เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ นิยาย บท 278

บทที่ 278 ทำให้คุณต้องลำบาก!

เฉินต้าไห่ถือกระเป๋าเดินทางให้หยางจยาฮุ่ย ปากก็เหน็บแนมอยู่ตลอดเวลา “คุณขนข้าวของมาเยอะขนาดนี้ กระเป๋าใบเล็กใบใหญ่กองเบ้อเร่อ ที่บ้านเรายังมีของอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง”

เมื่อเฉินต้าไห่เห็นว่าภรรยาไม่สนใจตน ก็กล่าวต่ออีกสองสามประโยคว่า “เรามาอยู่แค่สองสามวัน ไม่ได้ย้ายบ้านสักหน่อย”

หยางจยาฮุ่ยหันกลับมาถลึงตาใส่เขา “เฉินต้าไห่ คุณนี่บ่นไม่จบไม่สิ้น? ตลอดทางบ่นมากี่ร้อยรอบแล้ว บ่นเป็นผู้หญิงไปได้!”

เฉินต้าไห่กระแอมทีหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรอีก

หยางจยาฮุ่ยหันมาอีกกะทันหัน “เฮ้อ ฉันถามคุณนะ ที่ชางเอ๋อร์รีบให้เรามาช่วยเลือกซื้อบ้านเพราะไปถูกใจลูกสาวใครเข้าหรือเปล่า”

เฉินต้าไห่ขมวดคิ้ว พยักหน้า “อืม ผมว่าเป็นไปได้!”

ผ่านไปครู่หนึ่ง

จู่ๆ ก็เหมือนว่าหยางจยาฮุ่ยจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอกดเสียงทุ้มต่ำ “คุณดูสิว่าเงินยังอยู่หรือเปล่า”

เฉินต้าไห่ถลึงตาใส่เธอ “คุณถามเรื่องนี้ที่สถานีรถไฟทำไม!”

หลังจากพูดจบ เขาก็ลูบๆ คลำๆ กระเป๋าใบหนึ่งที่พกติดตัวมา จากนั้นก็มองซ้ายมองขวาแล้วพยักหน้าให้หยางจยาฮุ่ย “อืม! อยู่ๆ!”

เมื่อหยางจยาฮุ่ยได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ “ทำไมยังไม่มาอีกนะ ฉันจะลองโทรหาชางเอ๋อร์ดู? ฉันพกเงินติดตัวไว้เยอะขนาดนี้ใจคอไม่ค่อยดี”

เฉินต้าไห่กล่าว “เมืองใหญ่อย่างเมืองอันหยางจะรถติดก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องเร่งลูกหรอกน่า”

เมื่อตอนที่ทั้งสองได้ยินเรื่องเฉินชางจะซื้อบ้าน พวกเขาก็ถึงกับตกใจทันที ตลอดระยะเวลาสองปีที่เฉินชางเรียนจบทำงานก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมากนัก ส่วนลูกชายคนที่สองเรียนมัยธยมปลายก็ไม่ได้ใช้เงินเยอะ เลยเก็บออมเงินได้หนึ่งแสนแปดหมื่นหยวน แต่ทั้งสองสามีภรรยาสูงวัยคู่นี้ได้สืบข้อมูลมาว่าบ้านตารางเมตรละหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน ก็เลยรีบหยิบยืมเงินคนสนิทในหมู่บ้านเดียวกันมา

โชคดีที่ปกติครอบครัวเฉินมักจะตระเวนไปช่วยงานบ้านต่างๆ ก็เลยขอหยิบยืมเงินมาได้ มาอันหยางในครั้งนี้นำเงินมาทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน สองสามีภรรยาขนเงินมาจนเกลี้ยงบ้าน

เป็นพ่อแม่คน เมื่อได้ยินลูกชายตนเองบอกว่ามีเงินๆ ก็ยังรู้สึกไม่วางใจ เลยพยายามออกแรงช่วยเท่าที่จะไหว ต่อให้ไม่มีกำลังก็ต้องช่วยให้ได้

ถึงอย่างไรเสียซื้อบ้านก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ?

จะมีครอบครัวไหนหาเงินได้มากขนาดนี้ได้ในเวลารวดเร็ว?

หยางจยาฮุ่ยอดถามไม่ได้ว่า “ตอนนี้เงินของครอบครัวมีไม่ถึงหนึ่งหมื่นหยวนแล้ว เราเก็บส่วนหนึ่งไว้ให้หลัวเอ๋อร์แล้วใช่มั้ย หลัวเอ๋อร์ยังต้องใช้เงินเรียนหนังสือ…”

เฉินต้าไห่ส่ายหน้า “จัดการเรื่องของชางเอ๋อร์ก่อนเถอะ นิสัยของชางเอ๋อร์เป็นยังไงคุณก็รู้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเหตุบางอย่างคงไม่มีรีบร้อนซื้อบ้านหรอก ผมเดาว่าจะต้องเจอผู้หญิงที่ถูกใจแล้วแน่ ครอบครัวผู้หญิงคนนั้นจะต้องเร่งเร้าให้เขาซื้อบ้าน?”

หยางจยาฮุ่ยพยักหน้า เธอเองก็คิดเช่นนั้น

“ค่าเล่าเรียนของหลัวเอ๋อร์จะต้องจ่ายหลังปีใหม่ ผ่านฤดูใบไม่ผลิไปแล้ว พวกเราก็ขายข้าวโพดของปีนี้ ช่วงครึ่งปีหลังนี้ยังมีเวลาเตรียม ปีหน้าเราก็มีเงินสำหรับค่าเรียนค่ากินอยู่ของหลัวเอ๋อร์แล้ว ใช้ชีวิตไปข้างหน้า ฟันฝ่าอุปสรรคไปทีละอย่าง”

ถึงหยางจยาฮุ่ยจะปากเก่งแค่ไหน แต่สุดท้ายก็เชื่อฟังเฉินต้าไห่อยู่ดี

เฉินต้าไห่กับภรรยายืนรออยู่ไม่นานมากนัก เฉินชางกับเฉินหลัวก็เห็นพวกเขาแล้ว ทั้งสองเดินเข้ามาต้อนรับพ่อแม่ด้วยรอยยิ้ม

เมื่อหยางจยาฮุ่ยเห็นเฉินชางกับเฉินหลัวเดินเคียงข้างกันมาแต่ไกล ลูกชายทั้งสองเติบโตกันทั้งคู่แล้ว ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของเธอเบ่งบาน ก็นี่คือสิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ปรารถนาไม่หรือ!

เฉินชางเดินเข้าไปหาพ่อแม่ของเขา มองดูพ่อแม่ที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

เฉินต้าไห่รูปร่างสูงใหญ่ ทำงานอยู่หน้าเตามายาวนานหลายปี ผิวพรรณจึงค่อนข้างดำคล้ำ เฉินต้าไห่สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น เผยให้แขนที่กำยำล่ำสันมาก แน่นอนว่าไม่ได้เป็นมัดกล้ามที่งดงามเหมือนกับนักเล่นกล้าม แต่ในภาพความทรงจำของเฉินชาง แขนของพ่อทรงพลังมากมาโดยตลอด

สองพี่น้องครอบครัวเฉินต่างก็มีโครงสร้างของร่างกายที่เหมือนเฉินต้าไห่ รูปร่างสูงใหญ่ เฉินหลัวดูกำยำกว่าเฉินชาง แต่รูปร่างเฉินชางก็จัดว่าใช้ได้ ใช้ชีวิตอยู่แผนกฉุกเฉินมายาวนานหลายปี ถือเป็นการฝึกฝนร่างกายและจิตใจไปในตัว

ส่วนหยางจยาฮุ่ยแม่ของเฉินชางเป็นหญิงชนบท หนักเอาเบาสู้ ประหยัดอดออม จัดการดูแลครอบครัว ทำให้ครอบครัวเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์

ถึงแม้ว่าครอบครัวเฉินสี่คนพ่อแม่ลูกจะไม่ถึงขั้นร่ำรวย แต่ก็จัดว่าเป็นครอบครัวที่เปี่ยมล้นด้วยความสุข

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ