ตอน บทที่ 143 พวกเราแย่ขนาดนี้จริงหรือ? จาก เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 143 พวกเราแย่ขนาดนี้จริงหรือ? คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายSlice of Life เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 143 พวกเราแย่ขนาดนี้จริงหรือ?
คนของศูนย์ฉุกเฉิน 120 ก็ไม่กล้าหยุดมือ รีบเข็นเตียงผู้ป่วยไปยังรถฉุกเฉิน จะรีบออกเดินทางไปยังเมืองอันหยาง
จู่ๆ เฉินชางก็พูดกับหมอประจำรถว่า “ให้ผมไปด้วยเถอะครับ ระหว่างทางก็ต้องมีคนดูแล ผมคือเฉินชาง แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองครับ”
ในหมู่หมอประจำรถ หม่าชุนหยางเป็นหมอเก่าแก่ของศูนย์ฉุกเฉิน 120 ทำงานด้านนี้มายี่สิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้เขาอายุสี่สิบกว่า จึงกลายเป็นผู้รับผิดชอบหลักไปแล้ว
แม้ในตอนที่เผชิญหน้ากับการกู้ชีพที่มีลักษณะพิเศษและค่อนข้างอันตราย เขาก็ยังติดตามรถไปด้วย!
ว่ากันตามจริง ทักษะการเจาะเลือดดำของเฉินชางเมื่อครู่นี้สร้างความตื่นตะลึงให้หม่าชุนหยางอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าต้องเจาะเลือดกี่ครั้งถึงจะฝึกเจาะหลอดเลือดดำเพื่อใส่สายสวนได้อย่างแม่นยำขนาดนี้?
เมื่อเขาเห็นเฉินชางเป็นเพียงหมอน้อยวัยหนุ่ม ก็รู้สึกเหมือนกับไม่ใช่ความจริง!
หม่าชุนหยางเห็นเฉินชางพูดเช่นนี้ ดวงตาพลันเปล่งประกาย มีคนที่มีความสามารถไม่ธรรมดาติดรถไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นวาสนาทั้งต่อพวกเขาและต่อผู้ป่วยเลยทีเดียว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หม่าชุนหยางก็รีบจับมือทั้งสองของเฉินชาง พูดว่า “รบกวนหมอเฉินแล้วครับ อ้อ! ผมชื่อหม่าชุนหยาง เป็นหมอกู้ชีพฉุกเฉินของศูนย์ฉุกเฉิน 120 นะครับ”
ไม่ได้มีการพูดจามากมารยาทอะไร พวกเขาเตรียมพร้อมหมดแล้วรถก็แล่นออกไป มุ่งหน้าสู่เมืองอันหยาง
รถของศูนย์ฉุกเฉิน 120 เพิ่งไปไม่นาน ในที่สุดแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลประชาชนแห่งอำเภอหลันที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังก็สงบลงแล้ว!
สำหรับโรงพยาบาลระดับรากหญ้า ทุกครั้งที่สัญญาณฉุกเฉิน 120 ดังขึ้นก็เป็นเหมือนบททดสอบอันยากลำบากสำหรับพวกเขา
การกู้ชีพคืออะไร?
มีคนเปรียบเทียบไว้เช่นนี้ หมอที่ทำหน้าที่กู้ชีพก็เหมือนกับตำรวจแผนกปราบปรามอาชญากรรม ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์กะทันหันอะไร ก็จำเป็นต้องรีบเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เป็นแนวป้องกันสุดท้ายของชีวิตพวกคุณ
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนต้องคิดทบทวน!
ระดับทักษะฝีมือของพวกเขา…ต้องพัฒนาจริงๆ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเฉินชางอยู่ด้วย เรื่องในวันนี้จะเป็นอย่างไร?
อาจจะต้องส่งผู้ป่วยขึ้นรถฉุกเฉินไปอีกครั้งแล้วรีบไปที่มืออันหยางก็เป็นได้
ระหว่างทาง ผู้ป่วยไม่ได้รับยาผ่านทางหลอดเลือดดำจะยืนหยัดจนถึงโรงพยาบาลหรือไม่ก็อาจจะต้องดูลิขิตฟ้า
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ต้วนปัวก็รู้สึกไร้พลังอย่างสาหัส ความรู้สึกอับจนหนทาง ไร้ความสามารถและไร้พลังกำลังถาโถมเข้าใส่สมอง ทำให้เขาที่เดิมทีเป็นหมอที่มีรายได้สูงไม่ดีใจเลยสักนิด
เขามองไปยังค่ำคืนอันเงียบสงบนอกหน้าต่าง เดินออกไปหยิบบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่ง นั่งลงตรงบันไดอย่างเงียบงันไม่พูดจา
เฉินชางช่วยชีวิตห้าคนนี้ไว้ได้ แล้วใครจะช่วยคนมากมายก่อนหน้านี้ ในอนาคตจะมีคนอีกมากเท่าไหร่ที่ยังรอการช่วยเหลือ หรือจะทำได้แค่นั่งดูอยู่เฉยๆ เช่นนี้?
เขาจะทำอะไรได้บ้าง?
เรื่องเช่นนี้ เขาต้วนปัวทำได้เพียงนั่งรู้สึกแย่อยู่ที่นี่ นี่เป็นเรื่องระดับประเทศ เป็นเรื่องของผู้คนนับไม่ถ้วน เขาที่เป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลระดับอำเภอคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้?
ต้วนปัวเกิดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอหลัน หลังจากเรียนจบ เดิมทีเขามีโอกาสทำงานที่เมืองอันหยาง แต่เขาเลือกกลับมาบ้านเกิด เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลประชาชนแห่งอำเภอหลัน
ตอนนั้นคนที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลระดับรากหญ้าล้วนเป็นนักศึกษาที่จบด้านสุขภาพ เมื่อต้วนปัวเข้ามาทำงานจึงกลายเป็นบุคคลที่หัวหน้าให้ความสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัยเลย หลังจากใช้เวลาไปถึงสิบปี เขาก็กลายเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไป
เขาที่เติบโตมากับสังคมรากหญ้า เห็นอำเภอหลันด้อยกว่าเมืองใหญ่อยู่มาก เขามีใจอยากเข้าไปเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไร้ความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง
ก็เหมือนกับเหตุการณ์ในวันนี้ อำเภอหลันมีรถฉุกเฉินอยู่จึงพาผู้ป่วยมาส่งได้ทันเวลา แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจเฉียบพลันในหมู่บ้านห่างไกลเล่า จะนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาลทันหรือ?
บุหรี่หนึ่งมวนสูบไม่นานก็หมด ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมา
ต้วนปัวสูดหายใจลึก จะคิดมากไปทำไม? ทำสิ่งที่ตนเองทำได้ให้ดีก็พอแล้ว
การรักษาพยาบาลไม่ใช่เรื่องของคนเพียงคนเดียว แต่เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ความไม่สมบูรณ์แบบและความไร้เหตุผลของระบบรักษาพยาบาลไม่ใช่อะไรที่ตนเพียงคนเดียวจะไปเปลี่ยนแปลงได้
ตอนนี้ภายในแผนกฉุกเฉิน คนกลุ่มหนึ่งกำลังวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
“หมอน้อยเมื่อกี้นี้สุดยอดไปเลย ใช้เวลาแค่คนละนาที เยี่ยมมาก!” นางพยาบาล A พูดอย่างตื่นเต้น
เฉินชางเล่าเรื่องที่เขาเข้าร่วมการกู้ชีพให้ฟังรอบหนึ่ง แต่ยังปิดบังเรื่องที่ตนเองรับงานนอกเอาไว้ บอกแค่ว่าไปทำธุระที่อำเภอหลัน
หม่าชุนหยางก็พยักหน้า “โชคดีที่มีหมอเฉิน ไม่งั้น…”
หวังเซี่ยงจวินพยักหน้า “ครับ เสี่ยวเฉินรีบไปพักผ่อนเถอะ”
เฉินชางพยักหน้าแล้วเดินจากไป วันนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ
[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของหวังเซี่ยงจวิน +5!]
เฉินชางส่ายหน้ายิ้มๆ จากนั้นจึงเดินจากไป ตอนที่ออกไปบนถนน ไม่มีรถจักรยานสาธารณะเหลืออยู่แล้ว หลังจากจักรยานสาธารณะถูกยกเลิกไป เฉินชางก็ไม่ได้ถอนเงินมัดจำอออกมา ก่อนหน้านี้ยังพอเห็นรถได้บ้าง แต่ตอนนี้บนถนนมีอยู่แค่ไม่กี่คันที่ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทาง คันอื่นไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว
ความก้าวหน้าทางการแพทย์ก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?
เรื่องในวันนี้สร้างความรู้สึกสะท้อนใจให้เฉินชางมาก ภายใต้เศรษฐกิจที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่โรงพยาบาลรากหญ้ากลับตกต่ำลง ขาดแคลนบุคคลผู้มีความสามารถ ทรัพยากรในการรักษาพยาบาลก็ไม่เพียงพอ
เฉินชางทอดถอนใจ
ล้วนเดินไปเบื้องหน้าด้วยการคลำทางทั้งนั้น แต่เมื่อเทียบกับตอนแรก พวกเราก้าวหน้าขึ้นมากแล้ว
แต่พวกเรายังต้องเดินไปเบื้องหน้าทีละก้าว…
โรงพยาบาลตงต้าอยู่ห่างจากโรงพยาบาลอันดับสองไม่มาก และห่างจากที่พักของเฉินชางไม่ไกล เดินเตร่อยู่พักหนึ่งก็ถึงแล้ว
ในตอนที่เดินอยู่บนถนน จู่ๆ เฉินชางก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง “เสี่ยวเฉิน ผมจางโหย่วฝูนะครับ”
เฉินชางพลันรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที จางโหย่วฝูโทรหาตนทำไม?
เฉินชางรีบพูดว่า “หัวหน้าจาง สวัสดีครับ”
จางโหย่วฝูหัวเราะ “คือว่าเป็นแบบนี้นะครับ เสี่ยวเฉิน พรุ่งนี้ผมจะไปเข้าร่วมรายการเกี่ยวกับสุขภาพของสถานีโทรทัศน์ตงหยาง ทางโรงพยาบาลหวังว่าเมื่อผมไปแล้วจะได้โฆษณาการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องฉบับปรับปรุงของคุณสักหน่อย เพื่อเพิ่มความนิยมให้โรงพยาบาลเราน่ะครับ คุณสะดวกส่งไฟล์พาวเวอร์พ้อยท์ให้ผมไหมครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ