บทที่ 545 ทำไมไม่ใช่ปีนี้ – ตอนที่ต้องอ่านของ เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
ตอนนี้ของ เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 545 ทำไมไม่ใช่ปีนี้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 545 ทำไมไม่ใช่ปีนี้
สองวันนี้เหล่าเฮ่อนอนพักฟื้นอยู่ในห้อง ICU ภรรยาของเขาอยู่ดูแลไม่ได้ จึงนั่งรถตู้ของเหล่าเฮ่อกลับบ้านไปเก็บข้าวของเสียเลย รอให้เหล่าเฮ่อย้ายตัวไปที่แผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีก่อน ถึงตอนนั้นค่อยไปดูแล
ระหว่างทางกลับบ้าน ความรู้สึกในใจของเฉินต้าไห่ขึ้นลงไม่หยุดนิ่ง!
เขารู้ว่าลูกชายของตัวเองเก่ง แต่…นึกไม่ถึงว่าจะเก่งขนาดนี้!
กลับบ้านมารอบเดียว ไปโรงพยาบาลแค่เที่ยวเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญชั่วคราวของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลจิ้นหยางแล้ว จะว่าไปก็เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลและบรรพบุรุษจริงๆ!
พอนึกถึงว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลหลิวคนนั้นให้ความสำคัญกับชางเอ๋อร์ เหล่าเฉินก็รู้สึกสดชื่นสบายใจ
ตอนนี้เขาตัดสินใจว่าหลังจากกลับบ้านไปวันนี้ พรุ่งนี้เช้าจะไปเยี่ยมหลุมศพของบรรพบุรุษตระกูลเฉินสักหน่อย ไม่รู้ว่ามีควันเขียวผุด[1]จากหลุมฝังศพหรือเปล่า…
ลูกชายมีอนาคต คนเป็นพ่อภาคภูมิใจที่สุด
พอคิดว่าผู้อำนวยการและบรรดาหัวหน้าแผนกของโรงพยาบาลผู้สูงส่งมาเคารพนับถือตน ในใจของเฉินต้าไห่ก็ผ่อนคลายมากจริงๆ
เขาเอารื่องนี้ไปคุยอวดคนในหมู่บ้านได้ทั้งชาติเลย ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เฉินต้าไห่จะรู้สึกว่าคนเราถ้าเก่งจริงๆ ใครยังจะมัวมาคุยอวดอีก
ก็เหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ตนยังไม่ได้คุยอวด คนอื่นก็มองตนสูงส่งแล้ว ยังจะมีหน้าไปคุยอวดอีกเหรอ…
พอคิดได้แบบนี้ เหล่าเฉินก็รู้สึกทอดถอนใจจริงๆ!
……
คนที่ซาบซึ้งใจเรื่องนี้ที่สุดก็คือภรรยาของเหล่าเฮ่อและคนในครอบครัว เธอพูดถึงเฉินชางกับฉินเยว่ในแง่ดีตลอดทาง ซาบซึ้งใจมากจริงๆ
ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินชาง ก็ยังไม่ต้องพูดถึงว่าต้องจ่ายเท่าไร ชีวิตของเหล่าเฮ่อก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมง นี่คือเวลาที่เธอรู้สึกทรมานที่สุดแล้ว
อีกทั้งพอนึกถึงคำพูดของเสี่ยวเฉินที่บอกว่าตนไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล นี่ต้องเป็นเงินจำนวนเท่าไรกัน…
สำหรับครอบครัวคนธรรมดาทั่วไป บุญคุณส่วนนี้…หนักดุจขุนเขาจริงๆ!
เธอคิดไปคิดมา คิดว่าถ้าเหล่าเฉินจัดงานเลี้ยงเมื่อไร เธอก็จะไปช่วยงานในครัวสักหน่อยก็แล้วกัน ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีความสามารถมากมายขนาดไหนกัน
รอให้ลูกตัวเองกลับมาก่อน จะต้องให้พวกเขาจดจำบุญคุณส่วนนี้ของเหล่าเฉินเอาไว้แน่นอน!
วันนี้เฉินชางกับฉินเยว่ต้องกลับเมืองอันหยาง ตั๋วรถก็จองไว้แล้ว จึงปฏิเสธคำเชิญรับประทานอาหารของผู้อำนวยการโรงพยาบาลและบรรดาหัวหน้าแผนกเสียเลย
ส่วนหยางจยาฮุ่ยพอรู้ว่าทุกคนจะกลับมา เธอก็รีบเตรียมกับข้าว นำไข่ไก่สิบกว่าชั่งที่เก็บไว้ในโกดังมาห่อใส่กล่อง นำข้าวฟ่างที่เก็บรักษาไว้ในห้องใต้ดินมาห่ออีกยี่สิบสามสิบชั่ง ฉินเยว่จะได้นำกลับไปด้วย
ในบ้านไม่มีของที่มีค่าอะไร ฉินเยว่ชอบไข่ไก่ที่บ้าน ทั้งยังบอกอีกว่าโจ๊กข้าวฟ่างหอมมากยอดวิถีแห่งปีศาจ
หยางจยาฮุ่ยห่อไข่ไก่กับข้าวฟ่างไว้ให้เต็ม ทั้งยังมีวอลนัทอีกมากมาย อยากจะให้ฉินเยว่และเฉินชางนำกลับไปด้วย แต่ก็นำไปได้ไม่เยอะเท่าไรเลย
ตอนที่กินข้าว เหล่าเฉินก็บอกกับเฉินชางว่า “ชางเอ๋อร์ ต่อไปเวลาไปกลับ ลูกซื้อรถสักคันเถอะ นั่งรถไม่สะดวก ลูกเองก็ขับรถเป็น จะได้พาเยว่เยว่กลับมาบ่อยๆ”
เป็นอย่างนี้จริงๆ เฉินชางเป็นคนที่ขับรถชำนาญ หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ไปสอบใบขับขี่แล้ว เมื่อก่อนพอปิดเทอมกลับบ้านมาก็ขับรถตู้ของเฉินต้าไห่ไปซื้อของที่ตงหยาง
เฉินชางฟังแล้วพยักหน้า
หยางจยาฮุ่ยได้ยินเฉินต้าไห่ชมเฉินชาง เธอก็ย่อมมีความสุขมากอยู่แล้ว หลังจากได้ยินข่าวว่าเฉินชางจะได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญรับเชิญของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลจิ้นหยาง สีหน้าก็ดูเบิกบานใจมาก
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขก็คือ ต่อไปนี้ลูกชายจะได้กลับบ้านบ่อยๆ แล้ว
ในฐานะคนเป็นแม่ บางครั้งก็ไม่อยากให้ลูกตัวเองสร้างผลงานยิ่งใหญ่อะไรมากมายนัก แค่ได้ใช้ชีวิตสงบสุขไปตลอด และกลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยๆ ก็พอแล้ว
เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มทันที “ซื้อรถเถอะ รีบซื้อสักคันเถอะลูก แม่จะรวบรวมเงินให้ ซื้อรถดีๆ สักคัน! ต่อไปเยว่เยว่จะได้กลับมาเยี่ยมบ้านกับเฉินชาง”
ฉินเยว่พยักหน้า ตอนนี้เธอชอบคุณอากับคุณน้าที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายสองคนนี้มาก
พอกินข้าวเสร็จ หยางจยาฮุ่ยก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะจูงมือฉินเยว่เข้าไปในห้องนอนที่อยู่ข้างๆ
“เยว่เยว่ หนูนั่งลงก่อนจ้ะ”
พอพูดจบ หยางจยาฮุ่ยก็เดินเข้าไปข้างใน หยิบกล่องเล็กใบหนึ่งจากชั้นบนของตู้ แล้วนำกำไลหยกจากในนั้นออกมาวงหนึ่ง
หยกสีเขียวสด ส่วนเรื่องคุณภาพเป็นอย่างไร หยางจยาฮุ่ยก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะนี่คือกำไลที่แม่ของเฉินต้าไห่ให้เธอไว้ ถือเป็นสมบัติตกทอดจากตระกูลของเหล่าเฉิน
หยางจยาฮุ่ยทำงานหนักมาทั้งชีวิต กำไลหยกบอกบางและราคาแพง ปกติเธอทำใจนำออกมาใส่ไม่ได้เพราะกลัวจะทำแตก
ฉินเยว่หันตัวไปจ้องเฉินชาง “ถ้าคุณไม่ต้องการฉันแล้ว หรือต้องการจะมีมือที่สาม มือที่สี่ มือที่ห้าที่หกอะไรขึ้นมา ก็จะไปหาพ่อแม่ของคุณ ให้พวกท่านทวงความยุติธรรมให้ฉัน!”
ขณะที่พูด ฉินเยว่ก็อวดกำไลในมือ “เห็นไหมคะ นี่คือกระบี่อาญาสิทธิ์[2]! คุณน้าบอกไว้แล้วว่าให้คุณดูกำไลหยกวงนี้ไว้ กำไลวงนี้ก็เหมือนเห็นท่าน!…
…ดังนั้น คุณต้องทำตัวดีๆ นะคะ!” ฉินเยว่ยกมือลูบศีรษะเฉินชาง
“แม่ผมถึงขนาดมอบกำไลให้คุณเลยเหรอ” เฉินชางอึ้งไปเลย
ฉินเยว่เลิกคิ้ว กล่าวปนเสียงหัวเราะคิกคัก “ก็ใช่สิคะ คุณอากับคุณน้าชอบฉันแล้วค่ะ!”
เฉินชางกลอกตามองบน “เฮ้อ…หลังจากย่ามอบให้แม่ผม แม่ผมก็ไม่กล้าใส่มันเลยทั้งชีวิต”
พอฉินเยว่ได้ยินแบบนี้ ก็คิดอะไรเจ้าเล่ห์ไปเรื่อย ฉันควรจะซื้อกำไลให้คุณน้าสักวง กำไลทอง!
ไม่เลวเลย!
เพราะกำไลทองทนทาน!
คุณน้าต้องชอบแน่นอน
ฉินเยว่มองไปนอกกระจก
หลังจากผ่านไปนาน เธอก็มองเฉินชางพร้อมบอกว่า “ฉันจะดีกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณนะคะ!”
เฉินชางมองฉินเธอด้วยรอยยิ้ม“อื้ม”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามว่า “ปีหน้าพวกเราแต่งงานกันดีไหม”
ฉินเยว่เหม่อทันที “ทำไมไม่ใช่ปีนี้คะ”
“…” เฉินชางได้แต่งง…
[1] ควันเขียวผุดจากหลุมฝังศพบรรพบุรุษ 祖坟冒青烟 อุปมาว่ามีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น มีคนกำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งขุนนาง
[2] กระบี่อาญาสิทธิ์ ของที่ข้าราชการชั้นสูงได้รับพระราชทานจากพระเจ้าแผ่นดินให้กระทำการบางอย่าง ผู้ถือกระบี่อาญาสิทธิ์ย่อมมี ‘อาญาสิทธิ์’ ดังกล่าวเสมอองค์พระเจ้าแผ่นดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ