อ่านสรุป บทที่ 687 ทุ่มสุดตัว จาก เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ โดย Internet
บทที่ บทที่ 687 ทุ่มสุดตัว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายSlice of Life เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตลอดทาง ลู่เจี๋ยค่อนข้างเงียบ
เฉิงเฉิงปลอบแม่อยู่ตลอด “แม่คะ คุณอาหมอคนนั้นว่าเฉิงเฉิงให้แม่ฟังใช่ไหม แม่อย่ากังวลได้ไหมคะ”
“คุณอาหมอโกหก เขาเกี่ยวก้อยกับหนูแล้วว่าจะไม่บอกแม่…”
ลู่เจี๋ยมองดูลูก อดลูบศีรษะเธอไม่ได้ เฉิงเฉิงแปดขวบเริ่มเข้าชั้นประถมฯ ปีที่สองแล้ว เด็กอายุเท่านี้คนอื่นยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอยากเล่นสนุกทั้งวันอยู่เลย แต่เฉิงเฉิงกลับรู้เดียงสาขนาดนี้ เริ่มช่วยเธอแบ่งเบาความทุกข์คล้ายผู้ใหญ่ตัวน้อยแล้ว
เขาพูดกันว่าคนต้องใช้ชีวิตตามไปกับการแก้ปัญหา
บางครั้งลู่เจี๋ยยอมให้เฉิงเฉิงก่อเรื่องซุกซนสักหน่อยดีกว่า ไม่จำเป็นต้องรู้เดียงสาขนาดนี้
คนที่รู้เดียงสาทำให้คนอื่นหวาดกลัว
หยางไคฮว่ามองดูทั้งสองคน จู่ๆ ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา ถ้าลูกเมียตนยังอยู่ ก็อาจจะ…อายุพอพอกับเฉิงเฉิงล่ะมั้ง
พอคิดถึงตรงนี้ หยางไคฮว่าก็อดถอนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
ภายในรถ ทั้งสามคนต่างครุ่นคิด
ในสมองน้อยๆ ของเฉิงเฉิงก็กำลังคิดอยู่…คุณอาที่เจอวันนี้ได้บอกแม่ว่าตนป่วยอะไรหรือเปล่า
พอคิดถึงตรงนี้ เฉิงเฉิงก็เริ่มเป็นกังวลอย่างเลี่ยงไม่ได้…
ถ้าเราป่วย ถ้าต้องตามพ่อไปแล้ว…
ใครจะดูแลแม่…
ตอนแม่ร้องไห้ใครจะมาดู
เฉิงเฉิงมองแม่ เอ่ยปลอบว่า “แม่คะ รอเฉิงเฉิงโตแล้วจะซื้อรถสวยๆ เหมือนรถคันนี้ของคุณลุงให้แม่นะคะ”
ลู่เจี๋ยใจอ่อนยวบ รีบหันหน้าหนี โตแล้ว…
เมื่อไรกันนะที่คำว่าโตแล้วกลายเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับเธอ
เธอคิดมาตลอดว่าเฉิงเฉิงโตแล้วก็ดี มาตอนนี้…หลังจากลู่เจี๋ยได้ฟังคำของเฉินชาง…พลันรู้สึกว่าตอนนี้เฉิงเฉิงก็ดีมากแล้ว ดีที่สุดแล้ว…อย่าโตเลย
‘ถ้าไม่เกิดเหตุไม่คาดฝัน คงอยู่ได้ไม่เกินอายุสามสิบ...’
คำพูดนี้วนเวียนอยู่ในสมองลู่เจี๋ยเหมือนฝันร้าย
ลู่เจี๋ยตั้งใจแน่วแน่!
จะต้องรักษา!
สิ้นเนื้อประดาตัวก็ต้องรักษา!
……
……
วันต่อมา เฉินชางไปหาเถามี่ เล่าเรื่องให้ฟังทันที
หลังจากเถามี่ได้ยินคำว่า ‘การแก้ไขการเคลื่อนตัวของหลอดเลือดแดงใหญ่แต่กำเนิดร่วมกับความผิดปกติของหัวใจ’ นี้ ก็ย้ำอยู่สามรอบ ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทุกรอบ
“นี่มันการผ่าตัดใหญ่ครั้งหนึ่งเลยนะ คนเดียวทำไม่สำเร็จอยู่แล้ว จำเป็นต้องให้ทีมศัลยกรรมหัวใจเฉพาะทางทีมหนึ่งมาทำ อย่างน้อยโรงพยาบาลเราทำไม่ได้!”
“ผมว่าถ้าคำนึงถึงความน่าเชื่อถือ ต้องไปโรงพยาบาลฟู่ว่ายดีกว่าไหม ไม่ก็โรงพยาบาลฉีหลู่ก็ได้”
พอลู่เจี๋ยได้ยินเข้าก็งุนงงทันที!
“หัวหน้าเถา ถ้าไปเมืองหลวงต้องใช้เงินเท่าไรคะ”
ลู่เจี๋ยก็กังวลเช่นกัน!
หลังจากสามีตายในหน้าที่ตอนนั้น ทางการย่อมต้องให้ค่าทำขวัญมาหลายแสน แต่…ค่าทำขวัญไม่ได้ให้แค่ตนนี่
พ่อแม่สามีไม่มีงานทำ หลังจากลูกชายเสียชีวิต แม่ย่าก็ป่วยติดเตียง ใช้เงินไม่น้อย
สองปีมานี้เหลือไม่ถึงสองแสน ลูกเข้าเรียน ค่าใช้จ่ายประจำวันในบ้าน มิหนำซ้ำยังซื้อรถคันหนึ่งเพื่อทำงาน
ตอนนี้เงินที่มีอยู่ในมือมีที่ต้องใช้อย่างชัดเจนทั้งนั้น ลู่เจี๋ยเสียดายไม่กล้าใช้สุ่มสี่สุ่มแม้แต่แดงเดียว
พอเถามี่รู้สถานการณ์ของอีกฝ่ายแล้วก็พูดว่า “ผมมีเพื่อนอยู่โรงพยาบาลฟู่ว่าย เดี๋ยวผมโทรไปถามทางนั้นดีกว่า”
ไม่นานเถามี่ก็โทรติด หลังจากถามสถานการณ์ชัดเจนแล้ว อีกฝ่ายพูดหลายอย่าง
พอวางสาย เถามี่ก็มองดูลู่เจี๋ยแล้วพูดว่า “การผ่าตัดนี้ถ้าไปเมืองหลวง ค่าผ่าตัดกับค่านอนโรงพยาบาลอาจจะต้องอยู่ที่หนึ่งแสนกว่า รวมโรคที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังแล้ว อาจจะยังต้องติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจ…ดังนั้นรวมกันแล้วอาจจะถึงสองแสนกว่า”
เมื่อได้ยินตัวเลขมหาศาลนี้เข้า ลู่เจี๋ยตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีทันที
เฉินชางได้ยินแล้วก็นิ่วหน้า “ในมณฑลเราทำไม่ได้เหรอครับ”
เถามี่นิ่วหน้า “คราวก่อนผมได้ยินผู้อำนวยการสยงกับผู้อำนวยการฉินเย่วหมิงพูดขึ้นมา ไม่งั้นไปถามพวกเขาไหม”
เช้าวันเดียวกัน เฉินชางติดต่อเจ้าพ่อศัลยกรรมหัวใจในมณฑลสี่คนอย่างสยงคังอวี้ ฉินเยว่หมิง หยางเจี้ยนซู่รวมถึงซย่าเกาเฟิงทันที
ส่วนลู่เจี๋ยลาหยุดให้ลูก พาลูกมาที่โงพยาบาล ให้ลูกตรวจอาการที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
เฉิงเฉิงนั่งอยู่ตรงนั้น มองดูพวกคุณอา คุณลุง คุณปู่บรรยายให้ตนฟัง
เพราะฉะนั้น ไม่อย่างนั้นจ้าวซิงกับหัวหน้าสือเทาจากแผนกรังสีวิทยายังจะงุนงงได้อย่างไร
หลังจากถกกันรอบหนึ่ง ฉินเยว่หมิงก็เอ่ยขึ้นกะทันหันว่า “ผมรู้จักผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง เป็นหมอที่โรงพยาบาลทั่วไปแห่งเขตทหารเสิ่นหยาง เขาผ่าตัดลักษณะนี้มาสิบกว่าเคส คงถือว่ามีประสบการณ์มากอยู่ ไม่งั้นให้ผมไปเชิญเขามาเป็นแพทย์ผู้นำทีมไหม”
ทุกคนสบตากัน เรียกลู่เจี๋ยเข้ามาถามความเห็นของเธอ
ถึงอย่างไรเรื่องอย่างการเชิญผู้เชี่ยวชาญยังจำเป็นต้องให้ครอบครัวตัดสินใจเอง
ลู่เจี๋ยซาบซึ้งกับผู้เชี่ยวชาญไม่สิ้นสุดอยู่ก่อนแล้ว ปากพูดขอบคุณไม่หยุด
ฉินเยว่หมิงโบกมือพูดว่า “วางใจเถอะครับ เรื่องของเฉิงเฉิงพวกเราจะต้องทุ่มสุดตัว พ่อของเขาเป็นฮีโร่ ประเทศและประชาชนจะทำให้ลูกของเขาผิดหวังไม่ได้หรอก”
บรรดาหัวหน้าที่อยู่รอบๆ ก็พากันพยักหน้า!
“ใช่ครับ คุณวางใจก็พอครับ พวกเราจะต้องทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยให้การผ่าตัดลุล่วง!”
ประโยคเดียวทำให้ลู่เจี๋ยน้ำตาไหลอาบแก้ม
ด้านเฉิงเฉิงที่ตามเข้ามาก็ร้องไห้ขึ้นทันทีเสียแล้ว
เธอไม่ได้คับข้องใจ เพราะพอเธอได้ยินว่าพ่อเป็นฮีโร่ทีไรก็จะร้องไห้ไม่หวาดไม่ไหว
หลังจากที่โทรติด อีกฝ่ายได้รู้เคสของเฉิงเฉิง ก็ลังเลครู่หนึ่งแล้วปฏิเสธเสียแล้ว
“เหล่าฉิน ไม่ใช่ว่าผมไม่ช่วยคุณ หรือไม่ใช่ผมไม่ผ่าตัดให้เด็ก ตะ…ตอนนี้อาการพาร์กินสันผมรุนแรงหน่อย ผมกลัวว่าตอนผ่าตัดจะเกิดเหตุไม่คาดฝันน่ะ ไม่งั้นเอาอย่างนี้ เดี๋ยวคืนนั้นผมไปหา ผมแชร์ประสบการณ์ให้พวกคุณได้”
พอวางสาย ทุกคนก็นิ่งเงียบไป
สยงคังอวี้ถอนใจ “ผมไปติดต่อฟู่ว่าย!”
ซย่าเกาเฟิง “ผมรู้จักหัวหน้าใหญ่แผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลฉีหลู่ เดี๋ยวผมถามให้ด้วย”
ลู่เจี๋ยเห็นหัวหน้าผู้กระตือรือร้นแต่ละคน ในใจเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและสั่นสะท้าน เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นอย่างหนึ่งเป็นครั้งแรก
ในตอนนี้เอง เฉินชางพูดขึ้นว่า “ให้ผมเป็นแพทย์ผู้นำทีมเถอะครับ!”
ทุกคนหันมามองเฉินชางตามเสียง ตาเบิกกว้าง เอ่ยถามด้วยความตื่นตะลึง “คุณผ่าตัดเคสนี้เป็นเหรอ”
เฉินชางพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ผมทำได้ครับ!”
ทุกคนต่างชะงักไปทันที
รวมถึงเฉิงเฉิงด้วย เธอมองคุณอาหนุ่มผู้นี้อย่างสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ