โหวกุ้ยเหวินถีบเฝิงอวี้เจียวอย่างแรงสองที ใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
เฝิงอวี้เจียวกลิ้งกึ่งคลานมาที่ด้านหน้าของมู่หรงยิ่นกับหลินหยาง
“ขอโทษค่ะ ประธานยิ่น ฉันมีตาหามีแววไม่ ขอร้องคุณอย่าได้ถือสา ยกโทษให้ฉันด้วย ต่อไปฉันไม่กล้าอีกแล้วค่ะ”
ในระหว่างที่เฝิงอวี้เจียวกำลังพูด ยังตบหน้าตัวเองอย่างแรงไปด้วยอีกสองฉาด
“คนที่เธอควรจะขอโทษ คือหลินหยาง ไม่ใช่ฉัน”
มู่หรงยิ่นกล่าว
เฝิงอวี้เจียวรีบคุกเข่าต่อหน้าหลินหยางพร้อมทั้งกล่าววิงวอน
“คุณหลินหยาง ขอโทษด้วยค่ะ! ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรพูดเรื่องพวกนั้น ฉันปากเสียเอง ฉันมันชอบดูถูกคนอื่น”
“ขอให้คุณเห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ให้โอกาสฉันสักครั้งเถิดนะคะ! ฉันไม่อยากถูกโยนลงไปในแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลา แล้วก็ไม่อยากเสียงานไปด้วย!
เฝิงอวี้เจียวรู้ดีว่า คำพูดของโหวกุ้ยเหวินไม่ใช่แค่พูดไปเท่านั้นอย่างแน่นอน เขาโยนคนลงแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลาจริง ๆ
หลินหยางสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วก็ไม่ได้แสดงท่าที
เฝิงอวี้เจียวจิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ยกมือตบหน้าตัวเองอีกครั้ง ตบหน้าตัวเองจนเลือดกลบปาก
“พอแล้ว อย่าทำให้พื้นสกปรก ประธานโหวยังต้องเปิดร้านขายของต่ออีกนะ ฉันคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเธอ เธอไม่คู่ควร!” หลินหยางกล่าว
เฝิงอวี้เจียวกลับเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ถอนหายใจได้อย่างโล่งอกสักที
“ขอบคุณค่ะ! ขอบคุณในความใจกว้างของคุณ”
จากนั้นรีบหันหน้ากลับมา กล่าวกับโหวกุ้ยเหวิน “ประธานโหว พวกเขายกโทษให้ฉันแล้ว ขอร้องคุณอย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ”
“ประธานยิ่นมีสถานะระดับไหน เขาไม่สนใจที่จะคิดเล็กคิดน้อยกับคนน่ารังเกียจแบบเธอหรอก เธอในฐานะที่เป็นผู้จัดการร้าน แต่กลับดูถูกคนอื่น ขับไล่ลูกค้า วันนี้ฉันจะไว้ชีวิตเธอสักครั้ง รีบเก็บข้าวของแล้วไสหัวไปจากร้านฉันซะ”
โหวกุ้ยเหวินเป็นคนฉลาด แม้ว่ามู่หรงยิ่นกับหลินหยางจะไม่ถือสาหาความ เขาก็ไม่มีทางเข้าข้างเฝิงอวี้เจียวเด็ดขาด
ถึงแม้ว่าเฝิงอวี้เจียวจะเคยหลับนอนกับเขา แต่ก็ไม่แสดงความเมตตาใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะทำให้มู่หรงยิ่นไม่พอใจ
ที่ก่อนหน้านี้เฝิงอวี้เจียวกล้าอวดดี ไม่กลัวการร้องเรียนแบบนี้ นอกจากอาศัยที่แฟนหนุ่มเป็นผู้จัดการแล้ว ที่สำคัญเลยคือเธอกับโหวกุ้ยเหวินเป็นชู้กัน จึงคิดไปเองว่าตนเป็นคนรักของโหวกุ้ยเหวิน มีแบคดี
ใครจะรู้ว่าโหวกุ้ยเหวินจะแตกหัก เกือบจะทำให้เธอต้องตาย!
เฝิงอวี้เจียวหมดอาลัยตายอยาก ตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง
จากนี้ไม่เพียงแค่เสียงานไปเท่านั้น เกรงว่าถ้าเยว่จวินแฟนหนุ่มรู้เรื่องนี้ ก็จะต้องตัดความสัมพันธ์กับเธอเช่นกัน
ไม่ง่ายเลยที่เธอจะไต่เต้าขึ้นมาถึงตำแหน่งผู้จัดการร้าน ว่างเปล่าเพียงชั่วพริบตา สายเกินไปที่จะเสียใจ!
“วันนี้พวกเธอคงเห็นแล้ว? ต่อไปใครกล้าไม่มีมารยาทกับลูกค้า ก็จะมีจุดจบแบบนี้!”
โหวกุ้ยเหวินถือโอกาสเชือดไก่ให้ลิงดู ปรับปรุงรูปแบบร้าน
พนักงานที่เห็นดีเห็นงาม พูดจาสนับสนุนเฝิงอวี้เจียวสองสามคนเมื่อครู่นี้ สั่นระริกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ราวกับเจ้าเข้า เพราะกลัวว่างานจะเข้าตัวเอง
หลิ่วฟู่อวี่ได้เห็นกับตาทุกอย่าง ในใจตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
โหวกุ้ยเหวินในแวดวงสังคมของเมืองลั่ว ถือว่าฐานะไม่ธรรมดา แล้วก็เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา คนที่สามารถทำให้เขาประจบประแจงโดยไม่ละอายได้มีไม่มากนัก
ต่อให้เป็นหลิ่วเฉิงจื้อพ่อของเธอมาที่นี้ ก็ไม่แน่ว่าจะได้รับการปฏิบัติแบบนี้
“ผู้หญิงคนนี้มีความเป็นมายังไง? ถึงได้กลายเป็นแฟนสาวของไอ้สวะอย่างหลินหยาง?”
หลิ่วฟู่อวี่คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ
“คุณหนูหลิ่ว ไหนคุณว่าจะเรียกให้คนมากระทืบพวกเราให้พิการเลยไม่ใช่หรือ? ยังไม่เรียกมาอีก?”
มู่หรงยิ่นกล่าวกับหลิ่วฟู่อวี่
“ฉัน...วันนี้ฉันเห็นแก่หน้าของเถ้าแก่โหว จะปล่อยพวกแกไปสักครั้ง อย่าให้ฉันเจอพวกแกอีก”
“โดยเฉพาะแก หลินหยาง! ในสายตาของฉัน ถึงยังไงแกก็เป็นแค่ไอ้สวะ อย่าคิดว่าแกประจบประแจงคนที่มาฐานะสูงได้ แล้วจะทำให้ฉันยอมรับแก ฉันจะดูถูกแกแบบนี้!
หลิ่วฟู่อวี่พูดจาด้วยถ้อยคำรุนแรง แล้วก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หลินหยางเกาหน้าผาก กล่าวอย่างจนปัญญา “คุณพูดถูก โชคดีที่ผมไม่ได้แต่งงานกับเธอ”
หลังจากมอบนามบัตรและบัตรแล้ว โหวกุ้ยเหวินก็ขอตัวลาอย่างชาญฉลาด
มู่หรงยิ่นกล่าวเสียงเบา “โหวกุ้ยเหวินเป็นคนฉลาดนะ มองแวบเดียวก็สามารถแยกแยะดีชั่วได้ รู้ว่าต้องมอบผลประโยชน์ให้คุณ”
“ผมก็แค่อาศัยบารมีของคุณ ถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วย เขาไม่มีทางมองผมในแง่ดีหรอก คงจะไล่ผมออกไปตั้งนานแล้ว”
หลินหยางกล่าวอย่างหยอกเย้า
“แล้วเมื่อไหร่คุณถึงจะให้ฉันได้อาศัยบารมีของคุณบ้างละคะ คุณหลินหมอเทวดา”
มู่หรงยิ่นเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ถือโอกาสกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลินหยาง
มู่หรงยิ่นเลือกเสื้อผ้าให้หลินหยางสิบกว่าชุด มีทั้งสูท ชุดลำลอง ยังมีรองเท้าหนัง เข็มขัด กระเป๋าสตางค์ สรุปแล้วซื้อได้อย่างครบถ้วนเลยทีเดียว
หลินหยางที่เดิมทีรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลา เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ทั้งรูปลักษณ์และอุปนิสัยเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ดูดีขึ้นหลายระดับ
“สายตาของฉันที่เลือกชุดให้พอใช้ได้ไหมคะ?”
มู่หรงยิ่นจ้องมองหลินหยางในกระจก ช่วยเขาจัดปกคอเสื้อ เอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง
การสัมผัสที่ใกล้ชิดแบบนี้ กลิ่นหอมบนตัวของมู่หรงยิ่นโชยเข้าจมูก หลินหยางจิตใจฟุ้งซ่านขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะผมหน้าตาหล่อหรอกหรือ ถึงใส่อะไรก็ดูดีไปหมด?”
หลินหยางลดความระแวดระวังลงเล็กน้อย ถือโอกาสพูดล้อเล่นด้วยเช่นกัน
“หล่อมากจริง ๆ มาค่ะ ลองชุดนี้ดูอีกชุด”
มู่หรงยิ่นเองก็รู้สึกได้ถึงท่าทีใกล้ชิดที่หลินหยางมีต่อเธอบ้างแล้ว แอบดีใจ
สุดท้ายตอนที่คิดเงิน มู่หรงยิ่นยืนกรานไม่ให้หลินหยางจ่ายเงิน บอกว่าเป็นของขวัญที่มอบให้เขา
เสื้อผ้าลิมิเต็ดอิดิชั่น จำนวนสิบกว่าชุด จ่ายไปทั้งหมดห้าล้านกว่า
หลินหยางมอบผลงานให้แก่เฉินเสี่ยวหลิงพนักงานของร้านที่ต้อนรับเขาตั้งแต่ตอนแรก ทำให้เฉินเสี่ยวหลิงดีใจจนกล่าวขอบคุณหลายครั้ง
พนักงานคนอื่นอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง แล้วก็เสียใจเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง