บทที่ 139 คนเราพยายามไปเพื่ออะไร?
ฉินเยว่ออกไปได้ไม่นาน เฉินชางก็ได้รับโทรศัพท์เบอร์แปลกสายหนึ่ง หลังจากรับก็มีเสียงว่า
“ผู้เชี่ยวชาญเสี่ยวเฉินหรือครับ? ผมเป็นคนของโรงพยาบาลประชาชนของอำเภอหลันนะครับ ผมมารับคุณแล้วครับ” เสียงของคนขับรถฟังดูแล้วยังอายุไม่มาก “ตอนนี้ผมอยู่ที่ประตูตะวันตกของโรงพยาบาลอันดับสอง เป็นรถบิวอิคก์สีดำ ป้ายทะเบียน…”
เฉินชางพยักหน้า “โอเคครับ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้ รบกวนคุณรอสักครู่นะครับ”
เมื่อวางโทรศัพท์แล้ว เฉินชางก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อ เตรียมจะออกไป
แม้แผนกฉุกเฉินจะเป็นหนึ่งในแผนกที่ยุ่งและเหนื่อยที่สุดของโรงพยาบาล แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลย ในความคิดของเฉินชาง ข้อดีที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือแผนกฉุกเฉินอยู่ชั้นหนึ่ง
ขอแค่เป็นคนที่เคยไปโรงพยาบาลก็จะรู้ดีว่าลิฟท์ของโรงพยาบาลย่ำแย่ขนาดไหน คนเยอะจนเบียดตัวเข้าไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
ในช่วงที่เฉินชางฝึกงาน เขาต้องอยู่กับแผนกศัลยกรรมประสาทชั้นยี่สิบเอ็ดมาทั้งเดือน วอร์ดก็อยู่ที่ชั้นยี่สิบเก้าในตึกเดียวกัน ทุกครั้งที่ถึงเวลาเลิกงานหรือเข้างาน ความรู้สึกที่ว่าร้อนใจแทบตายแต่ขึ้นลิฟท์ไม่ได้ทำให้คุณไม่อยากเจออีกจริงๆ!
แลกเวรเวลาเจ็ดโมงห้าสิบ แต่เฉินชางต้องมาประมาณเจ็ดโมงถึงจะได้ขึ้นลิฟท์ มิเช่นนั้นพอเจ็ดโมงครึ่งเป็นต้นไปจะมีคนมากดุจมหาสมุทร ต้องขึ้นบันไดไปเท่านั้น ความขมขื่นในการเดินขึ้นบันไดยี่สิบเอ็ดชั้นจะฝังแน่นอยู่ในกล้ามเนื้อของคุณเลยทีเดียว
ช่วงเวลานั้น หมอและพยาบาลทุกคนต่างก็ต้องเข้างาน ครอบครัวผู้ป่วยก็จะมาเยี่ยม ผู้ป่วยก็จะมาแอดมิท ผู้ป่วยหรือญาติที่มาค้างเป็นเพื่อนก็เพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จและจะกลับไปที่ห้องผู้ป่วย ไม่ทันไรก็มีคนมากขนาดนี้ เบียดเข้าไปไม่ได้จริงๆ
แม้โรงพยาบาลจะมีลิฟท์สำหรับพนักงาน แต่ไม่มีกฎว่าห้ามผู้ป่วยขึ้นลิทฟ์สำหรับพนักงาน!
ตั้งแต่นั้นมา เฉินชางก็กลัววอร์ดที่อยู่ชั้นสูงๆ มาตลอด ส่วนแผนกฉุกเฉินจะสะดวกกว่ามาก เดินออกไปก็เป็นถนนแล้ว สะดวกมากเลยทีเดียว!
แน่นอนว่าสาเหตุที่แผนกฉุกเฉินถูกจัดให้อยู่ชั้นหนึ่ง ไม่ใช่เพราะจะสร้างความสะดวกให้เฉินชาง แต่เพื่อสร้างความสะดวกให้คนไข้…
ประตูตะวันตกของโรงพยาบาลก็คือประตูตะวันตกของแผนกฉุกเฉิน เมื่อเฉินชางเดินออกไปก็เห็นรถคันหนึ่งจอดรออยู่ตรงประตู เฉินชางจึงเดินไปขึ้นรถ
หยวนฟางเห็นดังนั้นก็ชะงักไป!
เฉินชางจะไปทำอะไรอีกแล้ว?
รับงานนอกอีกแล้วหรือ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยวนฟางก็เดินตามไปเงียบๆ เห็นเฉินชางขึ้นรถไปพอดี
ทันใดนั้นหยวนฟางพลันรู้สึกเปรี้ยวไปถึงสมอง อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไว้!
ตอนนี้เอง หวังเชียนก็เดินเข้ามา “หยวนฟาง ยังไม่เลิกงานอีกหรือครับ?”
หยวนฟางยิ้ม “เดี๋ยวจะเลิกแล้วครับ! หวังเชียน คุณว่า…เฉินชางเก่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ? รับงานนอกฉายเดี่ยวได้แล้วหรือ!”
หวังเชียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “พอได้นะครับ เฉินชางพยายามมาก แต่ว่า…คุณเองก็เก่งเหมือนกัน ผมว่าคุณผ่าตัดได้ดีเลยทีเดียว ตอนนี้พวกเรามีห้องผ่าตัดแล้ว คุณก็ฝึกฝนให้มากหน่อย ไม่แน่ว่าอาจได้ออกไปรับงานฉายเดี่ยวก็ได้นะครับ”
เมื่อหวังเชียนพูดเช่นนี้ ทำให้หยวนฟางเกิดหวั่นไหวขึ้นมา
……
……
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่ทุกคนเลิกงานพอดี บนถนนจึงมีรถมาก กว่าจะไปถึงอำเภอหลันก็สองทุ่มกว่าแล้ว
หัวหน้าต้วนรอเฉินชางอยู่ที่ประตูร้านอาหาร มีหมอในแผนกอีกหลายคนมาด้วยกัน เมื่อเห็นเฉินชาง แต่ละคนก็มีท่าทีเคารพนอบน้อม
หลังจากเฉินชางแสดงการผ่าตัดไปครั้งที่แล้ว ฐานะของเฉินชางในใจหมอน้อยแห่งแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลประชาชนอำเภอหลันก็สูงขึ้นไม่หยุดหย่อน
ผู้ที่ทำอาชีพแพทย์ต้องอาศัยทักษะฝีมือ และฝีมือของคุณก็จะส่งผลต่อสายตาที่ผู้อื่นมองคุณ
ถึงคุณจะไม่ใช่หัวหน้าแผนกและไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบงานบริหาร แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความเคารพที่ผู้อื่นมีให้คุณแม้แต่น้อย
เฉินชางยังอายุไม่มาก เมื่อเทียบกับหมอน้อยในโรงพยาบาลแห่งนี้แล้วยังอายุน้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับความคิดที่ทุกคนมีต่อเฉินชางเลย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเฉินชางเป็นคนหนุ่มที่เก่งกาจ มีอนาคตไร้ขีดจำกัด
บางคนบอกว่าผลของความพยายามก็คือ ในขณะที่คุณกำลังคีบอาหาร จะไม่มีใครหมุนโต๊ะตรงกลาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ