งหมด อืม... ทั้งหมดนั่นละ เลเวลของผมจึงกลับมาอยู่ช่วงๆกลางเหมือนเดิม แถมที่สำคัญดวงผมก็เริ่มกุดขึ้นทุกที

ไม่มีไอเท็มตกเลยตั้งแต่นั้น ถ้าผมไม่จัดการกับมอนสเตอร์กลายพันธุ์ โอกาสที่ผมจะได้ไอเท็มก็คือศูนย์... อ่า... จีเอ็มลงทัณฑ์ชัดๆแบบนี้

แต่ว่ามันก็ไม่ได้​แย่ขนาด​นั้น​ ถึงค่าตอบแทน​ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลและเรื่องเล่า​ แต่พอนำมันมาประกอบรวมกันก็ถือว่าไม่สูญเปล่า​

"ติ๊ด ติ๊ด"

สิ้นเสียงของระบบเหล่านั้น ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งที่หมู่บ้านกราฟอย่างช้าๆ มันเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ดูเรียบง่าย ผู้คนเองก็ดูใช้ชีวิตกันอย่างสงบ และที่เป็นแบบนั้นก็เพราะพื้นที่บริเวณนี้ไม่มีมอนสเตอร์อยู่เลย ถึงจะน่าแปลก แต่ผมก็พยายามตรวจสอบหลายๆอย่างดูแล้ว

ผลที่ได้คือไม่รู้อะไรเลย ผู้คนแถวนี้ก็ไม่รู้สาเหตุทั้งๆที่อยู่มาตั้งนานแล้ว และที่สำคัญคือพื้นที่แถวนี้เป็นอาณาเขตของมอนสเตอร์เลเวลสามสิบขึ้นไปทั้งนั้น แต่คนพวกนี้ความสามารถกลับเฉลี่ยอยู่ที่สิบเศษๆ...

"เกรส? กำลังจะไปไหนหรอ?" ผมถามออกไปทันทีเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวสิบแปดสิบเก้าปีกำลังสะพายธนูเตรียมออกไปด้านนอก ทั้งๆที่ปกติเธอมักจะเก็บตัวอยู่ในบ้านจนผมคิดว่าเป็นเอ็นพีซีลับซะอีก แต่ตอนนี้กำลังจะออกไปข้างนอกพร้อมธนู?

แต่แหงละ พอถามปุปเธอก็รีบวิ่งหนีผมไปทันที...

"คุณสนใจเด็กคนนั้นงั้นหรอคะ?" เป็นสกิลเล็ทที่เอ่ยถามผมด้วยแววตาจริงจังจนผมได้แต่ยิ้มกลบเกลื่อน​ออกมา

เกรสเป็นผู้หญิงที่น่ารัก ถือว่าน่ารักมากๆอีกต่างหาก รูปร่างเองก็ดูเหมือนกับหลุดมาจากการปั้นแต่ง ความโค้งเว้าทุกสัดส่วนถือว่าละสายตาได้ยาก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนเก็บตัว ผมคงได้รู้มากกว่านี้ว่าเธอมีนิสัยแท้จริงเป็นยังไง ถึงตอนนั้นก็คงจะบอกได้ว่าสนใจหรือไม่สนใจ

แต่กับสกิลเล็ทแล้ว อืม... ถ้าเธอมีชีวิตขึ้นมาจริงๆก็ถือว่าน่าสนใจละนะ ผมสีแดงสดกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ท่าทีและบุคคลิกของความสื่อสัตย์ สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเธอคงมีต้นแบบเป็นพวกอัศวินที่มีความยึดมั่นในแบบของตนเอง

"จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? นายท่านไม่มีเวลามาคิดเรื่องพรรณนั้นหรอก" เป็นแพททริคที่พูดออกมาพร้อมทั้งพ้นลมผ่านจมูกอย่างเอือมระอา ถึงกระนั้นสกิลเล็ทก็ยังจ้องผมไม่เลิกอยู่​ดี

ที่เขาเรียกผมแบบนี้มันก็เกิดมาจากการถล่มฐานย่อยของสมาคมละนะ

จริงสินะ ผมก็คงไม่เคยบอกเหมือนกันว่าแพททริคเป็นพวกดูรักความสมบูรณ์แบบ เขาเป็นผู้ชายร่างสูงที่มีผมสีขาวยาวถึงกลางหลัง แววตาขวางๆแต่ก็คงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว

และที่สองคนมาที่นี่ด้วยก็เพราะผมต้องการอัพเลเวลพวกเขาในฐานะสมาชิกปาร์ตี้ให้สามารถจัดการกับดันเจี้ยนได้ ซึ่งนี้ก็เป็นค่าเลเวลที่ผมต้องการแล้วด้วย

สกิลเล็ท เลเวล29

แพททริค เลเวล30

และอีกคน...

"ไง! รอนานรึเปล่า? พอดีเราเพิ่งจะกลับมาถึงน่ะ" เป็นเมย์ที่ถามออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างๆ ช่วงนี้เมย์ดูมีชีวิตชีวาไม่น้อยเลย ยิ่งกับรอยยิ้มแบบนี้แล้ว มันคือฮีลสำหรับจิตใจโดยเฉพาะ

"ไม่หรอก ว่าแต่ทางนั้นจัดการเรื่องอีเว้นท์เรียบร้อยแล้วหรอ?"

"อื้ม! อีกสามวันต้องไปเป็นพิธีกรด้วยละนะ"

"ฮ่าๆ โปรโมทกันเต็มที่เลยละสิ"

"เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ รีบไปจัดการกับดันเจี้ยนดีกว่า! เราน่ะรีบอัพเลเวลมาเพื่อการนี้เลยนะ!"

เมย์เดย์ เลเวล35

ชาน เลเวล33

"เอาสิ ถ้าเป็นไปตามข้อมูลที่ได้มาจากเอ็นพีซีละก็ คงได้มาละนะ มงกุฏของราชาที่สาปสูญนั่นน่ะ"

"อื้ม!"

"สายลมฉีกกระชาก พสุธาก่อเป็นฐาน ซาลาแมนเดอร์ วายด์ดัส" เมยร์ร่ายคถาเพื่อเรียกซาลาแมนเดอร์ขนาดเกือบๆเท่าม้าออกมาทันที ด้วยสกิลนี้ของเมย์ ทำให้การเดินทางค่อนข้างเป็นไปได้ง่าย อีกทั้งยังมีคริกซิสคอยลาดตระเวนนำก่อนอยู่อีกสี่ตัว

แม้จะเป็นศัตรูอำพรางก็ยังรอดไปได้ยากเช่นกัน

สกิลระดับD หมาล่าเนื้อ คริกซิส

-อัญเชิญสุนัขกระดูกเพื่อใช้ตรวจสอบพื้นที่ในระยะ35เมตร

-เดธสตั้น สร้างความเสียหายเวทย์และกายภาพ50หน่วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Carrus online : Black sheeP