บทที่ 276 อาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่เดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่บางเฉียบ! (1)
หลังจากนั้น ถานจงหลินก็เข้ามาอยู่ในทีมผู้ช่วยของเฉินชาง กลายเป็นผู้ช่วยคนที่สองของเฉินชาง ชื่อย่อคือเมียน้อย!
การเข้ามาของเมียน้อย ทำให้ทีมผู้ช่วยของเฉินชางเพิ่มบรรยากาศของการแข่งขันภายในทีมมากขึ้น
ส่วนอันเยี่ยนจวินเมียหลวงก็คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมแล้วในที่สุด เขาเริ่มใช้เล่ห์เพทุบายกับถานจงหลินเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ
ทว่าบรรกาศการแข่งขันเช่นนี้เป็นประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองฝ่ายต่างอาศัยความสามารถของตนเองช่วงชิงสิ่งที่ตนต้องการกับคู่แข่ง ความกระตือรือล้นในการเรียนรู้พุ่งสูงขึ้นมาก
อันเยี่ยนจวินมีสถานะเป็นเมียหลวง ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็มีพยาบาลสาวสามคนเป็นสาวใช้ประจำกายคอยเป็นแรงสนับสนุน
สุดท้ายแล้วมีเพียงหนทางเดียวที่ทำให้พวกเธอจะยอมแข่งขันอย่างยุติธรรม ก็คือเฉินชางจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลอันดับสอง
หากเฉินชางโดนถานจงหลินชิงตัวไปแล้ว การต่อสู่แข่งขันก็ไร้ความหมาย
ในเวลานี้ จู่ๆ เฉินชางก็พบว่าเมียหลวงกับน้อยอยู่ร่วมกันเป็นบรรยากาศที่ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไร มากคนมากความ…เขาก็ค่อนข้างรู้สึกคิดถึงฉินเยว่ขึ้นมาทันใด
ไม่พูดคุยไม่ส่งเสียงดัง
ส่งเสียงเอ่ยชมเป็นครั้งคราว
นัยน์ตากลมโตกะพริบตาปริบๆ
เวลาผ่าตัดก็อารมณ์ดี
ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือเจริญหูเจริญตา
ตาเฒ่าสองคนนี้ชิงรักหักสวาทด้วยพลังของพิษรักแรงหึง ทำให้เฉินชางเห็นหงุดหงิดใจเกินทน…
…
…
ในที่สุด วันที่ 1 ตุลาคม ก็มาถึง วันนี้ในตารางทำงานของเฉินชางเป็นสัญลักษณ์หนึ่งขีด ซึ่งหมายถึงวันเข้างานตามปกติ
ถึงแม้ว่าการเข้าเวรในแผนกฉุกเฉินจะงานหนักงานยุ่งราวกับออกรบ แต่…อย่างไรก็ไม่ได้น่าปวดหัวมากมายขนาดนั้น
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมในวัยหนุ่มที่เป็นเต็มไปด้วยพลังชีวิตของขุนนางใหญ่ถึงได้เป็นช่วงวัยที่เหนื่อยมาก!
ตอนกลางวันบริหารงานแผ่นดิน ตกเย็นต้องรับมือกับงานทุกรูปแบบ…
เฮ้อ…
ในช่วงวันชาติ จำนวนผู้ป่วยลดน้อยลงมาก ปริมาณผู้ป่วยนอกลดลงกว่าครึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม แผนกฉุกเฉินก็ไม่ได้ยุ่งน้อยลง ในทีมศัลยแพทย์ของแผนกฉุกเฉิน นอกจากเฉินชางที่เข้าเวรปกติแล้วยังมีหวังหย่งด้วย ทั้งสองมือกับเคสต่างๆ จนหัวหมุนตลอดช่วงเช้า
ส่วนหมอเหยา ทีมอายุรแพทย์ของแผนกฉุกเฉินกลับงานยุ่งยิ่งกว่า เรียกว่าเหนื่อยเยี่ยงสุนัข เพราะวันนี้คนที่เขาเข้าเวรด้วยคือหมอเหยียนหมิง
หมอเหยียนเป็นหมอแผนกฉุกเฉินที่ขึ้นชื่อเรื่องขี้เกียจมาก วางมาดยิ่งกว่าหลี่เป่าซาน วันๆ ถือแก้วเก็บความร้อนเดินไปเดินมา พอมีผู้ป่วยเข้ามา ก็ค่อยให้คนไปตามมาตรวจอาการให้ผู้ป่วย
กล่าวโดยสรุปคือ แผนกฉุกเฉินเป็นแผนกที่หมอสูงวัยได้รับความสุขสบาย
โรงพยาบาลก็ไม่คิดจะถือสาหาความกับคนประเภทนี้ คิดแค่ว่าอยู่อีกปีสองปีก็เกษียณแล้ว ถึงอย่างไรการที่มีคนประเภทนี้อยู่ก็ไม่สร้างปัญหาใหญ่โตอะไร
ถึงแม้เหยียนหมิงจะไม่ค่อยใส่ใจกับหน้าที่สักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคนที่เอาตัวรอดได้ดีมาก นับว่าเป็นความสามารถประจำตัวอย่างหนึ่ง
ทุกวันนี้เวลาที่หมอแต่ละท่านต้องประจำจุดต่างๆ สิ่งแรกที่อาจารย์ของพวกเขาจะสอนก็คือการรู้จักเอาตัวรอด
เหยาจื้อเหวินกับเฉินชางเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลอันดับสองในรุ่นเดียวกัน เขาจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ตงหยาง สาขาอายุรศาสตร์โรคหัวใจ เป็นบุคลากรภายในสังกัดเหมือนกันกับหวังเชียนและฉินเยว่
เหยาจื้อเหวินมีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว ไม่ใช่คนช่างพูด เวลาที่พบปะผู้คนก็มักจะยิ้มเป็นส่วนใหญ่ ดูเป็นคนขี้อายเหมือนกับผู้หญิง เป็นคนซื่อๆ ไร้พิษภัย การที่เขาได้เจอกับเหยียนหมิง นับว่าเป็นเรื่องที่โชคร้ายมาก
ตลอดช่วงเช้าทำงานไม่ได้หยุดพัก
เวลาประมาณสิบเอ็ดโมง เหยาจื้อเหวินวิ่งมาหาเฉินชางด้วยความรีบร้อน กล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนกังวลใจ “หมอเฉินครับ คุณช่วยดูอาการผู้ป่วยให้ผมที!”
เฉินชางพยักหน้า ตามเหยาจื้อเหวินไปที่ห้องฉุกเฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ