บทที่ 13 จัดการเรียบร้อย
ทันทีที่กระสุนยิงออกมา สีหน้าของหลินอิ่งนั้นไร้ความรู้สึก มีเพียงมุมปากของเขาเท่านั้นที่ขยับเบาๆอย่างโหดร้าย
เขารีบวิ่งออกไป ทันใดนั้นเขาก็หายไปจากที่เดิม เหลือเพียงภาพเลือนลาง
กระสุนนัดนี้ ไม่โดนเขา...
เสิ่นซานตะลึงเป็นอย่างมาก
แค่จังหวะการหายใจจังหวะเดียว หลินอิ่งก็มายืนข้างๆเสิ่นซานราวกับวิญญาณ
“โอ้ย!”
หลินอิ่งบิดแขนของ เสิ่นซานบิดกลับอีกฝั่ง เสียงหักของกระดูกดังขึ้น เสิ่นซานส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด
ปืนพกตกลงไปที่พื้น
พลั่ก!
หลินอิ่งกระโดดเตะอีกครั้ง เตะจนเสิ่นซานบินออกไปไกลหลายเมตร และตกลงไปกระแทกกับกำแพงอย่างแรง เขาดูน่าสมเพชมาก ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว และมุมปากของเขามีเลือดไหลออกมา
ใบหน้าของเสิ่นซานเต็มไปด้วยความสยดสยอง เขาไม่คาดคิดว่าร่างกายของหลินอิ่งจะเร็วถึงกว่ากระสุน เขาหลบกระสุนได้ในทันทีและยึดปืนของเขาได้!
สีหน้าของหลินอิ่งไม่มีความรู้สึกใดๆ เขาเดินเข้าไปหาเสิ่นซานทีละก้าว
“นายจะทำอะไร อย่าเข้ามานะ!” เสิ่นซานตกใจและตื่นตระหนกไปหมด มองไปที่ หลินอิ่งเขา เหมือนปีศาจ พูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “อย่าเข้าใจผิดนะ! น้องหลิน ผมไม่ได้จะฆ่านาย ผมแค่อยากจะยิงเพื่อเตือนนายเท่านั้นเอง !”
“เตือน?”
หลินอิ่งหัวเราะเยาะเย้ย ตบไปที่หน้าของเสิ่นซานอย่างแรง ตบจนทำให้เขากระอักเป็นเลือด
“จนถึงขั้นนี้แล้ว นายยังกล้าเล่นลิ้นอีกหรือ?” หลินอิ่งจ้องไปที่เสิ่นซานอย่างเย็นชา “นายเล็งไปที่น่องซ้ายของผม ยังกล้าพูดอีกเหรอว่าแค่เตือน?”
“นี่!” เสิ่นซานมองอย่างตกใจและมองไปที่หลินอิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ
ความคิดเดิมของไม่เคยคิดที่จะฆ่าหลินอิ่ง แค่วางแผนที่จะยิงหลินอิ่งที่เท้าแล้วค่อยๆสั่งสอนเขา
แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลินอิ่งมองออกแม้กระทั่งเรื่องนี้ นี่มันสายตาอะไรกัน? ทันทีที่ลูกกระสุนถูกยิงออกมา เขาสามารถมองเห็นทิศทางอย่างชัดเจน สามารถหลบมันไปได้ และยังยึดปืนของเขาได้อีกด้วย?
นี่พวกเขากำลังหาเรื่องใครอยู่กันแน่?
เสิ่นซานรู้สึกเสียใจที่ตัวเองหาเรื่องเขามากๆ ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่หลินอิ่ง
“นาย... นายเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้โบราณใช่ไหม?” เสิ่นซานถามด้วยสีหน้าสงสัย
“โอ้?” หลินอิ่งสนใจขึ้นมาทันที ไม่คาดคิดว่า เสิ่นซาน จะมีความรู้แบบนี้ รู้ถึงการมีอยู่ของนักศิลปะการต่อสู้โบราณ
“ นายรู้จักอาจารย์ ศิลปะการต่อสู้โบราณด้วยหรือ?”
“ ใช่จริงด้วย” เสิ่นซานพูดพึมพำกับตัวเอง คิดในใจว่า ที่เขาโดนในครั้งนี้ก็ไม่แย่ไปซะทีเดียว
เมื่อก่อนเสิ่นซานเคยเป็นเพื่อนกับปรมาจารย์ที่เมืองข้างๆ ซึ่งเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณมาบ้าง สามารถเอาชนะบอดี้การ์ดนับสิบที่ถือมีดมาด้วยได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่คิดว่าหลินอิ่งจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ได้ยินปรมาจารย์พูดว่า นักศิลปะการต่อสู้โบราณที่ทรงพลังนั้น ฝีมือดีมาก กระสุนก็ยากที่จะยิงโดน ถ้าเจอเข้า อย่าคิดพยายามใช้ปืนเพื่อต่อสู้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้โบราณที่แท้จริง มีกำลังที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังพวกเขา ห้ามทำให้พวกเขาขุ่นเคืองเด็ดขาด!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เสิ่นซานก็คุกเข่าลงทันทีและขอร้อง: “ท่านหลิน โปรดยกโทษให้ผมเถอะ เป็นเพราะผมตาดบอดเองที่ไม่รู้จักท่าน แต่ผมไม่เคยคิดจะหาเรื่องท่านจริงๆนะครับ! นี่เป็นคำสั่งของไอ้เด็กเวรของตระกูลซูนทั้งนั้นเลยครับ!”
“ นายบอกว่า คนของตระกูลซูนสั่งนายหรือ?” หลินอิ่งถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และเขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใช่ครับ ไอเด็กเวรซูนเหิงนั่นแหละ เขาใส่ร้ายผม ให้ผมไปจับตัวท่านท่านหลินมา ผมถูกเขาใช้เป็นปืน”เสิ่นซานพูดอย่างดุเดือด
ตอนนี้เขาอยากจะฆ่าซูนเหิงทิ้งซะ เขาทำให้ตัวเขาเองทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์เกือบตาย ตอนแรกผมคิดว่าแค่ทำเรื่องเล็กๆ ๆ น้อย ๆ และผมจะได้ถือโอกาสสนิทสนมกับซูนเหิงลูกชายคนโตของตระกูลซูนใครจะไปรู้ว่าจะก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นมา
ซูนเหิงยังพูดอย่างมั่นใจอีกว่าหลินอิ่งเป็นแค่ลูกเขยไม่เอาถ่านเท่านั้น จับตัวเขามาก็จบเรื่องแล้ว แต่ทั้งหมดนี้มันจะฆ่าตัวเองชัดๆ!
หลินอิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกฉันมาอย่างละเอียด!”
เสิ่นซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดอย่างเคร่งเครียดว่า: “ท่านหลิน ซูนเหิงนัดผมมาทานอาหารเย็น และให้รูปถ่ายกับผมมาหนึ่งใบ และขอให้ผมสั่งการให้ลูกน้องจับตัวคนในรูปถ่ายมา ค่าตอบแทนเป็นเงินห้าล้าน”
“ แล้วรูปถ่ายล่ะ?” หลินอิ่งถามแทรกขึ้นมา
เสิ่นซานหยิบรูปถ่ายสองรูปออกมาจากกระเป๋าของเขาอย่างเชื่อฟัง และส่งให้ หลินอิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์เจ้าสำราญ