สรุปตอน บทที่ 97 คุณคือพ่อ – จากเรื่อง ซุปเปอร์เจ้าสำราญ โดย อาเหา
ตอน บทที่ 97 คุณคือพ่อ ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ซุปเปอร์เจ้าสำราญ โดยนักเขียน อาเหา เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 97 คุณคือพ่อ
“แก!แกเป็นใครกันแน่?” ลู่กวงมองดูหลินอิ่งด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ ในใจหวาดหวั่นไม่หยุด
จะยังไงเขาก็คิดไม่เข้าใจ ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตสีขาวคนนี้ฆ่าขึ้นมาได้ยังไงกัน?
มือปืนยี่สิบกว่าคนที่เฝ้าหน้าประตูลิฟต์ไปไหนกันอีก?
ต่อให้ปะทะเข้ากับเหตุการณ์ใหญ่ งั้นก็ควรจะรีบโทรศัพท์มาหาตนเองสิ?
นอกเสียจากว่า คนที่เฝ้าประตูยี่สิบกว่าคนนั่น เพียงชั่วพริบตาก็ถูกกำราบแล้ว แม้กระทั่งโอกาสที่จะโทรศัพท์รายงานข่าวคราวก็ยังไม่มี?
ลู่กวงยิ่งคิดลึก ก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น ตัวสั่นไปทั่วทั้งร่างกาย
“มึงแม่งเป็นใคร? กล้ามาแตะต้องพี่ใหญ่ลู่?” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โมโห จ้องเขม็งไปที่หลินอิ่งด้วยสายตาที่เยือกเย็น
“รีบปล่อยพี่ใหญ่ลู่ ไม่อย่างนั้นวันนี้แกออกไปจากอาคารไห่หยางไม่ได้แน่!”
ลูกน้องหลายคนของลู่กวงต่างก็โห่ร้องขึ้น ทยอยกันชักเอามีดสั้นออกมาจากช่วงเอว จ่อไปทางหลินอิ่ง
หลินอิ่งหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชันทีหนึ่ง ถีบลู่กวงที่อ่อนปวกเปียกเหมือนหมาตายออก จากนั้นร่างกายก็ระเบิดพุ่งชน ทะยานเข้าไปในทันที
“จัดการมัน!”
“แม่งเอ๊ย คนเดียวกล้าผยองขนาดนี้ รนหาที่ตาย!”
ชายร่างใหญ่สิบกว่าคนต่างก็เป็นคนโหดเหี้ยมที่เลียเลือดบนปลายดาบกันทั้งนั้น แผดเสียงออกมาด้วยความโกรธ อาศัยที่จำนวนคนมากกว่าชักเอามีดสั้นออกมาพุ่งไปทางหลินอิ่งในทันที
ในมุมมองของพวกเขา หลินอิ่งต่อให้คือคนที่ฝึกวิทยายุทธแล้วจะยังไงได้อีก? มือเปล่าไร้อาวุธยังจะสามารถพลิกฟ้าได้?
พวกเขาสิบกว่าคนเสเพลกันอยู่ที่โลกภายนอก ใครไม่มีความสามารถ?
ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง!
จากนั้นชายหนุ่มร่างใหญ่สิบกว่าคนก็พุ่งรบเข้ามา เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ภายในออฟฟิศขนาดใหญ่ก็สะท้อนเสียงหมัดกระทบเนื้อดังออกมาไม่หยุด
ร่างกายของหลิงอิ่งราวกับปีศาจ หมัดเท้าไร้เงา ฟึ่บฟั่บๆ กำลังของเขาเดิมทีก็แกร่งจนถึงสามารถล้มควายทั้งตัวได้อย่างง่ายดาย ลื่นไหลแม่นยำ หมัดนึงเท้านึงก็ทำให้ชายร่างใหญ่ตีลังกาล้มลงกับพื้น มือกุมท้องร้องโวยเสียงดัง!
“อ๊าก!โอ๊ย!”
สิ่งที่ตามมาติดๆก็คือเสียงร้องอันน่าเวทนา ชายร่างใหญ่สิบกว่าคน อ่อนปวกเปียกอยู่กับพื้นทั้งหมด ไม่มีกำลังในการสวนหมัดเลยแม้แต่น้อย ก็ความรวดเร็วของพวกเขา หยิบมีดสั้นขึ้นมาจะยังไงก็แทงไม่ถึงหลินอิ่ง
“เป็นไปได้ยังไง? พลังของแกทำไมถึงรุนแรงขนาดนี้?” ลู่กวงตาลอยมองดูฉากนี้
เขาเห็นเพียงแค่ลูกน้องทั้งหมดตีลังกาลงกับพื้นไปทีละคนๆ ร่างกายที่กำยำสูงใหญ่ อยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มเสื้อเชิ้ตสีขาวคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะกรอบจนเหมือนกับกระดาษแผ่นนึงยังไงอย่างงั้น หมัดเดียวก็ทนไม่ไหว?
“พี่ใหญ่ลู่ มัน มันช่างเหี้ยมโหดจริงๆครับ!” หนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหอบ
ในสายตาของพวกเขา ชายหนุ่มที่มาอย่างกะทันหันคนนี้ เรียกได้ว่าเป็นปีศาจจริงๆ!
ลู่กวงก็ถอนหายใจยาวออกมาเช่นเดียวกัน สีหน้าขมขื่น
ในใจคิดว่าหากพกปืนมาด้วยก็คงจะดี ก็จะไม่ถึงขั้นถูกคนบุกเดี่ยวกำราบเรียบ
อาวุธที่สามารถโหลดกระสุนได้ ก็ใส่เอาไว้ในหลังกระโปรงรถออฟโรดที่อยู่ลานจอดรถชั้นใต้ดินหมดแล้ว ไม่ได้พกขึ้นมาด้วยเลย
ก่อนหน้านี้ก็คิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย อาคารไห่หยางต่างก็ถูกปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว เพียงแค่รับมือกับเจียงฉีไอ้คนอ่อนแอที่นั่งอยู่ในห้องทำงานทุกวันนี่ จะต้องใช้คนจริงที่ไหนกัน?
หลินอิ่งเดินมาถึงริมหน้าต่าง แก้ลวดเหล็กออก ดึงเจียงฉีกลับมาจากด้านนอกหน้าต่าง
“ฮู่ ประธานหลิน คราวนี้โชคดีที่คุณออกโรงช่วยเหลือ ผู้น้อยไร้ความสามารถ หาเรื่องวุ่นวายมาให้คุณมากมายขนาดนี้” เจียงฉีถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าละอายใจ มองไปทางหลินอิ่งสายตาก็มีความช็อกเพิ่มขึ้นมาเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้เจียงฉีรู้เพียงแค่หลินอิ่ง ชาติตระกูลทำลายกฏของโลก ร่ำรวยมหาศาล แต่คิดไม่ถึงว่า หลินอิ่งยังมีความสามารถที่น่ากลัวขนาดนี้อีก?
ไม่ใช่ว่าเห็นด้วยตาเขายังไม่กล้าที่จะเชื่อ หลินอิ่งบุกเดี๋ยวเลยนะ แค่เท้าข้างเดียว ก็กำราบเรียบนักเลงมืออาชีพที่พกปืนสิบกว่าคน?
มองแค่รูปร่างที่สูงๆผอมๆของหลินอิ่งเพียงอย่างเดียว ก็ไม่เหมือนกับคนที่มีกำลังมากมายขนาดนี้เลยแม้แต่น้อย
“หรือจะบอกว่า คนที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเจียงฉีคือแก?” ลู่กวงดูเหมือนคิดประเด็นสำคัญอะไรขึ้นมาได้
เหงื่อผุดเต็มหน้าผากอย่างบ้าคลั่ง นี่ก็ช่างน่าช็อกโลกเกินไปแล้วล่ะมั้ง?
เขาต่อให้ตอนนี้โทรศัพท์ไปหาคุณชายใหญ่ซูนเหิงแห่งตระกูลซูนรายงานข่าว บอกว่าหลินอิ่งมาที่อาคารไห่หยางกำราบคนไปหมดแล้ว เกรงว่าซูนเหิงก็คงจะไม่เชื่อหรอกมั้ง?
“ที่แกรู้ก็มากเกินไปแล้วล่ะมั้ง?” หลินอิ่งหัวเราะขึ้นอย่างเยือกเย็น สายตาโหดเหี้ยมอย่างหาใดเปรียบ
ปึ้ง!
หลินอิ่งใช้เท้าข้างเดียวถีบจนลู่กวงล้มกระแทกไปบนกำแพงอย่างรุนแรง กระดูกทั่วทั้งร่างกายแหลกลาญภายในชั่วพริบตา บนศีรษะปูดบวมเป็นลูกๆ ใบหน้าฟกช้ำไอแห้งกระอักเลือดสดออกมา
“ไม่!ผมไม่รู้ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น!” ลู่กวงเอ่ยขึ้นอย่างหวาดกลัว มองเห็นสายตาเยือกเย็นที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของหลินอิ่ง ทั่วทั้งร่างกายก็สั่นเทาไปหมด
“อย่าฆ่าผมเลย!หลินอิ่ง ไม่ คุณพ่อ คุณปู่ครับ!ขอร้องคุณล่ะ ปล่อยผมไปเถอะ ผมเป็นวัวเป็นควายให้คุณก็ได้หมด!”
ยังไม่รอให้หลินอิ่งพูดอะไรออกมา ลู่กวงก็ตุ้บคุกเข่าลงกับพื้นด้วยจิตสำนึกของตัวเอง ปังๆๆโขกศีรษะไปทางหลินอิ่ง
ความกล้าของลู่กวงถูกทำให้หวาดกลัวจนแตกไปโดยสมบูรณ์แบบ ตอนนี้ยังจะกล้าเผยความหยิ่งผยองแม้เพียงเล็กน้อยกับหลินอิ่งที่ไหนกัน?
ก็ด้วยท่าทางนี้ของหลินอิ่ง ท่าทีที่เทพมาขวางก็ฆ่าเทพนี้ พลังเท้าข้างเดียวที่ถีบมาบนร่างกาย ความรู้สึกก็ราวกับถูกรถยนต์ชนก็ไม่ปาน ไม่แน่เท้าต่อไปถีบมาถึงส่วนที่สำคัญ คนก็แย่เลยน่ะสิ!
ดังนั้น ลู่กวงต่อให้ยังมีไพ่ใบสุดท้ายเหลืออยู่ สามารถเอ่ยชื่อของพี่ใหญ่แห่งเขตเหนือของเมืองฉินฝู้กุ้ยออกมา ในเวลานี้ก็ไม่กล้าหยิบเอาอันนี้มาข่มขู่หลินอิ่ง
ถึงอย่างไร ความเป็นความตายถืออยู่ในมือของคน ขอเพียงแค่สามารถหลบภัยพิบัติตรงหน้านี้ไปได้ ต่อไปถึงจะมีโอกาสหาทางชนะกลับมาได้
หลินอิ่งหัวเราะอย่างประชดประชันขึ้นมา เอ่ยว่า “แกตอนนี้เรียกฉันคุณปู่? งั้นแกอธิบายกับฉันสักหน่อย เมื่อครู่นี้ในโทรศัพท์ แกพูดว่าอะไร?”
“ผม...ผม!” ศีรษะของลู่กวงชุ่มไปด้วยเหงื่อ กลัวจนถึงขีดสุด โขกศีรษะลงกับพื้นอย่างกะทันหัน
“หลินอิ่ง ไม่ ท่านหลิน ผมพูดผิดไปแล้ว คุณคือพ่อ คุณคือปู่ของผม!” ลู่กวงโขกศีรษะปึ้งๆ หน้าตาอะไรก็ไม่เอาแล้ว ร้องขอเพียงแค่หลินอิ่งสามารถไว้ชีวิตเขาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์เจ้าสำราญ