เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ นิยาย บท 248

สรุปบท บทที่ 248 งานตั้งโต๊ะรับสมัครงาน: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

อ่านสรุป บทที่ 248 งานตั้งโต๊ะรับสมัครงาน จาก เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ โดย Internet

บทที่ บทที่ 248 งานตั้งโต๊ะรับสมัครงาน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายSlice of Life เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 248 งานตั้งโต๊ะรับสมัครงาน

ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เฉินชางมาร่วมงานตั้งโต๊ะรับสมัครงานในฐานะผู้รับสมัคร

ค่อนข้างรู้สึกแปลกๆ

ผู้คนยังคงเนืองแน่นไม่เปลี่ยน ไม่ได้มีเพียงแต่นักศึกษาจบใหม่ที่มีจำนวนมาก ยังมีผู้ปกครองจำนวนหนึ่งที่ถ้าไม่ได้มายื่นเรซูเม่แทนบุตรหลานก็มาสืบข่าวสมัครงานของแต่ละองค์กร

เจ้าหน้าที่รับสมัครงานของโรงพยาบาลอันดับสองเป็นผู้หญิงอายุไม่มากสองคน เมื่อช่วงเช้าหัวหน้าแผนกทรัพยากรบุคคลก็มาที่งานแล้ว ทว่าไม่นานก็กลับ ถึงอย่างไรเสียเป้าหมายสำคัญของงานตั้งโต๊ะรับสมัครงานก็คือรับเรซูเม่

บุคคลระดับหัวหน้ามาเข้าร่วมงานแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น ต้องกล่าวว่างานตั้งโต๊ะรับสมัครงานเล็กๆ นี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของคนตำแหน่งสูงเหล่านั้น

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลอันดับสองก็จัดว่าเป็นโรงพยาบาลอันดับต้นที่มีชื่อเสียงในด้านเนื้องอกวิทยา ประสาทวิทยา ระบบทางเดินปัสสาวะ โรคหัวใจ โรคตับ โรคติดต่อเป็นต้น แผนกเหล่านี้ล้วนเป็นแผนกที่มีความสำคัญระดับชาติ

คนยื่นเรซูเม่เยอะมาก

เจ้าหน้าที่แผนกทรัพยากรบุคคลทั้งสองคนอายุไม่มาก อายุสามสิบกว่า เมื่อเห็นชายหนุ่มอย่างเฉินชาง เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนต่างก็ชีวิตชีวาขึ้นมา ถึงอย่างไรชายหญิงทำงานร่วมกันก็ช่วยกระตุ้นให้บรรยากาศในการทำงานดูกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น

ใช้เวลาไม่กี่สิบนาทีเฉินชางก็เรียกชื่อ ‘พี่จ้าว’ ‘พี่ชุย’ ด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยแล้ว

อันที่จริงแล้วทั้งสองต่างก็เคยได้ยินชื่อเฉินชางมาบ้างแล้ว ถึงอย่างไรเสียหลังจากเรื่องซ่งเฉียงหัวหน้าฝ่ายกิจการเกิดเรื่องได้ไม่กี่วัน ทุกคนต่างก็รู้จักชื่อเฉินชางแล้ว

เจ้าหน้าที่แผนกบุคคลของโรงพยาบาลจะมีงานยุ่งแค่ไม่กี่ครั้งต่อปี นอกนั้นก็ว่างมากจริงๆ ปกติมักจะชอบจับกลุ่มซุบซิบนินทา

ดังนั้นเรื่องที่ซ่งเฉียงหมดอำนาจ พวกเธอก็รู้เรื่องราวทั้งหมดชนิดที่กล่าวได้ว่ารู้ดี แต่ก็ยังไม่รู้เกี่ยวตัวเฉินชางชัดเจนนัก

แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือนกว่า เฉินชางได้ทำอะไรหลายอย่าง เริ่มจากได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นบุคลากรในสังกัด ทำให้ซ่งเฉียงหลุดจากตำแหน่ง เรียนต่อปริญญาโทระหว่างทำงานไปด้วย ความรุ่งโรจน์เช่นนี้ได้มาด้วยการต่อสู้ดิ้นรน จึงเป็นไปได้ยากที่จะไม่เป็นที่รู้จัก

ระหว่างนี้มักจะมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาสอบถามเป็นระยะ ทั้งที่บริเวณข้างโต๊ะรับสมัครงานมีป้ายระบุรายละเอียดไว้อย่างชัดเจน ถ้าคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติเหมาะสมก็ทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ได้เลย

เฉินชางเดิมทีคิดว่างานตั้งโต๊ะรับสมัครงานคงน่าสนุกมากทีเดียว ให้ความรู้สึกเหมือนการทำงานรูปแบบหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาทำงานร่วมกับพี่สาวที่ชอบพูดโน่นพูดนี่ไปเรื่อยไม่หยุด

แต่ก็ดีเหมือนกันที่ได้สร้างมิตรสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่แผนกทรัพยากรบุคคล หลายเรื่องที่จำเป็นต้องติดต่อประสานงานกับแผนกนี้ในภายภาคหน้าก็จะสะดวกมากขึ้น

ถือว่าเป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกัน!

เฉินชางอาศัยใบหน้าขาวละอ่อน ริมฝีปากสุดเซ็กซี่ขยี้ใจ บวกกับวาจาคารมคมคาย ทำให้ค่าความรู้สึกดีของทั้งสองเพิ่มขึ้นถึงเจ็ดแปดแต้ม

ประจบสอพลอต่อไปอีกก็ไม่มีผลอะไรแล้ว

ต่งจยากับหลัวโจวมาถึงหน้าโรงยิม “ไปกันเถอะ ไปดูกันอีกทีเผื่อว่ามีโรงพยาบาลใหม่ๆ มาตั้งโต๊ะ?”

หลัวโจวอารมณ์ไม่สู้ดีนัก เรซูเม่ทั้งหมดที่มีก็ยื่นไปหมดแล้ว แต่ท่าทางที่ดูไม่รีบไม่ร้อนของผู้รับสมัครชวนให้ผู้สมัครอย่างเขารู้สึกหมดกำลังใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้เปิดรับสมัครตำแหน่งศัลยแพทย์ทั่วไปไม่กี่ที่ ยื่นสมัครได้แค่ไม่กี่แห่ง

หลัวโจวถอนหายใจออกมา “เมื่อช่วงเช้าฉันวนดูตั้งหลายรอบแล้ว โรงพยาบาลไหนที่สมัครได้ก็ยื่นใบสมัครส่งเรซูเม่ไปจนหมดแล้ว ถึงจะเป็นพนักงานสัญญาจ้างก็เถอะ แต่ก็ไม่เลว เงินเดือนกับสวัสดิการดีมาก”

ต่งจยามองหลัวโจว “ฉันอยากให้นายทำงานในเมืองอันหยาง”

คำพูดเพียงหนึ่งคำ ทำให้หัวใจของหลัวโจวค่อนข้างร้าวราน

แต่…หางานในเมืองเอกของมณฑลมันง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน

เมื่อเห็นสายตาแห่งความคาดหวังของต่งจยา หลัวโจวก็หัวเราะออกมา เขาหยิกแก้มของเธอเบาๆ “ไปกันเถอะ ไปดูกัน”

เกิดเป็นลูกผู้ชาย ไม่มีใครไม่อยากตามใจแฟนตนเอง!

ต่อให้ยากสักแค่ไหน ก็จะต้องทุ่มเทสุดกำลังทั้งหมดที่มี

แน่นอนว่าในช่วงบ่ายมีโรงพยาบาลอื่นมาตั้งโต๊ะเพิ่ม แต่แรงดึงดูดใจมีไม่มากจริงๆ ขณะที่ทั้งสองตระเวนกรอกใบสมัครกับยื่นเรซูเม่ไปทั่วอยู่นั้น ทันใดนั้นต่งจยาก็เห็นเฉินชาง!

“หลัวโจว นายดูนั่นเร็ว นั่นเฉินชางใช่มั้ย” ต่งจยาดึงเสื้อหลัวโจวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ พร้อมชี้นิ้วไปที่โต๊ะรับสมัครงานของโรงพยาบาลอันดับสอง

หลังจากหลัวโจวหันไปมอง แล้วเขาก็เห็นเฉินชางนั่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ ด้วย

เขารู้สึกประหลาดใจทันใด “เฉินชางเพิ่งจะเรียนปริญญาโทปีหนึ่งไม่ใช่หรือไง เขาทำอะไรที่นี่”

ต่งจยาส่ายหน้า “อาจจะแค่เดินดูก่อนมั้ง ไปกันเถอะ เข้าไปทักทายสักหน่อย”

เฉินชางเป็นอย่างไรเขารู้ดีมาก สมัยเรียนปริญญาตรี ยื่นสมัครทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา เกิดในครอบครัวที่อยู่ในชนบท สมัยเรียนเฉินชางขยันหมั่นเพียรมากเป็นพิเศษ

เฉินชางใช้วุฒิปริญญาตรีต่อสู้บากบากบั่นจนประสบความสำเร็จในเมืองอันหยางได้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลัวโจวก็รู้สึกค่อนข้างเลื่อมใสอย่างคาดไม่ถึง!

พี่จ้าวเจ้าหน้าที่แผนกทรัพยากรบุคคลกล่าวว่า “พ่อหนุ่ม เตรียมตัวให้ดีเถอะ การสอบคัดเลือกครั้งนี้ยุติธรรมมาก”

เฉินชางไม่ได้พูดอะไรมาก ถึงอย่างไรเสียตนก็แค่มาดูเฉยๆ ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ อย่าคิดว่าการที่ตนทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลอันดับสองแล้วตนจะมีอำนาจมากขนาดนั้น ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ตนก็เป็นแค่หนึ่งในหนึ่งพันสี่ร้อยคนของบุคลากรในสังกัดก็เท่านั้นเอง!

แต่เฉินชางยังคงมีกำลังใจมอบให้เพื่อนเสมอ เขากล่าวให้กำลังใจว่า “หลัวโจว ตอนนี้แผนกฉุกเฉินพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมบุคลากรมาก ครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาส นายเตรียมตัวให้ดีๆ ถ้านายสอบผ่านเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลอันดับสองได้จริงๆ ก็จัดว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่เลวเลย รายได้ก็ดีมากด้วย ที่สำคัญคือบรรยากาศภายในแผนกค่อนข้างดีเลย”

เมื่อหลัวโจวได้ฟังเช่นนั้น เขาก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม และกล่าวขอบคุณเฉินชาง “อืม ขอบใจนะ ชางเอ๋อร์ ฉันจะกลับไปเตรียมตัวให้ดีๆ จะพยายามเป็นเพื่อนร่วมแผนกเดียวกันกับนายให้ได้”

หลังจากที่หลัวโจวกับต่งจยาเดินจากไปแล้ว ความรู้ที่สึกที่เกิดขึ้นกับทั้งสองเรียกได้ว่าหลากหลายความรู้สึกผสมปนเป

ใครจะไปคาดคิดว่าจะเจอสถานการณ์เช่นนี้

หลังจากที่ออกมาจากโรงยิมแล้ว นัยน์ตาของต่งจยาก็เบิกโตขึ้น อดกล่าวไม่ได้ว่า “หลัวโจว เย็นนี้เรานัดเฉินชางกินข้าวมั้ย ถึงยังไงเฉินชางก็เป็นหมอแผนกฉุกเฉิน ตอนนี้มาตั้งโต๊ะรับสมัครงานด้วย ถ้าหากว่าคุยกันได้ล่ะ…”

…จะว่าไปแล้วพวกเราต้องสืบจากเฉินชางสักหน่อย ถ้าหากว่าได้ข้อมูลอะไรที่เรารู้ก่อนล่วงหน้าได้ก็ผลดีกับตัวนาย!”

หลัวโจวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ส่ายหน้า “ช่างเถอะน่า ทำแบบนี้จะทำให้เฉินชางลำบากใจหรือเปล่า…เฉินชางมีชีวิตเป็นยังไงมาก่อน ทุกคนรู้ดี กว่าจะมีวันนี้ได้ต้องต่อสู้ด้วยตัวเองล้วนๆ ไม่ใช่หรือ แต่ตอนนี้พวกเรากลับมาสร้างความยุ่งยากใจให้กับเขา เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องชัดๆ…

…จะว่าไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีมุมที่ยากลำบากของตัวเองกันทั้งนั้น อย่าทำให้เมื่อถึงตอนนั้นแล้วเรื่องของเราสองคนกลายเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งชีวิตเขาให้ต้องหยุดชะงักเลย! เธอว่าที่ฉันพูดถูกต้องมั้ย”

ต่งจยาถอนหายใจออกมา เธอคิดเยอะขนาดนี้ก็เพราะเธอคิดแทนหลัวโจว “ฉันกลัว…”

หลัวโจวหัวเราะแล้วมองหน้าต่งจยา “เอาน่า ที่รัก! เธอต้องเชื่อมั่นในตัวฉัน ฉันจะสอบผ่านแน่นอน เราอาศัยความสามารถของตนเองสอบเข้าไปได้จะน่าภูมิใจขนาดไหน ทำไมจะต้องลำบากคนอื่นด้วย!”

เมื่อต่งจยาเห็นแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่ของหลัวโจว เธอก็ไม่ได้รบเร้าอะไรอีก “โอเค งั้นนายจะต้องพยายามให้เต็มที่นะ!”

หลัวโจวพยักหน้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ